นาทีนี้มีลุ้น จองแฮอิน พระเอกจากซีรี่ส์ Something in the Rain เปิดใจ “คุณไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ภายหลังจากมีข่าวลือออกเดทกับนูน่า ซนเยจิน

พระเอกเจ้าของฉายา “รอยยิ้มพิฆาตใจ”

เคมีเข้ากันดีจนเป็นที่จับตานับตั้งแต่ละครเริ่มเปิดกล้องเลยทีเดียว สำหรับคู่ขวัญจากซีรี่ส์ดัง Something in the Rain พระเอกดาวรุ่ง จองแฮอิน วัย 30 ปี และ นางเอกมากฝีมือ ซนเยจิน วัย 36 ปี ที่สวมบทเป็นคู่รักต่างวัยได้อย่างกลมกลืนราวกับทั้งคู่เป็นคนรักกันในชีวิตจริง เพราะไม่ว่าจะเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังก็ได้เห็นความใกล้ชิดของทั้งคู่ ซึ่งก่อนหน้านี้นางเอก ซนเยจิน ถึงกับบอกว่า “คนส่วนใหญ่ไม่ถามฉันว่าเดทอยู่หรือเปล่า? แต่กลับเลือกถามว่าพวกเราเดตกันอยู่ใช่ไหม? พวกเขาได้ยินมาว่าเราเดทกัน” ทว่าเมื่อให้เธอฟันธงดาราสาวกลับไม่ตอบ ก่อนจะโยนให้นักข่าวไปถามเรื่องนี้กับพระเอกหนุ่มรุ่นน้องแทน

ภาพถ่ายของพระเอกหนุ่มกับนางเอกรุ่นพี่ “ซนเยจิน”

ล่าสุดสื่อเกาหลีได้สอบถามเรื่องนี้กับพระเอกหนุ่มคนนี้ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า คนรอบตัวเขาต่างถามถึงเรื่องนี้ ทั้งยังบอกอีกว่า ทำไมถึงไม่เดตกันไปเลย ถ้าคบกันพวกเขาจะสนับสนุน ทำให้เขาต้องปรึกษาเรื่องนี้กับนางเอกรุ่นพี่ ซนเยจิน

งานนี้บอกเลยว่ามีลุ้นเพราะส่วนใหญ่หากไม่ใช่คู่กันแล้วทั้งสองฝ่ายจะออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจน ทว่าเรื่องนี้ หนุ่ม จองแฮอิน กลับหยอดให้แฟนๆได้ลุ้นกันต่อซะอย่างนั้น

ภาพจากซีรี่ส์ Something in the Rain

“ยังไงก็ตามสิ่งที่เราถ่ายทำกันไปไม่ใช่สารคดี แต่เป็นเรื่องแต่งและเรื่องโกหก ผมพยายามแสดงออกมาให้ดีในทุกๆ ตอน และผลตอบรับที่ดี ทำให้ผมคิดว่าเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วล่ะ แต่หลังจากนั้น คุณไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“ตอนนี้ผมกับพี่เยจินติดต่อกันได้อย่างอิสระ เธอไม่ใช่นักแสดงรุ่นพี่ที่ทำให้ผมรู้สึกเกร็งอีกต่อไป เพราะเมื่อได้ใกล้ชิดกับเธอแล้ว เธอคือคนที่คุยด้วยง่ายและยังรับฟังความคิดเห็นของผม ผมหวังว่าต่อจากนี้เราจะยังคงใกล้ชิดและติดต่อกันและกันแบบนี้ต่อไปครับ”

ฉากหวานของ พระเอก- นางเอก ที่แฟนคลับและแฟนซีรี่ส์ ฟินจิกหมอน

อย่างไรก็ตามไม่ใช่หยอดเพียงแต่เรื่องนี้เท่านั้น ล่าสุดหนุ่มคนนี้ยังหยอดคลิปหวานมาถึงสาวไทยด้วย ก่อนที่จะลัดฟ้ามาพบกับแฟนคลับชาวไทยในวันที่ 2 มิ.ย.2561 ในงาน JUNG HAE IN ‘SMILE’ FAN MEETING IN BANGKOK ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Ultra-Arena, Show DC  บัตรราคา 4,800 / 3,500 และ 2,000 บาท จำหน่ายบัตรผ่านทาง เคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com และ Call Center 02-262-3456 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/IMEthailand หรือ Twitter: @ime_th และ Instagram: @ime_th

The post หยอดเก่ง! จองแฮอิน ตอบคำถามเดทกับนางเอกรุ่นพี่ ซนเยจิน จริงหรือไม่? appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

20 คำตอบ ญาญ่า-อุรัสยา จริงหรือที่เขาว่าเป็นนางเอกสายแบ๊ว

ยังคงรักษามาตรฐานอาชีพนักแสดงได้ดีเสมอ สำหรับ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ที่ตอนนี้กำลังมีผลงานละคร ลิขิตรัก The Crown Princess ประกบคู่ ณเดชน์ คูกิมิยะ ออนแอร์อยู่ รวมถึงงานต่างประเทศก็ได้ชิมลางบ้างแล้วอย่าง การได้รับเชิญไปชมแฟชั่นโชว์ Louis Vuitton cruise 2019 ในฐานะ Friend of Louis Vuitton ไกลถึงประเทศฝรั่งเศสเป็นปีที่สอง

จากเมื่อปี พ.ศ.2551 ที่ญาญ่าเริ่มเข้าวงการบันเทิง เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในกลุ่มพาวเวอร์ทรีรุ่นที่ 2 จนกระทั่งเริ่มเป็นที่รู้จักจากละคร กุหลาบไร้หนาม โดยการเริ่มเล่นละครของสาวญาญ่านั้น ต้องใช้ความพยายามและตั้งใจอย่างมาก เพราะไม่ใช่มีเพียงอุปสรรคด้านการแสดงเท่านั้น แต่ในเรื่องการพูดและเข้าใจภาษาไทยก็ถือเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ญาญ่าที่ต้องใช้ความอุตสาหะในการพัฒนาตนเองอย่างสุดความสามารถเลย และในช่วงเวลาต่อมา ญาญ่าก็โด่งดังแบบสุดขั้วจากละครซีรี่ส์ 4 หัวใจแห่งขุนเขา ตอน อัคนี ประกบคู่ ณเดชน์ คูกิมิยะ จนกระทั่งมีผลงานหลายบทบาทออกมาให้แฟนๆ ได้ชมอย่างสม่ำเสมอ และสิ่งหนึ่งที่มาควบคู่กันก็คือ กระแสด้านลบด้วย เช่น เป็นนางเอกสายแบ๊ว แอ๊บแบ๊ว

วันนี้ แพรวดอทคอม จึงจะขอพาไปทำความรู้จักญาญ่าจาก 20 คำถามที่เธอเคยมาให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสารแพรว ซึ่งบอกก่อนเลยว่า แฟนๆ อาจจะได้ทั้งแรงบันดาลใจ หรือยิ้มตามไปกับความน่ารักจากคำตอบของเธอ ไม่รอช้าไปรู้จักญาญ่าให้มากขึ้นกัน..น!

1. จริงไหมที่ว่าสองสาวพี่น้องเสปอร์บันด์รักกันเหลือเกิน

ญาญ่า: ทั้งรักทั้งหวงค่ะ เราห่างกัน 3 ปี แต่นิสัยคล้ายกัน พี่สาว “แคท” จะพูดเก่งและแอ๊คทีฟกว่า เราสนิทกันมากจึงปรึกษากันได้ทุกเรื่อง อย่างถ้ามีใครมาจีบพี่สาวก็เล่าให้ฟัง แต่ญาญ่าต้องโอเคด้วย ถ้าไม่ผ่านด่านนี้อย่าหวัง (หัวเราะ) ซึ่งจะบอกพี่ตรงๆ ว่า “No” เพราะบางครั้งเราคิดว่า เขาน่าจะได้คนที่ดีกว่านั้น ส่วนใหญ่พี่ก็เชื่อค่ะ ในทางกลับกัน ถ้าญาญ่ามีแฟนก็ต้องผ่านด่านพี่สาวเหมือนกัน (ยิ้ม)

2. ญาญ่าในจอทีวีดูแก่น-ซน-เซี้ยวตลอด นอกจอเป็นแบบนั้นหรือเปล่า

ญาญ่า: ที่โรงเรียน ญาญ่าเป็นเด็กหลังห้องที่เรียบร้อยมากค่ะ (หัวเราะ) ที่ต้องไปนั่งด้านหลังเพราะตัวสูง ถ้านั่งข้างหน้าจะบังคนอื่น ส่วนใหญ่หนูจะนิ่งๆ แต่ก็มีเล่นบ้างตามวัย ซึ่งเพื่อนจะบอกว่าญาญ่าติ๊งต๊อง แต่หนูก็ตามมุกเพื่อนฝรั่งทันนะคะ แต่เวลาเพื่อนคนไทยเล่นมุก ญาญ่าก็ขำ ซึ่งไม่ใช่เพราะเข้าใจ แต่เพราะตามมุกเพื่อนไม่ค่อยทัน (หัวเราะ)

3. เด็กพัทยาเก่าอย่างญาญ่า สปอร์ตี้แค่ไหน

ญาญ่า: ญาญ่าเล่นกีฬาเยอะค่ะ ทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล ว่ายน้ำ เนตบอล เพราะสมัยอยู่โรงเรียนต้องทำเอกซ์ตร้าเครดิต เผื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองนอก อีกอย่างที่พัทยาไม่มีอะไรให้ทำ ก็ต้องเล่นกีฬา เป็นสปอร์ตเกิร์ล เล่นทุกอย่างจนได้เป็นนักกีฬาโรงเรียนไปแข่งกับโรงเรียนนานาชาติที่อื่น ทีมเราชนะทุกปีค่ะ แต่ภูมิใจที่สุดคือตอนที่ได้หลายเหรียญทองจากการว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์

4. รู้ว่าญาญ่ามีฉายาบางอย่าง…คืออะไร สารภาพมาซะดีๆ

ญาญ่า: “แลสซี่” ค่ะ มาจากตอน 7 ขวบ ชอบดูหนังเรื่องแลสซี่มาก พอดูจบก็ชอบทำตัวเลียนแบบหมา ทำเสียงแฮะๆ เวลากินคอร์นเฟลกส์ก็ก้มกินในชามเหมือนหมา ไม่ยอมใช้ช้อน พี่สาวจึงตั้งชื่อให้ว่าแลสซี่ แล้วเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน พอเขาเรียก เพื่อนๆ ก็เรียกตาม แต่เพื่อนจะย่อเหลือแค่ “แลส” ขนาดคุณแม่ยังเรียกเลย ส่วนญาญ่าเป็นชื่อที่คุณพ่อตั้งให้ค่ะ เพราะฝรั่งจะออกเสียง “อุรัสยา” เพี้ยน คุณพ่อจึงเอาชื่อท้ายมาแผลงเป็น “ญ๊าญา” แล้วคนไทยก็แผลงต่อเป็น “ญาญ่า”

5. เป็นลูกครึ่งนอร์เวย์ โตที่เมืองไทย ทำไมเลือกเรียนภาษาสเปน

ญาญ่า: ญาญ่าชอบภาษาค่ะ เรียนภาษาฝรั่งเศสมาตั้งแต่เยียร์ 5 พอเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เขามีให้เลือกแค่ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สแปนิชประมาณนี้ ซึ่งถ้าต้องเริ่มจากศูนย์ ญาญ่าคงไม่ไหว แต่คิดว่าสแปนิชมีพื้นฐานใกล้กับฝรั่งเศส น่าจะพอเรียนได้ 

6. บ้านที่นอร์เวย์เป็นอย่างไร น่าเที่ยวไหม

ญาญ่า: ไม่รู้คนอื่นว่าไง แต่ญาญ่ากลับนอร์เวย์ทุกปีค่ะ ล่าสุดไปอยู่มาสองอาทิตย์ ที่นั่นเงียบๆ เต็มไปด้วยธรรมชาติ คนส่วนใหญ่แทบไม่ใช้รถเลย จะเดินหรือไม่ก็ปั่นจักรยาน แถวบ้านญาญ่าในกรุงออสโลอยู่ติดกับสวนสาธารณะ เราชอบออกมาเดินเล่นสูดอากาศกันบ่อยๆ ทะเลก็สวย ญาญ่ากับญาติๆ ชอบปีนขึ้นหน้าผาสูงๆ แล้วกระโดดลงน้ำกัน ช่วงซัมเมอร์เราจะขับรถขึ้นเหนือไปดูฟยอร์ดที่ Lὄen ใช้เวลาขับรถ 2-3 วัน โดยแวะพักตามเมืองต่างๆ พอถึงตรงจุดชมวิวก็จะเห็นกราเซียร์ ธารน้ำแข็งและฟยอร์ด สวยมาก ไปปูเสื่อนั่งปิกนิกกันบนหน้าผา ทำแซนด์วิช หรืออาหารปิ้งย่างกินไปด้วย เพลินมากค่ะ

7. พูดถึงอาหาร ลีลาแม่ครัวของเชฟญาญ่าอยู่ในขั้นไหน มีจานเด็ดแนะนำไหม

ญาญ่า: ถือว่าโอเคเลยนะคะ เพราะคุณพ่อคุณแม่ชอบทำอาหาร หนูจึงได้เข้าครัวแต่เด็ก เมนูเด็ดของญาญ่าคือ กริลล์แซลมอน ใครชิมก็บอกว่าอร่อย (หัวเราะ) เทคนิคคือเวลาหมักปลาต้องใส่พริกไทยเยอะๆ แล้วย่างไม่ให้สุกมาก จะทำให้กรอบนอกนุ่มใน ความจริงญาญ่าทำอาหารไม่เก่งหรอกค่ะ แค่ฟลุคทุกครั้ง (หัวเราะ)

8. สองคนพิเศษในวงการบันเทิงที่ญาญ่าเจอแล้วกรี๊ด

ญาญ่า: ถ้าเป็นผู้หญิงชอบพี่แอน ทองประสม มากที่สุด เพราะทั้งสวยทั้งเก่ง ตัวละครที่พี่แอนเล่นดูมีชีวิตชีวาเสมอ ตอนเจอพี่แอนครั้งแรกในละคร “เกมร้ายเกมรัก” ญาญ่าบอกเลยว่า “I love you” (หัวเราะ) ยิ่งได้คุยกันยิ่งหลงรัก พี่แอนดีกับญาญ่ามาก คอยสอนตลอด ถ้าเป็นผู้ชายปลื้มพี่เบิร์ด “โกโบริ” มาตั้งแต่เด็ก จากที่ดูซีดีเรื่อง “คู่กรรม” ของคุณแม่ ขออวดว่าตอนนี้หนูได้กอดพี่เบิร์ดแล้วนะคะ ว้าวมากๆ พี่เบิร์ดมีออร่าของซูเปอร์สตาร์และมีความรักเยอะ แค่ได้กอดพี่เบิร์ดก็มีกำลังใจขึ้นมาทันที

9. แล้วกับพระเอกขาซี้อย่างณเดชน์ล่ะ มีอะไร “น่าปลื้ม” และ “น่าเผา” บ้าง

ญาญ่า: พี่ณเดชน์เป็นนักแสดงที่มีพลังและอึดมาก ต่อให้ไม่สบาย ท้องเสีย อ้วกแตก ก็ลุกขึ้นมาแสดงได้ เต้นได้ ร้องเพลงได้ และยังไนซ์มาก ตลก เฟรนด์ลี่ คุยง่าย จนเป็นที่รักของทุกคน ขณะเดียวกันเขาก็เป็นตัวของตัวเองมาก ติสท์ๆ ชอบเล่นดนตรี ทั้งอูคูเลเล่ แบนโจ คอร์เน็ต มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาเล่นคอร์เน็ตที่กองถ่ายทุกวัน แต่ตอนนั้นเขาเพิ่งหัดเล่นใหม่ๆ ยังไม่เป็นเพลง จึงได้ยินแต่เสียง แป้ด! แป้ด! แป้ด! ช่วงนั้นทุกคนปวดหัวมากแบบ “ตายๆ มาอีกแล้ว” แต่แค่อาทิตย์เดียว เขาก็เล่นได้เป็นเพลง เก่งจริงๆ

10. ความฝันของ ด.ญ.อุรัสยา และเป้าหมายของนักแสดงที่ชื่อ ญาญ่า คืออะไร

ญาญ่า: ตอนเด็กๆ ญาญ่าฝันอยากเป็นอะไรตั้งหลายอย่าง ตอนแรกอยากมีคำนำหน้านามว่าดร.อุรัสยา เสปอร์บันด์ ฟังดูเท่ดี แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นด็อกเตอร์ด้านไหน โตขึ้นมาอีกนิดอยากเป็นทนายความตามญาติๆ หลายคนที่นอร์เวย์ แต่ตอนนี้อยากเป็นนักธุรกิจเหมือนคุณพ่อ จึงวางแผนว่าเมื่อจบมหาวิทยาลัยแล้ว จะไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบิสเนสและรับงานแสดงควบคู่ไปเรื่อยๆ

11. แสดงว่าแอบติดใจการแสดงเข้าแล้ว

ญาญ่า: ตอนเริ่มแสดงใหม่ๆ ก็ไม่ง่ายนะคะ ทุกอย่างยากไปหมด ทั้งภาษาและการตีความ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวละครนี้ถึงต้องคิดอย่างนั้น ทำแบบนี้ แต่พอทำไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจมากขึ้น เริ่มมีความสุข ถึงขั้นหลงรักในการแสดงก็ว่าได้ ดังนั้นญาญ่าจะทุ่มเต็มร้อยทุกงาน เพื่อตอบแทนความไว้ใจที่เขาจ้างเรามา

12. อุปสรรคที่ญาญ่าขอสู้ตายในตอนนี้

ญาญ่า: ญาญ่าพูดไทยไม่ชัดค่ะ จึงต้องทำการบ้านเยอะ ด้วยการอ่านบ่อยๆ และพูดออกเสียงให้คุณแม่ฟัง เพราะหนูจับจังหวะการพูดไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่าต้องทอดเสียงตรงไหน บางทีก็ออกเสียงเพี้ยน ต้องให้คุณแม่เป็นติวเตอร์ ถ้าอ่านแค่ในใจ หนูพูดชัดตลอด (หัวเราะ)

13. ทุกวันนี้มีนางเอกเกิดใหม่มากมาย บางคนดังแวบเดียวแล้วก็หายไป ญาญ่ากลัวจะเป็นอย่างนั้นบ้างไหม

ญาญ่า: ญาญ่าถือหลักว่า ในเมื่อเราทำงานตรงนี้แล้วมีความสุข เราก็ต้องให้คุณค่ากับงาน ญาญ่าจึงตั้งใจเต็มร้อยตลอด ทำทุกอย่างให้ดี ถ้าเรารักษามาตรฐานไว้ได้ก็น่าจะอยู่ไปได้เรื่อยๆ

14. โฆษณาเต็มท่วมท้นครบทุกสื่อทุกไลน์ขนาดนี้โดนแซวบ้างไหม

ญาญ่า: มีบ้างค่ะ อย่างตอนนี้เพื่อนๆ ที่จุฬาฯต้องขับรถผ่านถนนอังรีดูนังต์บ้าง หรือนั่งรถไฟฟ้า ซึ่งแถวนั้นมีโปสเตอร์โฆษณาเยอะ เพื่อนๆ จะแซวว่า “โอ๊ย…เจอหน้ายูทุกที่เลย” หรือไม่ก็ “เมื่อวานนี้ ยูกลับบ้านกับไอด้วยนะ” (ยิ้ม) แต่ญาญ่ารู้สึกดีนะคะ…ยังไม่เบื่อหน้าตัวเอง

15. ถ้าโลกจะแตก แล้วญาญ่าสามารถช่วยคนได้ 3 คน จะพาใครขึ้นจรวดไปด้วย (ยกเว้นครอบครัว เพราะทีมงานแพรวส่งไปในที่ปลอดภัยแล้ว)

ญาญ่า: โดราเอมอนค่ะ จะได้หยอดคนลงไปในกระเป๋าวิเศษได้เยอะๆ คราวนี้ไม่ต้องคิดว่ามีคนที่ 2 หรือ 3 แล้ว เพราะทุกคน รวมถึงพี่ๆ ทีมงานแพรวก็จะปลอดภัยอยู่ในกระเป๋าโดราเอมอนด้วยกันได้ (ยิ้มอย่างมีชัยชนะ)

16. แสดงว่าเป็นสาวช่างฝันช่างจินตนาการ เวลาอ่านนิยาย อินจัดขนาดไหน

ญาญ่า: มากค่ะ เพราะเวลาอ่านหนูจะจินตนาการตาม จึงไม่ชอบอ่านแนวผีหลอกวิญญาณหลอน เพราะอินมากกว่าดูหนัง เคยกลัวมากจนต้องเอาหนังสือไปแช่ในตู้เย็นช่องฟรีซ ให้มันแข็งอยู่ตรงนั้น ไม่อ่านแล้ว ส่วนแนวโรมานซ์จะชอบงานของ Cecelia Ahern ที่เขียน PS, I love you ซึ้งมาก อ่านไป จินตนาการไป ร้องไห้ไป แต่ไม่อยากเป็นนางเอกของเรื่องนะคะ เพราะไม่มีเรื่องไหนจบแบบแฮ็ปปี้เอนดิ้งเลยค่ะ

17. หนุ่มในฝันที่ญาญ่าอยากพาไปชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่นอร์เวย์มากที่สุดคือใคร

ญาญ่า: ซูเปอร์แมนค่ะ เพราะเขาเสียสละช่วยคนมาเยอะแล้ว ควรจะได้ไปเดินเล่นชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนให้ผ่อนคลายบ้าง พระอาทิตย์เที่ยงคืนจะเห็นได้ที่ Troms อยู่ทางใต้ของนอร์เวย์จังหวัดเดียว ช่วงนั้นพระอาทิตย์กับพระจันทร์จะสวนทางกัน ฟ้าจะมืดแค่ 10-15 นาที ตื่นเต้นมาก ซูเปอร์แมนน่าจะชอบค่ะ

18. ถ้าพี่ติ๊ก-เจษฎาภรณ์เป็นเนวิเกเตอร์พาน้องญาญ่าเที่ยวป่า อยากให้พาไปที่ไหน

ญาญ่า: อยากให้พาไปป่าอะเมซอนในแอฟริกา เพราะเป็นป่าที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าหลากหลาย น่าสนใจมากๆ พี่ติ๊กพาหนูไปหน่อยนะคะ

19. ถ้าให้เลือก อยากมีแฟนในวงการหรือนอกวงการ

ญาญ่า: ญาญ่าคิดว่าความรักบังคับกันไม่ได้ เมื่อถึงเวลาจะมีอาจเป็นคนที่อยู่ในวงการหรือนอกวงการก็ได้ (ยิ้มหวาน)

20. ความประทับใจกับแพรว

ญาญ่า: จำได้ว่าคุณแม่ซื้อหนังสือแพรวมาอ่านตลอดตั้งแต่ญาญ่าเป็นเด็ก พอโตขึ้นถึงทราบว่าแพรวเป็นนิตยสารขายดีที่สุดในเมืองไทย ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้มาถ่ายแฟชั่นด้วย ครั้งแรกที่ถ่ายกับแพรว เป็นแฟชั่นเซตในที่เกาะเสม็ด พี่ปู-สุเมธเป็นช่างภาพ สนุกค่ะ ประทับใจ อยากให้แพรวประสบความสำเร็จแบบนี้ไปตลอดๆ นะคะ

เรียบเรียงโดย: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ที่มา: นิตยสารแพรว ปีที่ 32 ฉบับที่ 769 (10 ก.ย. 54) หน้า 207-208
ภาพ: นิตยสารแพรว, IG @urassayas

The post บางเรื่องไม่รู้มาก่อน 20 คำตอบ ญาญ่า-อุรัสยา จริงหรือที่เขาว่าเป็นนางเอกสายแบ๊ว appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

4 เซเลบริตี้สาวเวิร์คกิ้งวูแมนชื่อดัง
เผยทริคการทำงานและไลฟ์สไตล์การแต่งตัว

เปิดมุมมองการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของ 4 เซเลบริตี้สาวเวิร์คกิ้งวูแมนชื่อดัง พร้อมเผยสไตล์การแต่งตัวอันเรียบโก้ ผ่านแบรนด์เสื้อผ้า ‘จิออร์ดาโน่ เลดี้ส’ (Giordano Ladies) คอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 ที่มีชื่อว่า ‘บี ที่ชื่อว่า เฮียร์ นาว; ดิ อาร์ต ออฟ สโลว์เนส’

นอกจากจะทำงานเก่งแล้ว บุคลิกการแต่งตัวเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดีก็สำคัญเช่นกัน ดังเช่น 4 เซเลบริตี้สาวเวิร์คกิ้งวูแมนชื่อดัง ที่ได้เลือกสวมใส่ชุดแบรนด์เสื้อผ้าสตรีจากเกาะฮ่องกงอย่าง Giordano Ladies ในคอลเล็คชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2018 โดยดีไซน์ประจำคอลเล็คชั่นนี้ ทางดีไซเนอร์ได้หยิบยกแรงบันดาลใจจากสาวๆ ที่ชอบใช้ชีวิตอิสระ รักธรรมชาติ และแฮ็ปปี้กับสิ่งเล็กๆ ที่ทำอยู่ในปัจจุบันมาออกแบบ จึงเป็นสไตล์เสื้อผ้ามินิมอล มีโทนสีฟ้า น้ำเงิน และส้มให้เลือก ซึ่งนอกเหนือจะมารวมพลแชร์ทริคการแต่งตัวกันแล้ว สไตล์การทำงานที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบธุรกิจตัวเอง เหล่าสาวๆ ก็มาเปิดใจเล่าให้ฟังแบบไม่มีกั๊กเลยล่ะ

แพร–แพรพรรณ ธรรมวัฒนะ 

เริ่มจากสาวเก่งเจ้าของฉายาเจ้าแม่ดิสนีย์เมืองไทย แพร–แพรพรรณ ที่นอกจากร้านของเล่น เพลย์เฮ้าส์ (Play House) แล้ว ก็ยังมีธุรกิจนำเข้าเครื่องประดับ กะรัต ลอนดอน (Carat London) โดยมีหัวใจหลักของการทำงานคือความขยันและรู้จักแบ่งเวลาให้เป็น

 แพร: “ตอนนี้เราทำธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์ก็ทำงานครบทั้ง 7 วัน โดยแต่ละวันก็จะวางแผนไว้เลยว่าวันนี้จะทำของแบรนด์อะไร ปกติจันทร์–ศุกร์ ก็จะเข้าออฟฟิศ ส่วนเสาร์–อาทิตย์ ก็จะเข้าหน้าร้าน เพราะเราก็ต้องลงไปดูแลลูกค้าเองด้วยว่ามีอะไรที่ยังต้องปรับปรุงบ้าง

อย่างช่วงแรกที่เริ่มทำร้านของเล่นก็จะมีปัญหาเรื่องลูกค้าแย่งของกัน เราก็ต้องแก้ปัญหาด้วยความใจเย็น ไม่ย่อท้อกับปัญหา พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งพอธุรกิจนี้เข้าที่เราก็เริ่มมองหาการทำธุรกิจใหม่ๆ เพราะเชื่อเสมอว่าชีวิตของคนเราต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ แต่นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว ก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย เพราะผู้หญิงเรามีหลายบทบาทความรับผิดชอบ ทั้งการทำงาน การเป็นลูก การเป็นเพื่อน หรือแม้แต่การเป็นภรรยา หลังจากเลิกงานก็ต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัว กับเพื่อน เพื่อเป็นการพักผ่อน ถ้าช่วงไหนมีเวลาก็จะออกเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต

ส่วนการแต่งตัวเวลาทำงาน ถ้าเป็นนัดสำคัญที่ต้องพบผู้ใหญ่เราก็จะคำนึงกาลเทศะเป็นอันดับแรก สไตล์เราก็จะชอบใส่กางเกงขายาวสีดำใส่กับเสื้อเชิ้ตทรงเรียบโก้ แล้วเพิ่มเครื่องประดับอย่างตุ้มหูเพชร นาฬิกาที่ดูดีก็จะดูน่าเชื่อถือขึ้น ส่วนลุคทำงานในวันปกติก็จะเน้นความทะมัดทะแมง อย่างวันนี้ก็เลือกใส่กางเกงพลีทสีดำแมทช์กับเสื้อเปิดไหล่ ก็จะได้ลุคที่คล่องตัวที่มีความเฟมินีนแฝงอยู่”

แป้ง–อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ

ด้านสาวยิ้มสดใส แป้ง–อัชฌา ผู้เชื่อเสมอว่าการมีทีมที่ดีและให้คนทำงานตามความสามารถจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้เร็ว โดยปัจจุบันเป็นผู้นำเข้าคาเฟ่ขนมหวานจากไต้หวัน คิวคิว ดิเสิร์ท (QQ Dessert) ที่สามารถขยายสาขาได้มากถึง 6 สาขาภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี 

แป้ง: “การเริ่มต้นทำธุรกิจของเรานั้นเริ่มจากการมองเรื่องใกล้ตัวว่าเราชอบอะไร ถนัดอะไร แล้วก็พยายามเปลี่ยนสิ่งนั้นให้มีมูลค่า เพราะถ้าเราได้ทำในสิ่งที่รักในทุกๆ วัน เราจะทำมันได้ดี อย่างเราเป็นคนที่ชอบกินขนม ชอบลองอะไรใหม่ๆ และเป็นคนเดินทางบ่อยก็จะได้ไปลองกินของอร่อยอยู่เสมอ จนกระทั่งได้ไปเจอคิวคิว ดิเสิร์ท ที่เป็นขนมหวานของคนไต้หวัน กินง่ายและกินแล้วสดชื่นเหมาะกับอากาศร้อนของเมืองไทย บวกกับช่วงนั้นเทรนด์สุขภาพในบ้านเรากำลังมาแรง จึงตัดสินใจนำเข้ามาทันที

โดยหัวใจหลักในการเริ่มต้นทำแบรนด์ก็คือทีมงาน เราต้องรู้ความสามารถและศักยภาพของแต่ละคนว่าใครถนัดด้านไหน ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างรวดเร็ว อย่างเราเองก็มีพาร์ทเนอร์ 3 คน ที่แต่ละคนก็จะมีหน้าที่หลักแตกต่างกัน คนแรกก็จะดูเรื่องไฟแนนซ์ คนถัดมาจะควบคุมเรื่องเมนูอาหารและรสชาติ ส่วนเราจะดูแลเรื่องการตลาดและการโปรโมท ซึ่งแน่นอนว่าภาพลักษณ์คือสิ่งสำคัญ

สไตล์การแต่งตัวไปทำงานของเราก็จะเป็นแบบมิกซ์แอนด์แมทช์สนุกๆ แต่ต้องแฝงความโดดเด่น อย่างการมีเครื่องประดับที่เป็นกิมมิคเพิ่มเข้ามา อย่างลุคที่ใส่วันนี้ก็เลือกแมทช์จากสีที่เป็นโทนสีตุ่น ด้วยเสื้อแขนกุดสีเหลืองกับกางเกงทรงซิกกาแรตต์สีเขียว ซึ่งเป็นกางเกงที่ผู้หญิงทุกคนควรมีติดตู้ไว้ เพราะใส่ง่ายเข้าได้กับหลายชุด แล้วก็เพิ่มกิมมิคด้วยผ้าโพกหัวเก๋ๆ แต่หากจะต้องไปพบลูกค้าคนสำคัญเราก็แค่หยิบสูทสีดำมาสวมทับแล้วถอดผ้าโพกหัวออกก็โอเคแล้ว”

จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา

ถัดมาที่ จุ๋ย-จรสพรรณ เจ้าของธุรกิจอาหารปูดองสไตล์เกาหลีเจ้าแรกของเมืองไทย ปูดองอันยอง ที่ประสบความสำเร็จจนมีหน้าร้านถึง 14 สาขา จากความใส่ใจรายละเอียดในทุกกระเบียดนิ้วของการทำแบรนด์จนต่อยอดสู่ร้านอาหาร โซลจู ปูดอง 

จุ๋ย: “อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ในการดำเนินชีวิตของคน ซึ่งเราคิดว่าปัจจัยสี่ยังไงก็สำคัญจึงริเริ่มทำธุรกิจนี้ ซึ่งการทำธุรกิจอาหาร ความท้าทายก็คือต้องทำให้รสชาติถูกปากคน อย่างธุรกิจปูดองอันยองเราเริ่มต้นจากการขายออนไลน์และส่งเดลิเวอรี่ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก หลังจากนั้นเราก็มีเป็นหน้าร้านให้ซื้อกลับบ้าน และขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แต่ในมุมของการทำธุรกิจออนไลน์นั้นมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ฉะนั้นเราก็ต้องพยายามต่อยอดและหาสิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่ง ตอนนี้ก็เลยมีเปิดเป็นร้านอาหารชื่อโซลจู ปูดอง ซึ่งหัวใจสำคัญในการทำร้านอาหารก็คือ คุณภาพของอาหาร ความสะอาด หน้าตาต้องดูน่ากินและรสชาติต้องอร่อย รวมถึงการบริการที่ดีเยี่ยม แต่ในการใช้ชีวิตนอกจากเรื่องการทำงานแล้ว เราก็ต้องรู้จักหาเวลารีแลกซ์ให้ตัวเองด้วย ถ้าช่วงไหนเริ่มคิดอะไรใหม่ๆ ไม่ออก ก็ลองเปลี่ยนสถานที่จากที่อยู่ประจำก็ออกไปข้างนอก อย่างเช่นเปลี่ยนร้านอาหาร นัดไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน หรือไม่ก็ออกเดินทาง

ส่วนเรื่องการแต่งตัวเวลาไปทำงานเราก็จะเลือกเสื้อผ้าที่มีความเรียบร้อยแต่งออกมาแล้วดูดีเพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกน้อง อย่างลุควันนี้ก็เลือกเป็นชุดที่ใส่ง่ายและคล่องตัว เป็นกางเกงสีดำใส่กับเสื้อโทนสีอ่อน ทับด้วยเบลเซอร์ที่มีเลเยอร์และสีสัน เป็นการทำให้ลุคดูสนุกสนานขึ้น แต่ถ้าเป็นการคุยงานที่เป็นทางการเราจะเลือกใส่เป็นชุดเดรสที่มีความเฟมินีน และเพิ่มความโก้ด้วยเบลเซอร์ตัวสั้นสักตัว เพราะเราเชื่อเสมอว่าเวลาที่คนเราเจอกันอย่างคนไม่รู้จัก เราก็จะต้องดูเรื่องการแต่งตัวเป็นอันดับแรก และถ้าเราแต่งตัวดีเขาก็เชื่อถือเราไปแล้วครึ่งหนึ่ง”

พลอย ปิ่นแสง

ปิดท้ายที่สาวนักกีฬาทีมชาติ พลอย ปิ่นแสง เจ้าของสตูดิโอสำหรับนักปั่นที่รักการเต้นไปตามเสียงเพลง ‘ไทรบ์ บีเคเค’ (TRIBE BKK) ที่เชื่อว่าการลงมือในสิ่งที่ตนเองรักนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ 

พลอย: “ตอนนี้เราก็ยังเป็นนักกีฬาโปโลอยู่แต่ว่าก็จะเล่นแค่ช่วงฤดูกาลแข่งขัน โดยส่วนใหญ่ก็ไปแข่งที่ต่างประเทศ ซึ่งทุกครั้งที่ไปมันเหมือนเป็นการเปิดโลกให้เราเหมือนกันว่าแต่ละที่เขาพัฒนากันยังไง และคนกำลังสนใจสิ่งไหน แต่นอกจากโปโลแล้วเราก็มีทำสตูดิโอปั่นจักรยานสปินนิ่งที่เป็นครูสอนเองด้วย โดยกิจกรรมนี้เราเคยมีโอกาสได้เล่นแล้วรู้สึกชอบ ก็เลยเริ่มศึกษาอย่างจริงจังอยู่ประมาณ 2 ปี ด้วยการเดินทางไปลองเรียนกับหลายๆ ประเทศ เพื่อเรียนรู้ว่าเขามีวิธีสอนกันยังไง การเลือกเพลง การใช้เสียง ใช้ไฟ รวมถึงการควบคุมอากาศ จนกระทั่งเราได้รูปแบบที่เหมาะสมกับคนไทยที่สุด เพราะเราเป็นคนที่ถ้าจะลงมือทำอะไรแล้วก็ต้องเข้าใจและรู้รายละเอียดของสิ่งๆ นั้นอย่างถ่องแท้ เพื่อที่จะได้สอนคนที่จะมาเป็นลูกน้องและช่วยงานของเราได้ ซึ่งเราโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักทั้งสองอย่าง เลยไม่เคยรู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเลย ฉะนั้นถ้าใครรู้ว่าตัวเองชอบอะไร หรืออยากทำธุรกิจอะไร ก็แค่ลงมือทำอย่าไปกลัว เพราะถ้าเป็นสิ่งที่เรารักมันจะออกมาดี

ส่วนการแต่งตัวเวลาทำงานหลักๆ จะเป็นชุดกีฬาหรือชุดออกกำลัง แต่ถ้าเป็นนัดที่ต้องไปเจรจากับผู้ใหญ่ก็จะแต่งให้ดูแคชชวลขึ้น อย่างเช่นชุดวันนี้ก็เป็นชิ้นที่มีความสปอร์ตด้วยเนื้อผ้าที่เป็นผ้าร่ม และชิ้นล่างสามารถใส่ให้เป็นได้ทั้งกางเกงและกระโปรง ใส่กับเสื้อที่เข้าชุดกันในโทนสีส้มเพื่อช่วยขับผิวเราให้สวยขึ้น” 

เรียบเรียงโดย: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: FreeFlow

The post ลุคมากับงานดี! 4 เซเลบริตี้สาวเวิร์คกิ้งวูแมนชื่อดัง เปิดมุมมองการทำธุรกิจให้สำเร็จ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

แม้จะแต่งงานกันมา 18 ปี แต่ความรักของ ดาว พอฤทัย และ ณพ ณรงค์เดช ยังอยู่ในเบอร์หวานเจี๊ยบ แถมครั้งนี้ แพรว ยังได้เจอลูกชายสุดที่รักของทั้งคู่ น้องดณ กับ น้องภพ ที่ความหล่อกำลังเบียดแซงคุณพ่อมากขึ้นทุกทีแล้ว      

แพรวไม่ได้คุยกับ คุณดาว-คุณณพ แบบพร้อมหน้ามาหลายปี ทำไมหน้ายังเด็กเหมือนหยุดเวลาไว้

คุณดาว “พี่ณพต้องตอบว่า เพราะภรรยาดูแลดีครับ”

คุณณพหัวเราะ “น้องดาวดูแลดีจริงๆ ไม่ได้ชมเพราะอยู่ด้วยกันตรงนี้นะครับ อย่างวันที่เขาไม่อยู่บ้านก็ต้องให้แม่บ้านเตรียมกับข้าวไว้ 5 อย่างต่อมื้อ เรียกว่า สารอาหารครบถ้วน

“นอกจากนี้ ผมออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ทำแบบนี้มานานมากแล้ว แต่เปลี่ยนกีฬาไปเรื่อย จากชกมวยเป็นเวทเทรนด์นิ่ง หรือเวลาไปทำงานต่างประเทศ ผมก็จะเตรียมรองเท้ากีฬาไปด้วย ถ้าไม่ได้ออกไปไหนข้างนอกก็เข้ายิมของโรงแรม คือออกกำลังกายจนติดเป็นนิสัยแล้ว”

คุณดาวยิงมุข “ส่วนดาวติดไม่ออกกำลังกายเป็นนิสัย เพิ่งมาเรียนโยคะได้ปีครึ่ง ชอบมากนะคะ เพราะได้ออกกำลังกายและทำสมาธิไปพร้อมกัน แต่ช่วงแรกยอมรับว่ายาก ถ้าถามคนที่ไม่ชอบเรียนโยคะส่วนใหญ่จะบอกว่า เคลื่อนไหวร่างกายช้าเกินไป แต่วันที่ดาวเริ่มเรียนก็บอกครูแล้วว่า ท่านี้เร็วไป ดาวเหนื่อยค่ะ ครูบอกว่า พี่ดาวครับ เมื่อกี้แค่ฝึกหายใจให้ถูกต้อง (หัวเราะ)”

คุณดาวดูแลสามีอย่างไรบ้าง

“ช่วงหลังพี่ณพทำงานเยอะ ดาวพยายามซัพพอร์ทเขาในทุกๆ เรื่องให้ได้มากที่สุด เช่น รอพี่ณพกลับบ้านทุกวัน ดาวอยากช่วยเก็บขยะในใจเขา พี่ณพทิ้งมาที่ดาวได้เลย เพราะเรากำจัดเรื่องพวกนี้ได้ง่าย พอวันรุ่งขึ้นได้ทำอย่างอื่นก็ลืมแล้ว ดาวคิดว่า นี่เป็นหน้าที่ของภรรยาที่ควรแบ่งเบาภาระของสามี เวลาพี่ณพกลับถึงบ้าน ดาวจะถามว่า วันนี้เป็นยังไง เหนื่อยไหมคะ หรือช่วงวันหยุด บางครั้งก็ต้องบังคับให้เขาพักบ้าง ดาวจะเตรียมนัดพี่มาลี หมอนวดประจำบ้านไว้ พี่ณพจะได้มีเวลาหยุดพักบ้าง”

คุณณพแบ่งเวลาให้ครอบครัวอย่างไรคะ

“จัดเวลายากเหมือนกันครับ ปีที่ผ่านก็รู้สึกว่า ให้เวลาครอบครัวน้อยไปหน่อย แต่ที่ผมลุยได้ขนาดนี้ก็ต้องให้เครดิตภรรยา ถ้าหลังบ้านไม่แข็งแรงก็คงทำไม่ได้ ทุกวันนี้เวลากลับถึงบ้านมาเหนื่อยๆ น้องดาวจะคอยเติมพลังให้ตลอด เรียกว่ากำลังใจไม่มียุบเลย”

 คุณดาวเล่า “เราไม่ค่อยทะเลาะกัน สมัยก่อนอาจมีใจร้อนบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ใจเย็นขึ้นเยอะ เห็นอย่างนี้ จริงๆ ดาวนิสัยแมนมากนะ แต่งงานกับพี่ณพมา 18 ปี เชื่อไหมว่า ไม่เคยโทรศัพท์ตามสามีแม้แต่ครั้งเดียว”

คุณณพแซวภรรยา “น้องดาวมีคอนเซ็ปต์ว่า เดี๋ยวก็คลานกลับบ้านเอง (หัวเราะ)”

คุณดาวหัวเราะ “ไม่ใช่อะไรนะ เขาง่วงนอนง่าย อยู่ไหนไม่ได้นานหรอก เพราะฉะนั้นจึงไม่เคยต้องตาม แล้วพี่ณพไม่ใช่แนวสังสรรค์ดึก เต็มที่ที่สุดก็ตี 2”

คุณณพแซวตัวเอง “เริ่มรู้ตัวว่า แก่แล้วครับ ถ้าเป็นสมัยก่อนดื่มยาวถึงเช้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่ไหว และเอาจริงๆ ก็อยากใช้เวลาว่างที่มีอยู่กับครอบครัวด้วย”

ถามถึงลูกชายทั้ง 2 คนบ้าง เริ่มจากแม่ดาวที่ต้องทำงานตัวเอง ช่วยงานสามี และยังมีลูกๆ อีกสองคน ภารกิจในแต่ละวันแน่นขนาดไหน

“เป็นความยุ่งที่ทำให้เรามีความสุขขึ้นนะคะ (ยิ้ม) คงเหมือนสำนวนมีลูกกวนตัวมีผัวกวนใจ แต่สำหรับดาวส่งผลในด้านดี เหมือนเป็นการเติมเต็มชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานพี่ณพ ไปส่งน้องดณที่โรงเรียน พาน้องภพเข้านอน แม้ลูกจะไม่ได้เรียกร้อง แต่ดาวรู้สึกดีที่ได้ทำหน้าที่แม่อย่างเต็มที่

“ดาวคิดว่า ถ้าจะสอนลูก ต้องเริ่มตั้งแต่เขารู้ความ เราสังเกตว่า เด็กที่นิสัยดีมาจากพ่อแม่ที่ดี ใกล้ชิดลูกๆ ไม่ใช่ประคบประหงมนะคะ แต่มีเวลาให้ในเวลาที่ลูกต้องการ

“อย่างวันนี้ที่น้องดณอยู่ในช่วงวัยรุ่น ดาวบอกพี่ณพว่า ต้องสอนลูกในเรื่องที่ผู้ชายควรรู้ด้วยนะ เพราะเรื่องนี้ดาวสอนไม่เป็น (หัวเราะ) ไม่ว่าจะเรื่องความสัมพันธ์ หรือการเป็นลูกผู้ชาย พี่ณพจะบอกลูกเสมอว่า เราไม่ทำใครก่อนนะลูก แต่ถ้าใครทำเรา เราก็ต้องป้องกันตัว”

น้องดณเรียนชั้นไหนแล้วคะ

“เกรด 11 ค่ะ กำลังเลือกว่าจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไหน ตอนแรกมีตัวเลือกทั้งที่ประเทศไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งจริงๆ ดณสอบโควตาได้ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว แต่เขาน่าจะเลือกไปเรียนต่อต่างประเทศมากกว่า ซึ่งดาวไม่ว่าอะไร แต่แอบเสริมข้อมูลไปว่า อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวก็ดีนะ แม่แก่ขึ้นทุกวัน อยากอยู่กับดณในวันที่ร่างกายยังแข็งแรง จะได้ไปเที่ยวด้วยกันเยอะๆ แต่ไม่เป็นไร เอาที่ลูกคิดว่าดีที่สุด แต่ดณต้องทำทุกอย่างให้เต็มที่แล้วกัน

“ส่วนน้องภพคนละแบบกับพี่ชาย อย่างพี่ดณเป็นเด็กเลี้ยงง่าย เรียบร้อย พูดจาเพราะ แต่นิสัยจะแมนๆ อย่างเวลากินข้าวก็เลอะเทอะ ถ้าเป็นเมนูสปาเก็ตตี้ซอสแดงนี่มีเลอะแน่ๆ ส่วนน้องภพสะอาดสะอ้าน เก็บของเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่พี่ดณจะยอมน้องทุกอย่าง คือดณไม่มีสิทธิ์ได้อะไรเลยถ้าน้องภพอยู่ เช่น พ่อแม่ขึ้นเตียงนอนของเขาได้ แต่พี่ดณขึ้นไม่ได้ จะต้องถูกถีบออกไปทุกที (หัวเราะ)”

ให้คุณดาวเล่าถึงบทบาทการเป็นพ่อของคุณณพบ้าง

“พี่ณพให้เวลากับลูกเยอะ ดาวขอใช้คำว่า เป็นคุณพ่อที่ประเสริฐจริงๆ เนื่องจากงานที่เขาต้องรับผิดชอบก็เยอะ แต่ถ้ามีเวลาว่างจะให้กับลูกเต็มที่ หรือถ้าดาวต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ 2-3 วัน พี่ณพก็จะรีบเคลียร์งานแล้วมาอยู่กับลูก พาน้องภพเข้านอนแทนดาว เป็นแฟมิลี่แมนมากๆ”

คุณณพยิ้มก่อนเล่าความในใจ “ผมสารภาพว่า ตั้งแต่มีลูกก็ห่วงสุขภาพของตัวเองมากขึ้น อย่างมอเตอร์ไซค์ที่เมื่อก่อนชอบมากก็เลิกขี่ บอกตัวเองว่า พึงระลึกไว้เสมอว่า ลูกยังเด็ก ดูแลสุขภาพไว้ให้ดี

“ผมจะได้อยู่กับครอบครัวได้นานๆ” (ยิ้ม)

อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ใน แพรว ฉบับ 25 พฤษภาคม 2561

The post 18 ปีแห่งรัก ณพ-พอฤทัย ณรงค์เดช appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ตื่นเต้นคู่! 2 เซเลบริตี้สาว ชมพูนุท-ศิรประภา
กำลังจะลั่นระฆังวิวาห์เป็นเจ้าสาวป้ายแดง

เป็นพี่น้องที่รู้จักกันในวงการเซเลบ ซึ่งเมื่อถึงช่วงสำคัญอีกพาร์ทหนึ่งในชีวิตอย่างการแต่งงาน ทั้ง 2 เซเลบริตี้สาว โบว์-ชมพูนุท โรจน์ศิริรัตน์ และเอ็ม-ศิรประภา จีระพันธุ ก็ยังมีข่าวดีเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวป้ายแดงไล่เลี่ยกันเสียด้วย 

สำหรับสาวๆ นั้น เมื่อถึงคราวงานสำคัญโดยเฉพาะงานแต่งงานทั้งที แน่นอนล่ะว่า เรื่องการดูแลตัวเองทั้งรูปร่างและผิวพรรณต้องสำคัญมาเป็นอันดับต้นๆ ล่าสุดสองเซเลบสาว น้องโบว์-พี่เอ็ม ก็ได้ถือฤกษ์มาเตรียมพร้อมการเป็นเจ้าสาว อัพเดทเคล็ดลับการดูแลผิวให้กระจ่างใส และการออกกำลังกายให้หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มกับ ธัญ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ซึ่งตัวช่วยใหม่ที่เพิ่มเข้ามา 2 ตัวช่วยที่จะดูแลผิวให้เปล่งประกายและชุ่มชื่นนั้นมี ‘รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก’ (Revitalising face mask) และ ‘บอดี้ บัตเตอร์ นาโน ไบโอ สลิม’ (Body butter with nano bio slim) นอกจากนี้ยังได้ออกกำลังกายร่วมกับกูรูสาวนักออกกำลังกายชื่อดังอย่าง อลิตา ตันติวีรสุต เจ้าของตำแหน่ง Top 4 Health & Fitness influencer’s ปี 2017 อีกด้วย เรียกว่าปกติสองสาวก็สวย หุ่นดีกันอยู่แล้ว เมื่อยิ่งดูแลตัวเองเพิ่มอีกก็ยิ่งสวยเฟิร์มขึ้นไปใหญ่ 

และใกล้จะเลื่อนสถานะชีวิตจากสาวโสดกลายเป็นสาวไม่โสดทั้งที ความรู้สึกและการเตรียมตัวของ 2 เซเลบสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปฟังกันเลย ..

โบว์-ชมพูนุท โรจน์ศิริรัตน์ 

เริ่มที่เซเลบฝั่งน้อง โบว์-ชมพูนุท เจ้าของแบรนด์เสื้อและ Creative director แห่ง Beauvita ซึ่งมักคุ้นหน้าคุ้นตากันดีในแวดวงบิวตี้ โดยตอนนี้สาวโบว์ก็ได้ถ่ายรูป Pre-Wedding ไปแล้วเรียบร้อย

สาวโบว์เผยความรู้สึกว่า “ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นและกังวลกับงานแต่งที่จะถึง ทั้งเรื่องการเตรียมงานและการเตรียมความพร้อมของตัวเอง แน่นอนว่าผู้หญิงทุกคนก็ย่อมอยากสวยสมบูรณ์แบบที่สุดในวันแต่งงาน ปกติแล้วเราเป็นคนที่ดูแลตัวเองอยู่เสมอ แต่พอยิ่งใกล้วันเข้าสู่ประตูวิวาห์แบบนี้เราก็ต้องดูแลใส่ใจตัวเองมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณที่เราใส่ใจเป็นพิเศษ เราจะเน้นการทำทรีตเมนต์ผิวกาย และมาส์กหน้าทุกสัปดาห์ อีกทั้งเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวมากขึ้น และจะเน้นการออกกำลังกายจากเมื่อก่อนอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ช่วงนี้ก็เพิ่มความถี่มากขึ้น เพราะชุดที่เราเลือกจะเป็นชุดที่เน้นเรือนร่างและอวดโชว์ผิว ทุกวันนี้ก็จะเน้นทาครีมบำรุงผิวกายพวกเนื้อบัตเตอร์เพื่อเตรียมผิวให้นวลเนียนเปล่งปลั่ง เพื่อความสวยพร้อมรับวันสุดแสนพิเศษที่จะมาถึงค่ะ”

เอ็ม-ศิรประภา จีระพันธุ

ด้านเซเลบฝั่งพี่เจ้าของรอยยิ้มมีเสน่ห์ เอ็ม-ศิรประภา ทายาทของ ดร.สุทธิพร จีระพันธุ และคุณสุมาลี จีระพันธุ หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท ด้าน Fashion Marketing ที่ University of Leeds ประเทศอังกฤษ สาวเอ็มก็ได้มาทำงานด้าน Marketing Executive ให้กับแบรนด์เครื่องสำอาง Stila ล่าสุดก็มีข่าวดีเกิดขึ้นเพราะสาวเอ็มโดนแฟนหนุ่มขอแต่งงานแล้ว! ซึ่งเธอก็ได้มาเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เตรียมตัวดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

สาวเอ็มเล่าว่า “เราเป็นคนที่ทำงานค่อนข้างหนัก และมักจะมีปัญหาผิวแห้งมาก เพราะต้องอยู่ในห้องแอร์ตลอด อย่างในตอนนี้เราก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประตูวิวาห์ เราไม่ได้เข้าคอร์สดูแลผิวเป็นพิเศษ แต่จะเน้นดูแลด้วยตนเองมากกว่า หรือถ้าพอมีเวลาจะเลือกการนวดน้ำมันเพื่อความผ่อนคลายและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่วนการบำรุงผิวในชีวิตประจำวันก็จะเลือกบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดี ส่วนตัวเราชอบทาบอดี้ บัตเตอร์มากกว่าตัวบอดี้ โลชั่น เพราะบอดี้ บัตเตอร์นั้นมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำในผิวและมอบความชุ่มชื้นได้ดีกว่า และจะเลือกสูตรที่ช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียนเฟิร์มกระชับด้วย เพราะเวลาสวมชุดแต่งงานเราจะได้ดูดีไร้ที่ติ จะได้สวยเพอร์เฟคที่สุดค่ะ”

เห็นสาวๆ ขยันดูแลตัวเองแบบนี้ แพรวดอทคอม ก็คงไม่ขอยอมน้อยหน้า ขอตัวไปดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นบ้างแล้วล่ะค่า..า

ภาพ: FreeFlow, IG @m_siraprapa @bowchompoo_beauvita

The post ตื่นเต้นคู่! 2 เซเลบริตี้สาว ชมพูนุท-ศิรประภา กำลังจะลั่นระฆังวิวาห์เป็นเจ้าสาวป้ายแดง appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เพื่อนและแฟนคลับยินดี แหม่ม-สริญญา ภรรยา เรย์ แมคโดนัลด์ คลอด น้องเรย์ จูเนียร์ ลูกชายคนแรกสำเร็จ สุขภาพแข็งแรงแม้อายุเยอะ

การมีลูกเป็นเรื่องใหญ่คู่รักที่แต่งงานแล้วหลายคู่ เลือกที่จะทุ่มเทให้กับอาชีพการงานเพื่อให้มีเงินมั่นคงก่อน แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็รู้สึกตัวว่าอายุมาก ซึ่งแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปถือเป็นครรภ์เสี่ยงสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส เพราะหลายคนสามารถผ่านจุดนั้นมาได้ ทั้งคุณแม่และคุณลูกต่างมีสุขภาพแข็งแรง เช่นเดียวกับ แหม่ม-สริญญา จินตนาวรารักษ์ ภรรยาของ เรย์ แมคโดนัลด์ ที่ล่าสุดได้คลอด น้องเรย์ จูเนียร์ ออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว โดยภายหลังจากที่คลอด คุณแม่คนเก่งก็ได้เผยความรู้สึกผ่าน อินสตาแกรม ส่วนตัวโดยกล่าวว่า

“Ray junior just say hi ขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาล You are the best #คลอดก่อนกำหนดหนึ่งวีค #เพื่อความปลอดภัย #รอพ่ออีกสองวันไม่ไหว #ลูกชายคนแรก #อายุเยอะก็มีลูกได้ #ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด”

งานนี้บรรดาเพื่อนและแฟนคลับเข้ามาคอมเม้นต์แสดงความยินดีกันเพียบ ซึ่ง แพรวดอทคอม เองก็ขอร่วมยินดีกับคุณพ่อ-คุณแม่ป้ายแดง ด้วยนะคะ

ภาพจาก : missmamsarinya

The post อายุเยอะก็มีลูกได้ แหม่ม-สริญญา คลอดลูกชาย น้องเรย์ จูเนียร์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สิงโต เดอะสตาร์ จากเวทีประกวดนักร้อง ลัดฟ้าสู่สนามนักบิน กองทัพอากาศไทย (Royal Thai Air Force)

ไม่ใช่เพียงจะทำตามฝันเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ความมุ่งมั่นและฝันอันยิ่งใหญ่นี้ สิงโต เดอะสตาร์ หรือ สหรัฐต์ หิรัญญ์ธนภูวดล ผู้แจ้งเกิดจากเวทีประกวดนักร้อง The Star 5 ยังทำเพื่อครอบครัวเป็นหลักอีกด้วย

ขยันเรียน และเรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไรสำหรับ สิงโต-สหรัฐต์ หิรัญญ์ธนภูวดล หรือ สิงโต The Star 5 ที่เริ่มมีชื่อเสียงจากการเข้ามาประกวดเวทีนักร้องเดอะสตาร์ และสามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศไปได้ จากเดิมเส้นทางการใช้ชีวิตและเรียนหนังสืออยู่ที่จ.ขอนแก่น สิงโตต้องย้ายเข้ามาศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้สะดวกต่อการเรียนและทำงานในวงการบันเทิงควบคู่กัน โดยได้ย้ายเข้าเรียนสายวิทย์-คณิต ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.96 และศึกษาต่อที่สถาบันการบิน มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิงโตได้เล่าถึงชีวิตตนเองว่า เขาไม่มีพ่อแม่ส่งเรียนเหมือนคนอื่นๆ ต้องทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ ป.5 ดูแลคุณแม่ คุณยาย และส่งพี่สาวเรียนด้วย แม้จะเจอคำดูถูก อุปสรรคต่างๆ เข้ามา แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อตัวเองและครอบครัว ก็ทำให้ในวันนี้เขาได้ประสบความสำเร็จในก้าวสำคัญอีกขั้นหนึ่ง

เพราะล่าสุด สิงโตสอบติด 1 ใน 3 ตัวจริงคนสุดท้าย นายร้อยเรืออากาศตรีของกองทัพอากาศ (Royal Thai Air Force) รอบแรก โดยที่ผ่านมาเขาต้องสอบแข่งกับคนเป็นหมื่นๆ คนในสนามสอบที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี แม้ข้อสอบจะยากมากจนคิดว่าตนเองคงสอบไม่ติด แต่ด้วยความอดทน การฝึกฝนอ่านหนังสือติดกันมาหลายเดือนด้วยตนเองโดยไม่ได้ติวหนังสือที่ไหน และคอยให้กำลังใจตนเองตลอดเวลาพร้อมกับหมั่นดูแลร่างกาย ขยันออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ก็ทำให้สิงโตผ่านการสอบในด่านข้อสอบ ด่านสัมภาษณ์ และทดสอบร่างกายมาได้ ซึ่งบุคคลสำคัญที่หนุ่มสิงโตไม่ลืมเลยก็คือ คุณแม่ ที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด

หากติดตามชีวิตของสิงโตเรื่อยมา จะพบว่าเขาได้เจอกระแสข่าวด้านลบมาไม่น้อยเลย อาทิ การทำศัลยกรรมจนหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมาก หรือผลงานในวงการบันเทิงลดน้อยลง ซึ่งกระแสด้านลบเหล่านี้ก็ทำให้กลบอีกมุมหนึ่งที่สิงโตเป็นหนุ่มมีความสามารถ เป็นคนขยันเรียน เรียนเก่ง กตัญญูต่อแม่ ซึ่งเขายังเคยได้รับคำชื่นชมจาก คุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ ในช่วงที่ถ่ายทำ ลอดลายมังกร เดอะมิวสิคัล ด้วยว่า “สิงโตเป็นคนความจำเป็นเลิศ” 

นอกจากนี้ประโยคให้กำลังใจตัวเองสำหรับสิงโตนั้นก็มาจากสิ่งรอบตัวเลย เช่นดูภาพยนตร์เรื่อง Once upon a time สิงโตก็ได้เก็บประโยคในเรื่องที่ว่า “ถึงจะเป็นการก้าวช้าๆ แต่ตราบใดที่ยังไม่หยุดก้าว ก็ย่อมถึงจุดหมายเข้าสักวัน” ซึ่งในที่สุดเขาก็ถึงจุดหมายจริงๆ และที่หลายคนน้อยนักจะทราบเลยก็คือ อีกสิ่งหนึ่งที่สิงโตอยากทำคือ การขับเครื่องบินฝนหลวงช่วยผู้ประสบภัย ซึ่งความคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาได้พาคุณแม่ไปเที่ยวและดูงานที่โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ในหลวง ร.9 

ทั้งนี้นอกจากจะสำเร็จปริญญาตรี สอบติดตัวจริงนายร้อยเรืออากาศตรีของกองทัพอากาศ สิงโตยังสอบชิงทุนปริญญาโทของ CP-All ได้ในคณะบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการบริหารคนและกลยุทธองค์กร ที่สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) อีกด้วย

เห็นถึงความมุ่งมั่น มุ่งมานะจนทำความฝันสำเร็จได้แบบนี้ ต้องบอกเลยว่าไม่ได้เกิดจากความขยันของสิงโตเพียงวันเดียวนะจ๊ะ ใครที่กำลังท้อแท้ หรือกำลังมุ่งทำสิ่งใดอยู่ก็ดูหนุ่มสิงโตเป็นตัวอย่างได้ ซึ่งแพรวดอทคอม ก็ขอเป็นกำลังใจให้หนุ่มสิงโตมุ่งมั่นกับเส้นทางนี้ต่อไปล่ะกันนะจ๊ะ

เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @singtosaharat

The post สิงโต เดอะสตาร์ สอบติดนักบินกองทัพอากาศไทย (RTAF) ฝันอยากขับเครื่องบินฝนหลวงช่วยผู้ประสบภัย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เนย-กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล อีกหนึ่งสมาชิกของ BNK48 จากสาวน้อยที่เคยอยู่หลังแถว แต่ด้วยความน่ารักและรอยยิ้มสดใส ทำให้วันนี้เธอสามารถเอาชนะใจเหล่าโอตะได้แบบขาดลอย จนถึงขั้นอวยกันว่า น่ารักกว่านี้ก็นางฟ้าแล้ว ซึ่งสาวน้อยคนนี้จะคิวต์เบอร์แรงขนาดไหน แพรวดอทคอมจะพาไปสัมผัสความสดใสของเธอกัน

คิวต์จนโอตะยอมใจ! “เนย” BNK48 น่ารักกว่านี้ก็นางฟ้าแล้ว

เรื่องซุกซนของเด็กหญิงเนย

เนยเป็นลูกสาวคนเดียว ตอนเด็กๆ จึงเล่นคนเดียว ส่วนใหญ่ออกแนวหวาดเสียว ไม่รู้เรียกว่าซนได้หรือเปล่า คือเห็นรูไม่ได้ ต้องแหย่นิ้วเข้าไป รวมทั้งปลั๊กไฟ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร แล้วเนยชอบเล่นหมุนตัวบนเตียง หมุนเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง ปรากฏว่าไถลตกบันไดลงมาจาก ชั้น 2 โชคดีที่ไม่เป็นอะไร

แต่เคยมีเจ็บตัวหนักๆ ครั้งหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่เล่าว่า พาไปทานสุกี้ แล้วพนักงานจะเติมน้ำซุป ปรากฏว่าพลาดเทราดมาที่ตัวเนย น้ำซุปร้อนๆ ลวกตั้งแต่ท้องลงไปถึงขาและที่มือ เนยจำความรู้สึกนั้นไม่ได้ แต่มาจำ ได้แม่นตอนไปลอกผิวหนังที่เบิร์นที่โรงพยาบาล พี่พยาบาลบอกว่าถ้าเนย ไม่ร้องไห้จะให้กินวิตามินซี ฉะนั้นไปทุกครั้งเนยจึงไม่ร้องไห้ เพราะอยากกินวิตามินซี (หัวเราะ) คุณแม่คอยหมั่นทายาให้ ทุกวันนี้จึงไม่มีแผลเป็น มีแค่รอยจางๆ บริเวณมือ แต่ทุกวันนี้ก็ยังชอบกินสุกี้เหมือนเดิมนะคะ ไม่มีผลอะไร

ก่อนจะเป็นนางฟ้าของเหล่าโอตะ

สมัยเรียน ม.ปลายเนยอ้วนมาก ช่วงนั้นทำน้ำหนักด้วยการทานข้าว แล้วตามด้วยเค้กทุกมื้อ เห็นผลเลยค่ะ น้ำหนักพุ่งขึ้น 50 จริงๆ เนยไม่คิดมากนะ แต่แม่บอกว่าอ้วนไป แล้วดำด้วย จึงต้องเบาๆ ลง  โชคดีที่ เนยน้ำหนักลงง่ายมาก ไม่ทานข้าววันหนึ่งก็ลดแล้ว ยิ่งตอนนี้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักก็ลดลงมาอยู่คงที่ที่ 44 กิโลกรัมค่ะ แล้วพอขึ้น ม.ปลายไว้ผมยาวได้จึงอยากสวยเหมือนรุ่นพี่ ก็ได้คุณแม่เป็นฝ่ายจัดหาผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะพอกหน้า ขัดผิว ทาโลชั่นหลังอาบน้ำ แล้วผิวค่อยๆ ขาวขึ้นอย่างที่เห็น

แรงบันดาลใจสู่ BNK48

จริงๆ เนยชอบเต้นมาก่อนการร้องเพลงค่ะ ชอบดูทั้งบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ปของเกาหลี เต้นสวยและเพอร์ฟอร์แมนซ์ดีมาก เนยเป็นแฟนคลับของวง EXO ตอนเขามาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยก็ซื้อบัตรไปดูด้วย อยากเต้นเก่งแบบเขาบ้าง แต่กว่าจะตัดสินใจสมัครเข้ามา BNK48 คิดอยู่นานเหมือนกัน เพราะเนยไม่มีพื้นฐานทั้งการร้องและเต้น วันที่ตัดสินใจสมัครจึงไม่บอกใครเลย คุณพ่อคุณแม่ทราบตอนประกาศผลรอบแรก แม้ตอนแรกท่านไม่ทราบว่า BNK48 คืออะไร เป็นวงแบบไหนก็ตาม แต่ก็สนับสนุนเต็มที่ เพราะอยากเห็นเนยกล้าแสดงออก แล้วพอเนยได้เริ่มร้องเพลงก็สนุกกับการร้องเพลงมากขึ้นเรื่อยๆ

ไอดอลคนโปรด

เนยชอบพี่บอย-ปกรณ์ (พูดไปเขินไป) ติดตามโซเชียลเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ ชอบดูเบื้องหลังเวลาที่พี่เขาถ่ายละคร รู้สึกว่าพี่บอยตลกอย่างเป็นธรรมชาติ ดูแล้วมีความสุข เนยอยากเป็นแบบเขาบ้าง คืออยากให้ใครก็ตามที่ได้อยู่กับเนยแล้วมีความสุขไปด้วย

หากเป็นไอดอลทางการร้องเพลง เนยชอบพี่แก้ม-วิชญาณี มีโอกาส ไปดูพี่เขาร้องสดในรายการ ขนาดตอนซ้อมยังรู้สึกว่าพลังเสียงของเขาสามารถสะกดคนฟังได้ดีมาก

เรื่องที่เปลี่ยนแปลงที่สุดตั้งแต่เป็นสมาชิก BNK48

ก่อนหน้านี้เนยไม่กล้าแสดงออก ไม่เคยเรียนพิเศษทางด้านร้องเพลง ดนตรี หรือเต้น เพราะอาย หรือช่วงที่ได้เข้าวงใหม่ๆ ทุกอาทิตย์จะมีสอบร้องเพลง เนยมือสั่น ทำให้ไมค์สั่น เสียงก็พลอยสั่นไปด้วย พอต้องให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก็ยืนนิ่งสนิท แต่พอได้ออกงานเรื่อยๆ เหมือนได้ฝึกฝนพัฒนาตัวเอง ทำให้กล้าพูด กล้าคุย กล้าเป็นตัวเอง และสนุกกับการตอบคำถามมากขึ้น

ความรักความผูกพันกับเพื่อนๆ BNK48

เราสนิทกันทั้งวงค่ะ คอยช่วยเหลือกันเสมอ แต่ที่เนยคุยแล้วสบายใจที่สุดคือน้ำหนึ่ง อาจเพราะอายุเท่ากัน ชอบเรียนวิทยาศาสตร์เหมือนกัน แม้เรียนคนละมหาวิทยาลัย คนละสาขาก็ตาม เวลาที่ทำงานด้วยกัน เขาทำให้เนยเห็นว่าเขาตลกโดยธรรมชาติ รักเพื่อน ห่วงเพื่อน และเรามีมุมที่เหมือนกันตรงที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัว หากมีเวลาพักก็อยากพักจริงๆ คืออยากนอนอยู่ในห้อง ไม่ออกไปเที่ยวไหน

คิวต์เกิร์ลอยากเป็นแม่หญิงการะเกด

ถ้าแปลงร่างเป็นใครก็ได้ในเวลา 24 ชั่วโมง เนยอยากเป็นพี่เบลล่า-ราณีในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส พี่เบลล่าน่ารักมาก จากที่ไม่เคยดูละครเรื่องนี้เลย พอลองเข้าไปดูในยูทูบก็กลายเป็นติดจนต้องกลับไปดูย้อนหลัง คือตอนนี้เนยได้ลองทำงานทั้งถ่ายแบบ ร้องเพลง เต้น แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ยังไม่เคยทำคือการแสดง เพราะฉะนั้นวันหนึ่งอยากลองแปลงเป็นพี่เบลล่าไปแสดงละครหรือซีรี่ส์ อยากเล่นบทสนุกๆ โก๊ะๆ ไม่อยากเครียดมาก

“เนย” ในวันที่อายุ 48

ถึงตอนนั้นเนยคิดว่าคงมีครอบครัว มีลูก มีหลาน คงไม่เป็นนักร้องแล้ว กระดูกคงไม่ไหว ขนาดตอนนี้อายุ 21 เอง ยังเต้นไม่ค่อยไหวเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะที่ผ่านมาเนยไม่เคยออกกำลังหนักขนาดนี้มาก่อน แต่พอ ต้องขึ้นโชว์บนเวทีก็ต้องพัฒนาร่างกายให้มีความพร้อมที่สุด

เรื่องประทับใจจากแฟนคลับ

เนยประทับใจงานจับมือมาก ตอนแรกไม่เข้าใจความหมายของงานนี้นะคะ รู้สึกกลัวๆ หวั่นๆ กับการที่ต้องจับมือใครหลายๆ คนที่ต่อคิวกันมา แต่พอได้เจอแฟนคลับ ความกลัวก็หายไปเลย เพราะทุกคนมาจับมือพร้อมรอยยิ้มที่ชื่นชมเราจริงๆ บางคนไม่จับมือด้วยซ้ำ แค่ยืนมองหน้าเฉยๆ กลายเป็นความอบอุ่น ประโยคที่เนยพูดบ่อยคือ ขอบคุณ แม้จะเป็นคำธรรมดา แต่พูดออกมาจากใจจริงๆ หากเป็นรอบพิเศษที่มีเวลานานหน่อย เนยก็จะพูดความรู้สึกกับแฟนคลับที่ไม่สามารถพูดได้ทางไอจี

ล่าสุดมีประโยคที่เนยคุยกับเพื่อนทางโซเชียลมีเดียแล้วหลุดคำไม่สุภาพออกไป รู้สึกไม่สบายใจว่าแฟนคลับจะรู้สึกอย่างไร พอมีงานจับมือ เนยก็จับมือแฟนคลับแล้วขอโทษ ส่วนใหญ่เขาจะปลอบว่า ไม่เป็นไร เนยน้ำตาไหลเลย จากแรกๆ ที่กลัวงานนี้ กลายเป็นว่างานนี้สำคัญกับเนยมาก

แฟนคลับชอบให้เนยพูดคำว่าบ้ากับจิ้มแก้มให้ดูหน่อย มาจากว่าตอนเด็กๆ เนยแก้มยุ้ม เวลาถ่ายรูปก็จะจิ้มแก้มตัวเอง จึงมีคำหนึ่งที่เราใช้ว่า เนยของแท้ต้องจิ้มแก้ม เจอแฟนคลับทีไรเขาจึงขอให้เนยจิ้มแก้มทุกครั้ง ส่วนคำว่าบ้ามาจากวันที่เนยไปงานตู้ปลา แฟนคลับบอกว่า หากน่ารักกว่านี้ก็นางฟ้าแล้ว เนยได้ยินแล้วเขินเลย ก็เลยหลุดปากว่าบ้า แล้วพอคลิปนั้นออนแอร์ แฟนคลับเจอเนยก็จะบอกให้เนยพูดคำว่าบ้าให้ฟังหน่อย จนจากที่เขินกลายเป็นหายเขิน บางครั้งก็แกล้งไม่พูดซะงั้น (หัวเราะ)

อยากบอกแฟนคลับว่า

อยากให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ ค่ะ ที่เคยได้ยินว่าเนยหวงแฟนคลับ เนยรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะกว่าเนยจะมาถึงวันนี้ ส่วนหนึ่งเพราะแฟนคลับที่ให้กำลังใจตั้งแต่ยังเป็นเนยจืดๆ ใน BNK48 ทุกคนคอยแนะนำ คอยเป็นห่วงเป็นใย ส่งข้อความมาทางไอจีว่าวันนี้ดูเหนื่อยๆ ไม่สบายหรือเปล่า วันนี้เต้นหน้าดูกังวล ซึ่งเนยก็กังวลจริงๆ หรืออย่างงานจับมือแรกๆ แถวเนยสั้น จะมีแฟนคลับคนเดิมมาวนบ่อยๆ กลัวเราเหงา จนเนยจำชื่อได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อโฟโต้เซตหรือตามไปงานจับมือทุกครั้ง ขอแค่รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันตลอดก็พอ

ติดตามอ่านเรื่องราวฉบับเต็มของ เนย-กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล ได้ที่นิตยสารแพรว ฉบับที่ 929 วันที่ 10 พฤษภาคม 2561 (หน้า 91-93)

The post คิวต์จนโอตะยอมใจ! “เนย” BNK48 น่ารักกว่านี้ก็นางฟ้าแล้ว appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เบลล่า – ราณี แคมเปน ไม่ไขว้เขวแฟนคลับเชียร์อยากให้คู่ โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ หลังเกิดกระแสละครเปรี้ยง ขณะที่หนุ่มคนสนิทของเธอ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ถูกจับคู่กับนางเอกร่วมช่อง ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร

จากการแสดงในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่เหมาะสมทั้งยังมีเคมีที่เข้ากันมากๆ ทำให้แฟนคลับหลายคนอยากจะให้พระเอก โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และนางเอก เบลล่า-ราณี แคมเปน  เป็นคู่รักกันในชีวิตจริง แต่ว่าทุกคนทราบว่าเป็นไปได้ยาก เพราะนักแสดงสาวมีหนุ่มคนพิเศษอยู่ในหัวใจแล้ว นั่นก็คือพระเอกต่างช่อง เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ โดยมีข่าวว่าแฟนคลับ โป๊ป-เบลล่า และ เบลล่า-เวียร์ เกิดการกระทบกระทั่งกัน ล่าสุด เบลล่า เลยออกมาเผยความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ My Whey Pink Diamond โชว์ความฟิต พร้อมอวดเสต็ป “Zumba Slimdown Party : อย่าปล่อยให้ไขมันสะสม” ณ Stadium one  ก่อนที่ไฟจะลุกลามใหญ่โต โดยเธออธิบายอย่างมีเหตุผลว่า

เบลล่า – ราณี แคมเปน

“เบลรู้สึกว่าคนที่เขาชอบเรา เขาชื่นชอบเราที่ผลงาน การที่คนอินกับผลงานของเราความจริงเป็นเรื่องที่ดี คิดว่าไม่มีใครคิดจริงจังถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องซีเรียสเลย เบลไม่ได้คุยกับพี่เขาเลยค่ะ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เบลมีคนที่เราจิ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวพี่โป๊ปหรือพี่เวียร์เองก็ตาม มันเป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำที่คนชื่นชอบผลงานของเรา”

สาวเบลล่ายังกล่าวอีกว่า “เบลว่าเราไม่ได้ต้องมากลัวว่าต้องไม่โดนตัวกันนะ เพราะกลัวจะมีข่าว เพราะเราชัดเจนอยู่แล้วว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ฉะนั้นทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว”

เมื่อถูกถามว่าอีกกระแสหนึ่งคืออยากให้พี่เวียร์คบกับ ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร นางเอกต่างช่องที่เล่นละครกับฝ่ายชาย ส่วนตัวกังวลไหม เกี่ยวกับเรื่องนี้สาว เบลล่า บอกว่า “เขาก็คงรู้ค่ะ มันเป็นเรื่องปกติมากกว่า คนคงชื่นชอบในผลงานจริงๆ คงไม่อินเกินไปหรอกค่ะ เขาคงไม่ได้คิดจริงจังอะไรขนาดนั้นค่ะ”

The post ฝ่าดราม่าแรง! เบลล่า – เวียร์ ถูกเชียร์ให้สลับคู่ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เหตุเกิดจากเดี๋ยวนี้คนดังเขามิใคร่ปิดบัง สเตตัส กันแล้ว เพราะเดี๋ยวๆ ก็เห็นคนนี้ไปเที่ยวกับคนนั้น คนโน้นส่งดอกไม้ให้คนนี้  แพรวเลยนึกสนุกอยากอัพเดทสถานะการคุยกันของคู่รักดาราที่ขยับตัวทีก็มีพื้นที่สื่อรองรับมาให้คุณได้เช็คลิสต์กัน

สารภาพว่าตอนเริ่มประเด็น ไม่นึกว่าคนบันเทิงเขาจะมีจำนวนการคุย แอนด์คบหามากมายขนาดนี้ ที่สำคัญคือสังหรณ์ตะหงิดซะด้วยสิว่า แพรวยังรวบมาได้ไม่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นเลยอยากจิประกาศ ให้คุณผู้อ่านเข้ามาช่วยกันทำลิสต์นี้ให้สมบูรณ์เพอร์เฟ็กต์ ด้วยความ… ถ้าคุณรู้ว่าใครกำลังคบใคร หรือใครไม่ได้คบใครแล้วก็แจ้งเข้ามาในคอมเม้นต์ใต้โพสต์นี้นะจ้ะ

และนี่คือ 80 คู่รักดารากับ สเตตัส ปัจจุบันของพวกเขาและเธอ

1. แอน ทองประสม & เอ-ทินพันธ์ ตันตินิรันดร์

2. ณเดชน์ คูกิมิยะ & ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์

3. หมาก-ปริญ สุภารัตน์ & คิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ

4. เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ & เบลล่า-เรณี แคมเปญ

5. แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ & ต้น–อาชว์ ไหลสกุล

6. ศรีริต้า เจนเซ่น & กรณ์ ณรงค์เดช

7. แดน-วรเวช ดานุวงศ์ & แพตตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา

8. ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ & เต๋อ-ฉันทวิทย์ ธนะเสวี

9. ภูผา เตชะณรงค์ & มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง

10. เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา & เคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุ

11. นิว-วงศกร ปรมัตถากร & นาว-ทิสานาฏ ศรศึก

12. โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร & ไบร้ท-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ

13. ฟรอยด์- ณัฏฐพงศ์ ชาติพงษ์ & แพรว-คณิตกุล เนตรบุตร

14. โฟกัส จีระกุล & เจมส์-กิจเกษม แมคแฟดเดน

15. ธามไท แพลงศิลป์ & โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร

16. ธัญญ์ ธนากร & ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม

17. อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ  & เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ

18. แพทริเซีย-ธัญชนก กู๊ด & พีช-พชร จิราธิวัฒน์

19. มีน-ชุติญา ลาภเวโรจน์ & ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร

20. พลอย อัยดา ศรีมูลตรี & กันต์ กันตถาวร

21. เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม & ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง

22. จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา & พุฒิชัย เกษตรสิน

23. ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก & แมทธิว บราก

24. บอย-อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี & เจี๊ยบ-พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์

25. โดม-ปกรณ์ ลัม & เมทัล สุขขาว

26. ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ & ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย

27. วิคเตอร์-ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์ & พิกเล็ท-ชาราฎา อิมราพร

28. บาส-ภาณุภัทร์ สุกัลยารักษ์ & แก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล

29. โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ & มะปราง-อลิสา ขุนแขวง

30. ตุลย์ ตุลยเทพ & หญิง-รฐา โพธิ์งาม

31. กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล & ธันวา สุริยจักร

32. เทย่า โรเจอร์ส & มิก้า ชูนวลศรี

33. พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์ & เกรซ–ชลิตา โสตถิวันวงศ์

34. พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ & แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์

35. เคน-ขันธ์เพชร สารสาส & ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์

36. มด-ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ & ทิว

37. นก-อุษณีย์ วัฒฐานะ  & แจ็ค เธมัส

38. ดา-ธนิดา ธรรมวิมล & อเล็กซ์

39. ปั๊บ-พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข & ใบเตย-สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ

40. นุ่น-รมิดา ประภาสโนบล & หลุยส์ สก๊อต

41. นาตาลี เจียรวนนท์ & ฟลุค-เกริกพล มัสยวานิช

42. ซัน-ประชากร ปิยะสกุลแก้ว & ต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์

43. บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ & ฮิม–อิสริยะ คูหาเปรมกิจ

44. แก้มบุ๋ม–ปรียาดา สิทธาไชย & ขุน–ชานนท์ อักขระชาตะ

45. เนย-ปภาดา กลิ่นสุมาลย์ & บิ๊กเอ็ม-กฤตฤทธิ์ บุตรพรม

46. ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์ & มาวิน ทวีผล

47. น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ & ไผ่-พาทิศ พิสิฐกุล

48. นาย-ชนุชตรา สุขสันต์ & เคลลี่ ธนะพัฒน์

49. ท็อป – จรณ โสรัตน์ & ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์

50. มิน-พีชญา วัฒนามนตรี & โอ๊ต-พิทักษ์ สภาธรรม

51. แพท ทวิรัต อมาตยกุล & แมท-ภีรนีย์ คงไทย

52. พีเค-ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร & โยเกิร์ต-วรีวรรณ บุญประชม

53. ซาร่า เลกจ์ & เอ็ม-สืบสกุล ทวีผล

54. ไหมแพร-ภัทรานิษฐ์ คำกำพุด & อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์

55. น้ำผึ้ง-ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ &  เป้-ฐิติ ชุมสาย

56. จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้วจ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม

57. เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ & มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์

58. เพลง-ชมน์ทิดา อัศวเหม & เป๊ก- เศรณี ชาญวีรกูล

59. เบสท์-ณิชชารีย์ กิจวิริยะ & ท็อป-ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี

60. ต๊อด-ศิณะ อุ่นทรพันธุ์ & พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณ

61. ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา & แม็กซ์-ชญานินท์ สุขขะสันติกูล

62. บี มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ & กรกฤช จุฬางกูร

63. โชแปง เลิศวริศ เลิศวรปรีชา & มารี เบิร์นเนอร์

64. แจม-วรัฐฐา อิมราพร & จิ๊ป กฤต  

65. เนย-วรัฐฐา อิมราพร & ฤทธิ์ กาไชย

66. ปาล์ม -ฐณส หงสนันทน์ & ฝ้าย -ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร

67. นิว-ชัยพล พูพาร์ต & เมษา-กิตติมา วงศ์สวัสดิ์

68.  กิก ดนัย จารุจินดา & แนน แพรวณิต

69. น้ำฝน-พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ & อาร์ม–พิพัฒน์ วิทยาปัญญานนท์

70. เพลง-กวิตา จินดาวัฒน์ & พัด-ณัฎฐภัทร สีบุญเรือง

71. แคท-ซอนญ่า สิงหะ

72. แพท-ภิรญา สิงหะ

73. เดียร์-บุษรา สาคร & เจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์

74. อองตวน ปินโต & ชิปปี้-ศิรินทร์ ปรีดียานนท์

75. โม–มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ & คฑา โอสถานุเคราะห์

76. มาริโอ้ เมาเร่อร์ & จันจิ ไกอา

77. เซนต์-ธราภุช คูหาเปรมกิจ & มิว-นิษฐา จิระยั่งยืน

78. ปิ๋ม-ณัฐปรี พิชัยรณรงค์สงคราม & ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย

79. อายส์-กมลเนตร เรืองศรี & โทโมะ-วิศว ไทยานนท์

80. วิว-วรรณรท สนธิไชย & หน่อง-ธนา ฉัตรบริรักษ์

ปิดท้ายด้วย ปล. ลิสต์นี้เป็นการอัพเดทคู่รักดาราเฉพาะภาคไทยแลนด์  แพลนต่อไปคือตั้งใจจะอัพเดทฝั่งโคเรีย จีน ฮอลลีวู้ด ฯลฯ ถ้าชอบก็ติดตามกันด้วยนะ

เรื่อง : Ghibli

ที่มาภาพ : ใต้ภาพ

The post ขีดชอล์คกันมดแพร้บ! อัพเดท สเตตัส … ใครกำลังคบใครบนโลกนี้ (ภาค Thailand) appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ฟังเพลิน! 4 เซเลบสาว นั่งคุยทริคเลือกเครื่องประดับ
พร้อมแชร์สถานที่จิบชาสุดโปรด

เปิดประสบการณ์ทางแฟชั่นครั้งใหม่กับแบรนด์เครื่องประดับหรูจากประเทศฝรั่งเศสอย่างแบรนด์ ‘ชีลิน’ (Qeelin) ในงานจิบน้ำชายามบ่ายกันไปแล้วเรียบร้อยเมื่อวันที่ผ่านมา โดยในงานมี เซเลบสาว จำนวนมากต่างสนใจมาร่วมงาน พร้อมชิมอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากจิวเวลรี่ชิ้นงาม รวมถึงอัพเดทคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดของชีลิน

เนรมิตบรรยากาศจิบชายามบ่ายกันไปเรียบร้อยที่โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ชั้น 12 บริเวณ เดอะ เซนต์ รีจิส บาร์ เมื่อบ่ายวันก่อน ซึ่งได้ถ่ายทอดไอเดียสดใหม่ด้วยการสร้างสรรค์ Qeelin Afternoon Tea ชุดน้ำชาสุดพิเศษที่สะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบของแบรนด์เครื่องประดับร่วมสมัยจากประเทศฝรั่งเศส ‘ชีลิน’ (Qeelin) จิวเวลรี่ที่นำเรื่องราวเกี่ยวกับความโชคดีของชาวจีนมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบได้อย่างลงตัว

โดยชุดน้ำชานั้น ทางแบรนด์ได้หยิบยกเอา 3 คอลเล็คชั่นที่มีความโดดเด่นมาร่วมถ่ายทอดสู่อาหารหวานรสชาติกลมกล่อม เริ่มจาก พายราสเบอรี่ช็อคโกแลตเฮเซลนัทเข้มข้น ที่นำเสนอแรงบันดาลใจจากคอลเล็คชั่น ‘วู ลู’ (Wu Lu) ออกแบบโดยใช้รูปทรงน้ำเต้า ซึ่งมีสัญลักษณ์คล้ายเลขนำโชคเลข 8 ของชาวจีน ที่เชื่อว่าจะนำความโชคดีมาให้สำหรับผู้ที่สวมใส่ ถัดมาที่ช็อคโกแลตมูสเค้กชาโคลเนื้อนุ่ม แรงบันดาลใจจากคอลเล็คชั่น ‘โบ โบ้’ (Bo Bo) เครื่องประดับรูปทรงหมีแพนด้าซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของชาวตะวันออก ตัวแทนแห่งความสงบสุขและมิตรภาพ และอีกหนึ่งความอร่อยที่ลงตัวของ มูสเค้กส้มแมนดาริน ที่ผสานกับความหอมละมุนของกาแฟ ซึ่งเผยถึงแรงบันดาลใจจากคอลเล็คชั่น ‘แวง แวง’ (Wang Wang) เครื่องประดับดีไซน์รูปสุนัข สัญลักษณ์อันเป็นสากลที่นำเสนอถึงความซื่อสัตย์และรักอิสระ ซึ่งสำหรับชาวจีนนั้นยังเชื่อว่าจะสามารถเพิ่งพลังแห่งชีวิตให้กับผู้สวมใส่ได้อีกด้วย

สำหรับแบรนด์ ‘ชีลิน’ (Qeelin) นั้นเป็นแบรนด์ตจิวเวลรี่ระดับโลก ริเริ่มเมื่อปี ค.ศ.2004 โดยดีไซเนอร์ชาวฮ่องกงนามว่า เดนนิส ชาน (Dennis Chan) ที่ส่วนตัวมีความชื่นชอบศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของประเทศจีน ซึ่งก็ได้นำความเป็นตะวันตกและตะวันออกมาดีไซน์ออกมาเป็นเครื่องประดับแบรนด์นี้ได้อย่างลงตัวและร่วมสมัยที่สุด แน่นอนว่า เซเลบสาวๆ ที่ชื่นชอบเรื่องการแต่งตัว ชอบหยิบเครื่องประดับมามิกซ์แอนด์แมทช์ต่างไม่พลาดมางานนี้ วันนี้จึงจะพาไปนั่งฟัง 4 เซเลบสาวว่าแต่ละคนเลือกเครื่องประดับแต่งตัวกันอย่างไร รวมถึงสถานที่จิบชาสุดโปรดว่ามีที่ไหนกันบ้าง บอกก่อนว่า ฟังเพลินเชียวล่ะ

อรชุมา ดุรงค์เดช

เริ่มที่เซเลบสาวทรงเสน่ห์ อรชุมา ดุรงค์เดชเผยว่า “ปกติวันสบายๆ จะแต่งกายด้วยชุดที่เรียบง่ายอย่างเดรสลายดอกไม้ แต่อาจจะเพิ่มลูกเล่นด้วยการเลือกสวมใส่เครื่องประดับที่สีสันเข้ากับชุดอย่าง กำไลข้อมือดีไซน์สวยๆ ก็จะทำให้เราดูมีเสน่ห์ขึ้น ส่วนสถานที่จิบน้ำชายามบ่ายที่ประทับใจมากที่สุดอยู่ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยบรรยากาศร้านที่หรูหรากับชารสเลิศ ทำให้จินตนาการไปถึงการจิบน้ำชายามบ่ายในสวนแสนสวย ซึ่งเป็นบรรยากาศที่น่าจดจำมาก”

ชวมณฑ์ ปวโรดม

ต่อมาที่สาวสวยหุ่นดีชวมณฑ์ ปวโรดม เผยว่า “เน้นเลือกเครื่องประดับที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกวัน ไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นคนที่ทำกิจกรรมเยอะมากในหนึ่งวัน โดยส่วนตัวจะชอบใส่สร้อยคอที่มีความเรียบง่าย แต่แฝงด้วยดีเทลเก๋ๆ หรือบางทีก็อาจจะใส่เครื่องประดับเพิ่ม อย่างเข็มกลัดเข้าไปด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มกิมมิคให้กับชุด สร้างความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ส่วนประสบการณ์จิบน้ำชายามบ่ายที่ชอบมากที่สุดจะอยู่ที่เมืองกินซ่า ประเทศญี่ปุ่น ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย จิบน้ำชาที่เสิร์ฟคู่กับขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นรสชาติอร่อย เวลาที่นึกถึงก็ชวนให้อยากกลับไปอีก (ยิ้ม)”

โสรัส อมาตยกุล

ถัดมาที่สาวยิ้มหวานอย่าง โสรัส อมาตยกุล เผยว่า “เวลาออกงานก็จะเลือกเครื่องประดับ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับชุดที่ใส่ไปร่วมงาน ชิ้นเด่นที่หยิบมาใส่เป็นประจำคือ ต่างหูไข่มุกประดับด้วยเพชรเล็กน้อย ที่ไม่ดูโอเวอร์จนเกินไป ซึ่งเราเชื่อว่าต่างหูไข่มุกสามารถแมทช์กับชุดได้ง่าย ใส่ได้ทั้งงานกลางวันและงานกลางคืน ช่วยขับลุคให้ดูสวยเด่นยิ่งขึ้น สถานที่จิบชายามบ่ายที่เราชื่นชอบอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพราะชาที่นั่นรสชาติดีไม่แพ้ชาจากประเทศต้นตำรับอย่างประเทศอังกฤษ การจิบชาร้อนๆ ร่วมกับรับประทานขนมสไตล์ปารีเซียง พลางชมวิวตัวเมืองปารีสไปด้วย ก็ทำให้รู้สึกประทับใจแบบไม่รู้ลืม”

เมลนีย์ อยู่วิทยา

ปิดท้ายที่สาวสังคม เมลนีย์ อยู่วิทยา เผยว่า “ส่วนตัวชอบเครื่องประดับที่มีกิมมิคพิเศษ ดีไซน์ที่น่ารัก แฝงความหมายดีๆ ชวนให้เก็บสะสม อย่าง สร้อยคอที่มีจี้เพชรเป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆ ยิ่งถ้าวันไหนเราแต่งตัวเรียบๆ เครื่องประดับก็จะทำให้คาแร็คเตอร์เราดูสดใสขึ้น ส่วนสถานที่จิบน้ำชาที่เราปลื้มมากอยู่ที่ลอนดอน เมืองต้นกำเนิดการจิบน้ำชายามบ่าย ที่บรรยากาศร้านถูกเซตให้เป็นการจิบน้ำชายามบ่ายเคล้ากับบรรยากาศในเทพนิยายเรื่อง อลิซ อิน เดอะ วันเดอร์แลนด์ได้ ทำให้รู้สึกสนุกจนไม่อยากกลับเลย (หัวเราะ)”

เป็นอย่างไรกันบ้าง ได้ทริคแมทช์เครื่องประดับกับชุดที่จะสวมใส่ได้ไม่น้อยเลยใช่ไหม ส่วนสาวๆ คนไหนที่อยากจิบชาบ้าง แต่ไม่อยากเดินทางไกล ก็สามารถไปลิ้มรสชายามบ่าย Qeelin Afternoon Tea ได้ที่ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ บริเวณเดอะ เซนต์รีจิส บาร์ และเดอะ ดรอว์อิ้งรูม ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคมนี้ ในเวลา 14.00 น. – 17.00น. ของทุกวันได้นะ 

ภาพ: Freeflow

The post ฟังเพลิน! 4 เซเลบสาว นั่งคุยทริคเลือกเครื่องประดับ พร้อมแชร์สถานที่จิบชาสุดโปรด appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ทาเครุ ซาโต้ หล่อสะกดแฟนๆ ควง ทาโอะ ซึจิยะ ใส่ชุดแต่งงาน
เปิดตัวภาพยนตร์ The 8 Year Engagement บันทึกน้ำตารัก 8 ปี

ก่อนหน้านี้ปล่อยคลิปวิดีโอตัวอย่างภาพยนตร์ใหม่ล่าสุดของ ทาเครุ ซาโต้ ที่ทำเอาบ่อน้ำตาแตกกับเรื่อง The 8 Year Engagement บันทึกน้ำตารัก 8 ปี ออกมาแล้ว ซึ่งก็ทำเอาแฟนภาพยนตร์ญี่ปุ่นอย่างหนุ่มสาวชาวไทยตั้งตารอ โดยในเรื่องนี้มีกิมมิคความพิเศษอยู่ที่เรื่องราวความรักของพระเอกกับนางเอก ทาโอะ ซึจิยะ 

และเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักทั้งที ก็ต้องมีฉากสำคัญให้กรี๊ดและได้พูดถึงเช่นกัน นั่นก็คือฉากทาเครุ ซาโต้ ควงทาโอะ ซึจิยะ ใส่ชุดแต่งงาน โดยทางทีมงานญี่ปุ่นได้แฝงกิมมิคพิเศษที่มีความหมายเข้าไปด้วย โดยในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง The 8 Year Engagement หรือมีชื่อภาษาไทยว่า บันทึกน้ำตารัก 8 ปี ที่จัดขึ้น ณ นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวในรูปแบบพิธีงานแต่งงานมาเป็นออเดิร์ฟก่อนจะปล่อยให้แฟนๆ ได้ไปชมกันโรงภาพยนตร์

โดยบรรยากาศการเปิดตัวภาพยนตร์ในรูปแบบพิธีแต่งงานนี้ มีไฮไลท์อยู่ที่ “ดอกไม้รูปทรงเลข 8” ซึ่งเป็นบรรดาการ์ดที่รวมความรู้สึกของคู่บ่าวสาวจากทั่วประเทศในหัวข้อ “อนาคตหลังจาก 8 ปี” เอาไว้ถึง 888 ใบ! และใช้เพลงประกอบภาพยนตร์ “Mabataki ของวง Back Number” เป็นเพลงบรรเลงในระหว่างที่ 2 นักแสดงนำ ทาเครุ ซาโต้ ในชุดทักซิโด้ และทาโอะ ซึจิยะ ในชุดเจ้าสาวย่างก้าวเข้ามาในพิธีคู่กัน

พระเอกทาเครุ ซาโต้ เผยความรู้สึกครั้งนี้ว่า “จริงๆ ผมก็อยากแต่งงานนะ พอได้มาเป็นนายแบบ ทำงานแสดง ก็ลืมๆ ไป การได้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ลองเป็นคู่สามีภรรยา และได้เห็นรูปแบบของงานแต่งงานจริงๆ แล้วนั้น ทำให้ความรู้สึกอยากแต่งงานมีมากขึ้น เลยล่ะครับ”

สำหรับภาพยนตร์ The 8 Year Engagement บันทึกน้ำตารัก 8 ปี เป็นภาพยนตร์รักเรียกน้ำตาที่สร้างจากเรื่องจริงและเรียกน้ำตาผู้ชมทั่วญี่ปุ่นมาแล้วกว่า 1 ล้านคน ผลงานการเขียนบทโดย โอคาดะ โยชิคาซึ นักเขียนผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการเขียนบทที่เกี่ยวกับความรัก ผู้เคยเขียนบทหนังดังเรื่อง Be with you ( 2004) และ If cats disappeared from the world

ทั้งนี้ตัวภาพยนตร์นี้ยังได้หนุ่มหล่อ ทาเครุ ซาโต้ ผู้กุมหัวใจสาวๆ ชาวไทยมาแล้วจากภาพยนตร์เรื่อง If cats disappeared from the word มารับบท ฮิซาชิ ชายหนุ่มผู้รอคอยคู่หมั้นผู้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราก่อนถึงพิธีแต่งงานเพียงไม่กี่เดือน และ ทาโอะ ซึจิยะ รับบท มาอิ สาวสวยผู้ป่วยกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เธอต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา พ่อแม่ของมาอิบอกกับฮิซาชิว่า ให้ตัดใจ แต่ฮิซาชิก็ยังคอยอยู่ดูแลมาอิอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยหวังว่าวันหนึ่งเธอจะหายดี แต่เมื่อมาอิก็ฟื้นขึ้นมา เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเขาไป 8 ปีนับตั้งแต่สัญญาแต่งงาน บทสรุปที่ว่า ฮิซาชิจะทำให้มาอิกลับมารักเขาได้อีกครั้งหรือไม่ เตรียมรอให้แฟนๆ ไปพิสูจน์พร้อมกันที่โรงภาพยนตร์ในวันที่ 14 มิถุนายน 2561 นี้

ภาพ: The 8 Year Engagement บันทึกน้ำตารัก 8 ปี

The post ทาเครุ ซาโต้ เผยอยากแต่งงาน! หลังเล่นภาพยนตร์ The 8 Year Engagement appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

นางแบบชื่อดัง เบลล่า ฮาดิด ปฏิเสธการทำศัลยกรรมยืนยันหน้าตาสวยธรรมชาติเซย์ ท้าจับตรวจสแกนได้เผยไม่คิดพึ่งมีดหมอเพราะกลัวหน้าพัง

ถึงแม้คนทั่วไปจะมีมุมมองเกี่ยวกับการศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ถ้าเป็นคนดังก็ยังถูกเพ่งเล็งอยู่ดี ยิ่งความก้าวหน้าด้านเมคอัพทันสมัยมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นภาพเปรียบเทียบชัด นี่เองทำให้หลายๆ คนถูกเข้าใจผิดว่าไปทำศัลยกรรมมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ซูเปอร์โมเดลสาวพราวเสน่ห์ เบลล่า ฮาดิด ก็มีชื่อถูกพูดถึงด้วย ทั้งๆ ที่หลายคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่า บ้านฮาดิด หน้าตาดีทั้งครอบครัวอยู่แล้ว

และไม่ใช่ถูกเม้าถูกลือเพียงแค่ครั้งเดียว แต่เธอตกเป็นประเด็นให้สื่อพูดถึงตลอดนับตั้งแต่เธอเข้าวงการนางแบบเมื่อปี 2013 ล่าสุดเธอได้ได้เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด โดยบอกว่า”มีหลายคนคิดว่าฉันทำศัลยกรรมมาหมดแล้ว หรือตรงส่วนนั้นส่วนนี้ รู้อะไรไหม ฉันสามารถพิสูจน์โดยสแกนใบหน้าของฉันได้เลยตอนนี้ ฉันเป็นคนกลัวเรื่องการฉีดฟิลเลอร์สเข้าไปในริมฝีปากมากๆ ดังนั้นจึงไม่อยากให้ใบหน้าของฉันต้องเสียโฉมนั่นเอง”

ข้อมูลจาก : ทวิตเตอร์

The post นี่ปากสวยธรรมชาติ! เบลล่า ฮาดิด ปฏิเสธศัลยกรรม ท้าจับสแกน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

โกงอายุ บัว-สโรชา น้องสาวบีม-กวี
อายุแตะ 30 แต่ลุคใสราวสาววัยยี่สิบต้นๆ

เป็นสาวน่ารักฉบับใสๆ ที่โกงอายุมากทีเดียว สำหรับ บัว-สโรชา วิริยะเมตตากุล บิวตี้บล็อกเกอร์ที่มีช่องทางให้ติดตามในนาม Updo By Buablink และเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหนุ่มป๊อบ บีม-กวี ตันจรารักษ์ ที่แม้ว่าอายุในปีนี้จะ 30 ย่าง 31 ปี แต่ใบหน้าและลุคนั้นยังดูใส อ่อนเยาว์ราวสาววัยยี่สิบต้นๆ 

ปัจจุบันผันตัวมาเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ คอยแชร์เคล็ดลับเรื่องความสวยความงาม รวมไปถึงการจัดแต่งทรงผมในรูปทรงต่างๆ ซึ่งก็มีคนติดตาม สาวบัว-สโรชา ค่อนข้างมากเลยทีเดียว ล่าสุดสาวบัวได้มาร่วมงานเปิดตัวแบรนด์ “ออสร่า” (EOSRA) ผลิตภัณฑ์สกินแคร์บำรุงผิวสารสกัดจากเห็ดไวท์ทรัฟเฟิล ณ ลานกิจกรรม The Underground ชั้น LG ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน

โดยภายในงาน คุณวิศรุจน์ ปุณยเรืองศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออสร่า จำกัด ได้มานั่งพูดคุยถึงการให้ความสำคัญต่อผิวว่า ผิวสวยสุขภาพดีเกิดจากการดูแลที่ดีที่มีพื้นฐานเริ่มมาจากการทำความสะอาดผิว ทั้งยังได้เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ 7 หนุ่มรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนที่จะมาปลุกให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น โดยได้เผยตัวช่วยในรูปแบบสบู่ (มี 2 สูตร สบู่ไวท์ทรัฟเฟิลเรเดียนซ์อีเอ็กซ์ ไบร์ทเทนนิ่ง เพื่อผิวกระจ่างใส, สบู่ไวท์ทรัฟเฟิลเรเดียนซ์อีเอกซ์ ซูททิ่ง สูตรอ่อนโยนเพื่อผิวแพ้ง่าย) และเซรั่มบำรุงผิว (ไวท์ทรัฟเฟิลเรเดียนซ์อีเอกซ์ ไบร์ทเทนนิ่ง เพื่อผิวกระจ่างใส)

ส่วนเคล็ดลับของสาวบัวที่เห็นหน้าและลุคดูอ่อนเยาว์แบบนี้ เรื่องการทำความสะอาดผิวถือเป็นข้อสำคัญอันดับหนึ่งของเธอเลย โดยสาวบัวแนะนำว่า “การล้างหน้าให้สะอาดหมดจดเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลผิวให้สวยสุขภาพดี ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ผิวแห้งควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ผิวมันควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อหนัก เพราะอาจทําให้ผิวอุดตันหรือรู้สึกเหนอะหนะ และผิวบอบบางแพ้ง่ายต้องหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดจากธรรมชาติ และที่สำคัญหลังจากล้างหน้าแล้วอย่าลืมบำรุงผิวควบคู่ไปด้วย”

รู้จักดูแลตัวเองตั้งแต่ขั้นพื้นฐานและรู้จักเลือกสิ่งที่เหมาะกับผิวแบบนี้นี่เอง เคล็ดลับง่ายๆ ที่ทำให้สาวบัวดูเฟรช สดใสจนถึงตอนนี้ และที่น่าสำคัญไปกว่านั้นคาดว่า กำลังใจสำคัญ และพลังงานบวกที่ได้มาจากสามีสุดที่รัก คุณพิพัทธ์ วิริยะเมตตากุล ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลวิภาวดี และพี่ชายแสนดี บีม-กวี ที่แม้ทั้งคู่จะต่างแต่งงานมีครอบครัวกันไปแล้ว แต่ก็ยังหมั่นคอยหากิจกรรมทำร่วมกันบ่อยๆ นี่แหละ ที่ทำให้สาวบัวยังคงเป็นผู้หญิงสดใส สุขภาพจิตดี และดูอ่อนเยาว์เช่นนี้

แพรวดอทคอม ก็ขอส่งท้ายด้วยรูปน่ารัก สดใสของสาวบัวให้ชมก็แล้วกัน ส่วนสาวๆ จ๋า อย่าลืมทำความสะอาดผิวให้ดีนะจ๊ะ…

เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: Polyplus, IG @buablink

The post โกงอายุ บัว-สโรชา น้องสาวบีม-กวี วัยแตะ 30 แต่ลุคใสราวสาววัยยี่สิบต้นๆ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

โฟกัสภาพนี้เลย พีช – พชร จิราธิวัฒน์ และนางเอก แพทริเซีย – ธัญชนก กู๊ด โชว์ภาพคู่หวานๆ ลงอินสตาแกรม แต่สังเกตบนนิ้วนางด้านซ้ายมีแหวนที่เหมือนกัน แฟนคลับลุ้นอาจมีข่าวดี

สังเกตบนนิ้วนางด้านซ้ายมีแหวนคู่ด้วย >_<

ช่วงนี้ถ้าใครตามฟอลโลอินสตาแกรมของหนุ่ม พีช – พชร จิราธิวัฒน์ และ นางเอกสาวช่อง 3 แพทริเซีย – ธัญชนก กู๊ด อาจจะทำให้เบาหวานขึ้นตาหน่อยๆ เพราะคอมเมนต์ที่ทั้งคู่โต้ตอบกันแฝงไปด้วยความรักและความห่วงใยตามประสาคนเป็นแฟนกัน ซึ่งหนุ่มพีชได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเข้าไปคอมเมนต์ว่า “หวง” ในอินสตาแกรมของแฟนสาวในภาพที่เธอสวมชุดว่ายน้ำและชุดออกกำลังกายว่า “คนเป็นแฟนกันก็ต้องหวงกันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่หวงสิ แปลก!”

และอาจจะมีความ ห่วง และ หวง มากพิเศษ ล่าสุดที่นิ้วนางด้านซ้ายของสาวแพทริเซียเลยมีแหวนคู่ที่เหมือนกับนักแสดงหนุ่มเรียกว่าเป็นเจตนารมณ์ว่าหวงมากจริงๆ ทำเอาบรรดาแฟนคลับคอมเม้นต์เยอะเลยว่า “เร็วๆ นี้อาจมีลุ้นข่าวดีของทั้งคู่หรือเปล่า?”

พีช – พชร จิราธิวัฒน์ และ แพทริเซีย – ธัญชนก กู๊ด

โดยก่อนหน้านี้ดาราหนุ่มเคยให้สัมภาษณ์ว่าการคบหากันก็ต้องคิดถึงอนาคตอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังเด็กเรื่องนี้จึงยังไกลตัว ส่วนตอนนี้จะเปลี่ยนใจแล้วหรือเปล่า? คงต้องให้ทั้งคู่ออกมาตอบคำถามด้วยตัวเองค่ะ

อย่างไรก็ตาม แพทริเซีย – ธัญชนก กู๊ด และ พีช – พชร จิราธิวัฒน์ ถูกยกให้เป็นคู่รักที่มาพร้อมความลงตัว ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่วัยเด็กเพราะฝ่ายชายเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ขณะที่คุณพ่อของฝ่ายหญิงเป็นรองประธานฝ่ายปฏิบัติการอยู่ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต แต่เมื่อโตขึ้นก็ขาดการติดต่อกันไป จนได้กลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงที่ต่างฝ่ายต่างโสด ทำให้ความรักลงตัวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางครอบครัวของทั้งสองฝ่ายที่ยินดีไปกับความรักของทั้งสองคนด้วย

แพทริเซีย และ ส้ม-ชนัดดา จิราธิวัฒน์ คุณแม่ของหนุ่ม พีช-พชร

ภาพจาก : IG @peach_pachara และ @patriciagood

The post ตาเป็นประกาย! โฟกัส แหวนคู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย พีช – แพทริเซีย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

คุณพี่แซวเก่ง โป๊ป – ธนวรรธน์ ให้สัมภาษณ์ถึงนางเอกคู่ขวัญ เบลล่า – ราณี หลังถูกเชียร์ให้เลิกรา เวียร์-ศุกลวัฒน์ บอกเลิกเมื่อไหร่มาคบกับพี่ เดี๋ยวพี่ปลอบใจ

เพราะการแสดงที่ดีบวกกับเคมีที่ลงตัว ทำให้คู่ขวัญจากละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ถูกเชียร์ให้เป็นคู่กันในชีวิตจริงเช่นเดียวกับในละคร ซึ่งหลายๆ คนทราบดีอยู่แล้วว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะนางเอกสาวเขามีหนุ่มตัวจริงอยู่แล้ว คือพระเอก เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ งานนี้จึงเป็นได้แค่คู่จิ้นเท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ! ก็ยังมีคนเชียร์ให้พี่ขุนเดชและแม่หญิงการะเกดเป็นแฟนกันในชีวิตจริงอยู่ดี

แม้ละครจะลาจอไปแล้ว แต่แฟนคลับก็ยังฟินได้ต่อเพราะหลังจากละครดังคู่นี้เขาก็มีงานคู่กันอยู่บ่อยๆ และล่าสุดในงานเปิดตัวกะทิขวด Real Thai พระเอก-นางเอก ขวัญใจมหาชนก็ได้โคจรมาพบกันอีกครั้ง โดยภายในงานยังมีการกิจกรรมทำอาหารซึ่งก็มีหลายโมเมนต์ที่ดูแล้วยิ่งนึกถึงเรื่องราวในละครบุพเพสันนิวาสมากๆ

โดยภายหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมบนเวที ทั้งสองได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องที่แฟนคลับบางส่วนอยากให้ เวียร์ คบกับ ฐิสา และ เบลล่า คบกับ โป๊ป ซึ่งเมื่อได้ฟังคำถาม เบลล่าก็หันไปหาพี่ขุนทันทีพร้อมกับถามว่า “ว่าอย่างไรดี” ซึ่งคุณพี่ก็ตอบทันควันว่า “เลิกแล้วเดี๋ยวมาคบกับพี่ รออยู่ เลิกเดี๋ยวพี่ปลอบใจให้ (ยิ้ม)” ก่อนตบมุกด้วยว่า “ล้อเล่นนะเวียร์” ทำเอาบรรดาผู้ที่สัมภาษณ์ยิ้มไปตามๆ กัน

 อย่างไรก็ตามในส่วนของสาวเบลล่านั้นได้ชี้แจงว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดอยู่แล้วเวลาที่เราเล่นละครหรือแสดงละครคู่กับใคร โดยการที่คนชื่นชอบทำให้เรารู้ได้ว่าละครประสบความสำเร็จ เพราะเราก็เล่นไปตามบทบาท ส่วนนอกจอมันก็คือชีวิตจริง เราก็ไม่ได้เปลี่ยนไปตามแรงยุ มันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง และพี่โป๊ปเป็นพี่ชายที่ดี เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมากๆ ค่ะ”

The post คุณพี่ขี้แซว! โป๊ป บอก เบลล่า เลิก เวียร์ เมื่อไหร่มาคบกัน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

กว่าจะมีวันนี้! โม-โมรียา เม-เอรียา จุฑานุกาล สองพี่น้องผู้เขย่าวงการกอล์ฟโลก

เป็นข่าวกระหึ่มโลกเมื่อ โปรเม เอรียา จุฑานุกาล คว้าแชมป์เมเจอร์ที่ 2 ของปี ‘ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น’ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมรับเงินรางวัลเบาๆ 31.5 ล้านบาท!

กว่า เม กับ โม จะมาถึงวันนี้ ขอบอกว่าไม่ง่าย เรามาย้อนอ่านบทสัมภาษณ์ของสองพี่น้องเมื่อครั้งมาคุยกับแพรว แล้วมาปรบมือให้เธอดังๆ พร้อมกัน

• ในช่วงเริ่มต้นของการเป็นนักกอล์ฟ ครอบครัวจุฑานุกาลขายที่ดิน บ้านกับรถ เพื่อนำเงินมาส่งให้ลูกทั้งสองคนแข่งขันกอล์ฟ
• โมกับเมเรียนจบแค่ม.6 แล้วออกมาตีกอล์ฟไม่เคยมีชีวิตวัยรุ่นไม่เคยเที่ยวกับเพื่อนเวลาเพื่อนๆคุยเรื่องละครหรือซีรี่ส์เกาหลีกันเราก็ไม่รู้เรื่องเพราะตอนนั้นไม่เคยได้ดูเพราะใช้เวลากับกอล์ฟครึ่งหนึ่งของชีวิตไปแล้วเรียกว่าเห็นลูกกอล์ฟพอๆ กับจานข้าวก็ได้
• ช่วงแข่งกอล์ฟที่อเมริกาใหม่ๆเมกับโมต้องประหยัดเงิน ไม่เคยกินข้าวตามร้านอาหารแต่จะซื้อของสดมาทำเองแบบง่ายๆยิ่งวันไหนมีแข่งพ่อจะทอดไข่เจียวใส่กล่องให้ไปกินที่สนามกอล์ฟ

 ย้อนกลับไปวันแรกที่กอล์ฟเข้ามาในชีวิตของทั้งคู่หน่อย

โมเล่าต่อ “ตอนนั้นโม 7 ขวบ ส่วนเม 5 ขวบ พ่อเปิดร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟในสนามกอล์ฟ เราสองคนต้องไปอยู่ที่นั่นหลังเลิกเรียนทุกวัน และความที่ไม่อยากให้ลูกวิ่งซนขณะทำงาน พ่อจึงตัดปัญหาด้วยการให้ตีกอล์ฟแบบเล่น ๆ ไม่ได้จริงจัง แต่พอเล่นไปพักหนึ่งก็มีผู้ใหญ่แนะนำว่า ทำไมไม่ลองไปแข่งระดับเยาวชนดูล่ะ พ่อกับแม่จึงลองพาไปแข่งสนามเล็ก ๆ ปรากฏว่าเราทำผลงานได้ดี จากรายการเล็กก็ขยับไปแข่งรายการที่ใหญ่ขึ้น ตอนนั้นพ่อคงเห็นแววอะไรบางอย่างจึงให้เราเล่นกอล์ฟแบบจริงจัง โดยจัดตารางฝึกซ้อมกอล์ฟ เช่น ให้วิ่งตอนเช้าก่อนเข้าเรียนเป็นเวลา 30 นาที ถ้าถามว่าเราชอบไหม…

“ไม่ชอบเลย” (เมกับโมตอบพร้อมกัน แล้วหัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่โมจะเล่าต่อ) “ต้องบอกว่าพ่อออกกำลังกายหนักมาก เพราะหลังจากเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับกอล์ฟไม่นานก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ซีกซ้ายของร่างกายนอกจากนี้ยังเส้นเลือดตีบในสมองและโรคหัวใจด้วย”

หายเพราะออกกำลังกายหรือครับ

เมเล่าบ้าง “น่าจะมาจากความมุ่งมั่นมากกว่า นิสัยของพ่อคือไม่ว่าใครจะบอกว่าไม่ได้ ถ้าพ่อบอกว่าได้ก็จะทำให้ได้ อย่างตอนที่ป่วยพ่อไม่เคยไปหานักกายภาพบำบัด แต่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เช่นใช้แขนขวาที่ปกติยกแขนซ้าย หรือถ้าอยากเข้าห้องน้ำ พอแม่ทำท่าจะช่วยพ่อก็บอกว่าไม่ต้อง แล้วค่อย ๆ หย่อนตัวลงจากเตียง จากนั้นค่อย ๆไถตัวไปที่ห้องน้ำ พ่อทำทุกอย่างด้วยตัวเองแบบนี้จนอาการดีขึ้นและเริ่มกลับมาใช้ร่างกายทางฝั่งซ้ายได้เหมือนเดิม ตั้งแต่นั้นก็กลายเป็นมนุษย์บ้าออกกำลังกาย แล้วพ่อคิดว่าการเป็นนักกีฬาที่ดีต้องมีร่างกายที่แข็งแรงด้วย จึงให้เราเริ่มวิ่งตอนเช้าก่อนเข้าเรียนวันละ 30 นาที

“แต่เราไม่ได้ตื่นไปวิ่งเช้ามากนะ เพราะพ่อเชื่อว่าการนอนเยอะเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงเป็นเด็กที่เข้าห้องเรียนช้าอยู่เป็นประจำ โดยพ่อให้เหตุผลกับครูว่า เด็กปกติต้องท่องศัพท์ เข้าแถวตอนเช้า แต่ลูกผมจะไปถึงโรงเรียนตอนที่ครูเริ่มสอนนะครับ ถ้าเริ่มตอน 8 โมงครึ่ง ลูกผมก็จะไปตอนนั้น

“พ่อช่วยทำการบ้านให้เราด้วยนะ ซึ่งครูก็รู้ทันที เพราะเด็กอะไรลายมือเหมือนผู้ใหญ่ พอโดนครูว่า พ่อก็ไปคุยกับครูว่า ลูกผมไม่มีเวลาครับ เขาเป็นนักกีฬา ต้องซ้อมวิ่ง ว่ายน้ำ และตีกอล์ฟ ถ้าครูจะให้การบ้านเยอะ ผมกับภรรยาต้องช่วยทำให้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ครูทำได้คือไม่ให้การบ้านเยอะ”

คุณพ่ออินดี้มากนะ

เมทำหน้าจริงจัง “ใช่ พ่อเทพมาก เรื่องโปรแกรมออกกำลังกายก็จริงจังมาก ขอเริ่มใหม่ตั้งแต่ตื่นนอนนะ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เรากินข้าวเช้าในรถ ไปถึงโรงเรียนก็วิ่งรอบสนาม 30 นาที จากนั้นเปลี่ยนชุดนักเรียนในรถ โดยพ่อตกลงกับทางโรงเรียนไว้ว่าขอให้เราสองคนเรียนแค่ครึ่งวันเพื่อไปซ้อมกอล์ฟต่อ เพราะฉะนั้นพอเรียนเสร็จตอนเที่ยงเราก็เข้ามากินข้าวกลางวันในรถระหว่างที่พ่อขับไปสนามกอล์ฟ พอตอนเย็นเราก็ไปว่ายน้ำต่อกับทีมว่ายน้ำที่มีนักกีฬาทีมชาติด้วย โดยลงสระตั้งแต่6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม ครูจะสั่งเป็นเซต เช่น ว่ายท่าผีเสื้อ 200 เมตร 4 นาที พักแป๊บหนึ่งก็ว่ายต่อ โดยเฉลี่ยหนึ่งวันเราจะว่ายน้ำเป็นระยะทางอย่างน้อย 3 กิโลเมตร ถ้าวันไหนเยอะหน่อยก็ไป 4 – 5 กิโลเมตร เรียกว่าว่ายกันเป็นบ้าเป็นหลัง”

เคยถามคุณพ่อไหมว่า ทำไมจึงมั่นใจว่าเมกับโมจะประสบความสำเร็จในการเป็นนักกอล์ฟ

เมตอบ “พ่อไม่มั่นใจหรอก แต่สิ่งที่พ่อคิดตลอดคือ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ครอบครัวเชื่อเสมอ คือถ้าตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้พ่อจึงไม่เคยหยุดที่จะพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ มาพัฒนาเราตลอดเวลา รวมถึงทุ่มเงินส่งไปแข่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เราเด็ก ๆ”

กว่าจะมีวันนี้! โม-โมรียา เม-เอรียา จุฑานุกาล สองพี่น้องผู้เขย่าวงการกอล์ฟโลก

นั่นคือเหตุผลที่ครอบครัวนี้ขายทั้งบ้านทั้งรถเพื่อสานฝันให้ลูกๆ เป็นนักกอล์ฟระดับโลก

เม “ใช่ค่ะ พ่อขายที่ดิน บ้านกับรถ แต่ตอนนั้นเรามีบ้านหลายหลังกับรถหลายคัน สมัยก่อนฐานะครอบครัวโอเค ไม่ได้แย่ แต่ถ้าถามว่าตีกอล์ฟจนเงินหมดไหม…ก็ใช่” (หัวเราะ)

โมอธิบาย “ส่วนหนึ่งโดนธนาคารยึดด้วย โมคิดว่าตอนนั้นพ่อมีเงินพอที่จะนำบ้านกลับคืนมาได้ แต่ก็ไม่ทำ เพราะใช้เงินทั้งหมดกับเรื่องกอล์ฟ โดยเฉพาะใช้ในการแข่งขันที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ตอนที่เราอายุ12 – 13 ปี เริ่มจากไปอยู่ครั้งละ 2 – 3 เดือน แล้วเพิ่มเป็น 6 เดือน

“โมเริ่มเล่นอาชีพรายการแอลพีจีเอ ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 18 ปี ส่วนเมอายุน้อยกว่า 1 ปี ช่วงปีแรกจึงต้องเล่นทัวร์อื่น ๆ เช่น ยูโรเปียนทัวร์ก่อน ช่วงนั้นจึงต้องแยกกันเดินทาง โดยเมไปกับพ่อ ส่วนโมไปกับแม่ แต่ถึงแม้จะไม่ได้เล่นรายการใหญ่ ๆ ในอเมริกา แต่เมก็ทำผลงานได้ดีมาก จนได้รับเชิญให้เข้ามาเล่นรายการแอลพีจีเอที่สหรัฐอเมริกาด้วย ในขณะที่อันดับโลกก็พุ่งเร็วมากจากที่ร้อยกว่ามาอยู่ที่ 15 ของโลก ถือว่าคูลมาก เพราะเมแทบไม่ได้เล่นรายการใหญ่ ๆ เลย”

ตอนลุยอเมริกาใหม่ๆ ทั้งเรื่องแข่งกอล์ฟกับการใช้ชีวิตยากขนาดไหนครับ

โมตอบเอง “มากค่ะ เพราะเราต้องนับหนึ่งใหม่กับทุกเรื่อง ตั้งแต่การเช่ารถ จองโรงแรม วางแผนว่าจะเล่นทัวร์นาเมนต์ไหนบ้างที่จะดีต่ออันดับโลก ช่วงแรกเรามีญาติที่อยู่อเมริกาคอยเสิร์ชข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตให้จากนั้นพ่อ แม่ โม กับเมก็ลุยกันเอง 4 คน

“และที่เหนื่อยมากคือ เราต้องใช้ชีวิตเหมือนคนเร่ร่อน เพราะต้องเดินทางไปแข่งทั่วสหรัฐฯ แล้วมีรายการแข่งขันทุกสัปดาห์ นั่นหมายความว่าเราต้องเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นใช้วิธีเช่าโรงแรม 1 ห้องอยู่ด้วยกันไม่มีที่ไหนที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นบ้านหรือเป็นที่ที่เราได้พักจริง ๆ”

เมยิ้มเมื่อคิดถึงชีวิตในช่วงนั้น “ช่วงแรกสาหัสหน่อย แต่ไม่เคยคิดว่าลำบากนะ เพราะเราอยู่ด้วยกัน 4 คน ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไปด้วยกันแต่เรื่องเปลี่ยนโรงแรมก็ทำให้ชีวิตเหนื่อยจริง ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องแพ็คกระเป๋าทุกวันอาทิตย์ เพราะปกติกอล์ฟจะแข่งในวันพฤหัสบดี ศุกร์เสาร์ พอวันอาทิตย์เราต้องเริ่มเก็บกระเป๋า แล้วหาตั๋วเครื่องบินไปแข่งทัวร์นาเมนต์ต่อไป พอไปถึงเมืองนั้นก็ต้องเช่ารถ แบกของขึ้นรถขับไปที่โรงแรม พอเข้าห้องก็ต้องนำของออกจากกระเป๋า แล้วก็เริ่มแข่ง พอถึงวันอาทิตย์ก็เก็บทุกอย่างลงกระเป๋า แล้วชีวิตก็วนกลับไปเหมือนเดิมเราใช้ชีวิตเหมือนคนเร่ร่อนแบบนี้อยู่ประมาณ 2 ปี ก่อนจะซื้อบ้าน”

เรื่องอาหารการกินล่ะ เป็นอย่างไรครับ เรื่องใหญ่ไหม

เมตอบ “ช่วงไปอเมริกาใหม่ ๆ ต้องประหยัดกันพอสมควร เราไม่เคยกินข้าวตามร้านอาหาร พ่อจะซื้อของสดมาทำเองแบบง่าย ๆ ยิ่งวันไหนมีแข่ง พ่อทอดไข่เจียวใส่กล่องให้ไปกินที่สนามกอล์ฟ คือกินแค่พออิ่มเท่านั้น หรือตอนเริ่มเล่นกอล์ฟที่เมืองไทย เราไม่เคยกินข้าวที่คลับเฮ้าส์ แต่จะกินที่โรงอาหารของแคดดี้ เพราะพ่ออยากประหยัดกระทั่งเป็นนักกอล์ฟอาชีพจึงค่อยดีหน่อย เพราะมีอาหารให้นักกีฬา เราก็กินมื้อเที่ยงกับเขา ส่วนมื้อเย็นก็กลับมาทำอาหารกันเองที่บ้าน”

จากที่เริ่มต้นด้วยความฝันของพ่อ แล้วทั้งคู่เริ่มชอบกอล์ฟจริงๆ เมื่อไร

โมกับเมมองหน้ากัน จากนั้นให้พี่สาวเปิดใจก่อน “เอาตรง ๆช่วงแรกโมไม่รู้ว่าตัวเองชอบกอล์ฟหรือเปล่า รู้แต่ว่านี่คือแพลนของชีวิตว่าพออายุ 18 ก็เทิร์นโปรเป็นนักกอล์ฟอาชีพ พยายามเข้าไปเล่นในรายการใหญ่ ๆ อย่างแอลพีจีเอ นอกจากนี้เราอยากดูแลพ่อแม่ได้ แล้วกอล์ฟก็เป็นอาชีพที่ทำให้ความคิดนั้นเป็นจริง เราเริ่มด้วยความคิดแบบนั้นแต่พออยู่กับมันทุกวันก็เหมือนว่ากีฬากอล์ฟค่อย ๆ ซึมซับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต จนวันนี้ที่บอกได้ว่าคงรักมันเข้าแล้วจริง ๆ”

เม “พอเริ่มอินกับกอล์ฟก็รู้สึกว่าชีวิตที่มีเป้าหมายนั้นมีความสุขยิ่งพอมาถึงวันนี้ก็รู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เงินหรือชื่อเสียง แต่คือการที่เราได้ภูมิใจในตัวเอง ทำให้มีกำลังใช้ชีวิตในวันต่อไป”

ย้อนกลับไปคิดถึงเด็กสองคนที่ต้องตื่นไปวิ่ง ซ้อมกอล์ฟ แล้วว่ายน้ำจนถึงดึก รู้สึกว่าเด็กสองคนนั้นเดินทางมาไกลขนาดไหน

โมยิ้มกว้าง “รู้สึกดีใจและโชคดี ความลำบากทำให้เราเข้มแข็งปัญหาทำให้เราโตขึ้นจนมาวันนี้ได้ โมรู้สึกโชคดีที่พ่อแม่ผลักดันให้ทำทุกอย่าง และก็อยากขอบคุณตัวเองด้วยที่พยายามมาตลอด

“โมว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่ทุกคนเล่นได้ แต่ถ้าจะเล่นให้ดีก็ต้องทุ่มเทอดทน และแลกกับอะไรหลายอย่าง โมกับเมเรียนจบแค่ ม.6 แล้วออกมาตีกอล์ฟ ไม่เคยมีชีวิตวัยรุ่น ไม่เคยเที่ยวกับเพื่อน บางทีเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนก็คิดว่าเราได้รับสิทธิพิเศษเรียนแค่ครึ่งวัน หรือเวลาเพื่อน ๆ คุยเรื่องละครหรือซีรี่ส์เกาหลีกัน เราก็ไม่รู้เรื่อง เพราะตอนนั้นไม่เคยได้ดูเพราะใช้เวลากับกอล์ฟครึ่งหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เรียกว่าเห็นลูกกอล์ฟพอ ๆ กับจานข้าวก็ได้ ที่สำคัญ โมเชื่อว่าคนที่จะประสบความสำเร็จต้องรู้ก่อนว่าตัวเองทำอะไรได้ดี คนส่วนใหญ่รู้ข้อเสียของตัวเอง โมก็รู้ แต่หลายคนไม่เคยมองว่าแล้วอะไรที่เป็นข้อดีของตัวเอง แล้วก็ทุ่มเทแบบเต็มที่”

เมปิดท้าย “ถ้าพูดแบบโกหกคือ พอมองกลับไปสมัยเด็ก ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำทั้งหมดนั้นได้อย่างไร

“แต่เมเชื่อว่าถ้ามีฝัน แรงผลักดัน และเป้าหมาย เราสามารถทำอะไรก็ได้”

เรื่อง : ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

The post กว่าจะมีวันนี้! โม-โมรียา เม-เอรียา จุฑานุกาล สองพี่น้องผู้เขย่าวงการกอล์ฟโลก appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ออร่าพุ่ง! ส่องแฟชั่นสนามบินของ คุณนายซง แต่งน้อย แต่งง่าย แต่สวยหนักมาก นี่แหละสวยแบบชิคๆ และดูดีมีสไตล์

ในวงการบันเทิงเกาหลีนอกจากชุดที่บรรดาคนดังสวมใส่ออกงานอีเว้นต์แล้ว แฟชั่นสนามบินก็เป็นที่สนใจไม่แพ้กัน ด้วยความทันสมัย อีกทั้งยังสามารถสวมใส่ในชีวิตจริงได้ หลายครั้งเสื้อผ้าเหล่านี้จึงขายดิบขายดียิ่งกว่าชุดออกงานอีเว้นต์อีก

ล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแฟชั่นสนามบินของ คุณนายซง หรือ ซงฮเยคโย (Song Hye Kyo) ภรรยาสุดที่รักของสามีแห่งชาติ ซงจุงกิ (Song Joong Ki) กลายเป็นหัวข้อที่สาวๆ เกาหลีและเอเชียสนใจในเรื่องของความเรียบง่ายแต่ยังดูดีมีสไตล์ ขณะเดินทางไปทำภารกิจกับแบรนด์ OMEGA ที่ฮ่องกง

ซงฮเยคโย  ดาราสาววัย 36 ปี แต่เธอยังดูเหมือนสาววัย 20 กว่าๆ ปรากฏตัวที่สนามบินฮ่องกงด้วยลุคเบสิค เสื้อแขนยาวสีขาวแมทช์กับกางเกงยีนส์ขาสั้น เสริมด้วยเครื่องประดับ ต่างหูห่วงขนาดเล็ก, สร้อยคอเส้นบางๆ, แว่นกันแดดทรงกลม บวกกับรองเท้าคัชชูเปิดหลังยิ่งทำให้ลุคนี้กลมกล่อมมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามดูจากลุคแล้ว น่าจะสยบข่าวลือตั้งครรภ์ก่อนหน้านี้ของเธอลงได้ แถมในงาน OMEGA ที่เธอไปร่วมครั้งนี้ ดาราสาวยังได้ให้สัมภาษณ์เองว่า “คงจะสักวันหนึ่ง” ส่วนจะเร็วๆ นี้หรืออีกยาวไกลในอนาคตแฟนๆ ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปนะคะ

ภาพจาก : tenasia

The post แฟชั่นสวยชิคๆ แบบ คุณนายซง แต่งน้อย แต่งง่าย แต่ดูดีมีสไตล์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

โต้ง Twopee-ขันเงิน โชว์เก๋าแต่งเพลงเกาหลี
Baby Don’t Stop ให้ NCT U เวอร์ชั่นไทย

อาจจะอัพเดทช้าไม่ทันใจไป 1-2 วัน แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องราวที่ดีของวงการเพลงไทยและเกาหลีที่ได้มาร่วมทำงานด้วยกัน เพราะล่าสุด โต้ง Twopee และขันเงิน Thaitanium แร็ปเปอร์ไทยที่กำลังใจกุมหัวใจสาวน้อยสาวใหญ่จากรายการดัง The Rapper Thailand ได้มาอัพเดทว่า พวกเขาสองคนได้ร่วมเขียนเนื้อร้องเพลง Baby Don’t Stop ในเวอร์ชั่นไทยให้กับศิลปินเกาหลีวง NCT U ภายใต้การแบ่งยูนิตจากวง NCT โดยมี 2 หนุ่มประกอบด้วย เตนล์-ชิตพล ลี้ชัยพรกุล หนุ่มไทย และแทยง หนุ่มเกาหลี

โดยเพลง Baby Don’t Stop เวอร์ชั่นไทยนี้ ด้านหนุ่มเตนล์ (TEN) และแทยง (TAEYONG) ยังได้มาร้องและเต้นโชว์ในงานแฟนมีตติ้ง TAEYONGxTEN Fanmeeting in BKK ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งกระแสตอบรับเพลงนี้ แฟนๆ ต่างชื่นชอบ มีทั้งคอมเมนต์ว่า ดีใจที่ 2 หนุ่มแร็ปเปอร์ไทยเขียนเนื้อเพลงเข้ากับศิลปินที่พวกเขารัก ตื่นเต้นที่ได้ฟังหนุ่มเตนล์ ซึ่งเป็นคนไทยที่โกอินเตอร์ไปเป็นศิลปินเกาหลี ให้ได้มีโอกาสมาโชว์ร้องเพลงไทย เพราะส่วนใหญ่จะได้ฟังแต่เขาร้องเพลงเกาหลี ซึ่งการมาร้องครั้งนี้ก็สร้างความเซอร์ไพร้ส์ให้กับแฟนๆ ที่ติดตามมาไม่น้อยเลย

ส่วนทางด้านเวอร์ชั่นเกาหลีก็ฮิตไม่แพ้กัน เพราะปล่อยออกมาเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ตอนนี้ยอดวิวเข้าฟังในช่อง Youtube ก็ได้ทะลุ 20 กว่าล้านวิวไปแล้วเรียบร้อย

เรียกว่า ช่วงหลังมานี้วงการเพลงแร็ปเปอร์ ฮิปฮอปในบ้านเราจะเริ่มกลับมาบูม และเจาะกลุ่มคนฟังใหม่ๆ ได้กว้างมากขึ้น รวมถึงปีนี้ก็มีการคัมแบ็คของศิลปินเกาหลี ทั้งบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปหลายวง และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีฐานแฟนเพลงอยู่ไม่น้อย ถือว่าเป็นปีที่คึกคัก ที่จะได้เห็นอะไรใหม่ๆ เพิ่มมาเป็นออฟชั่นให้แฟนเพลงได้เลือกฟังแบบไม่น่าเบื่อ และไหนๆ แล้ว แพรวดอทคอมก็ไม่พลาดแนบเพลง Baby Don’t Stop ทั้งต้นฉบับเกาหลี และเวอร์ชั่นไทยมาให้ได้ฟังกัน 

ไปฟังกันเลย..ย Check it Now!

เพลง Baby Don’t Stop เวอร์ชั่นเกาหลี

เพลง Baby Don’t Stop เวอร์ชั่นไทย

เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @nct @twopee @khanthaitay, Twitter @leetaevong

The post โต้ง Twopee-ขันเงิน โชว์เก๋าแต่งเพลงเกาหลี Baby Don’t Stop ให้ NCT U เวอร์ชั่นไทย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

“มีความสุขกับงาน มองหาและไม่ละทิ้งโอกาส” คำสอนของคุณแม่ วิชชุดา ผู้เป็นต้นแบบในการทำงาน ของพิธีกรมืออาชีพ สรยุทธ สุทัศนะจินดา

การสูญเสียคุณพ่อหรือคุณแม่ เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น แม้กระทั่งพิธีกรมืออาชีพอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างมากมายยังยากที่จะรับมือ

โดยเมื่อเร็วๆ นี้อดีตนักเล่าข่าวชื่อดังได้ระบายความเสียใจผ่านเฟสบุ๊ค สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ระบุว่า นางวิชชุดา สุทัศนะจินดา มารดาได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีอาการป่วยจากโรคพาร์กินสันเทียมมานานกว่า 10 ปี พร้อมทั้งเล่าถึงชีวิตครอบครัวในอดีตระบุว่า

พ่อผมเสียตั้งแต่ผมยังไม่รู้ความ ในความทรงจำของผมจึงมีแค่แม่ที่ทำหน้าที่ทั้งแม่และพ่อไปพร้อมกัน แม่ลำบากมาทั้งชีวิต ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่แม่สบาย ผู้หญิงตัวคนเดียวขายผลไม้เพื่อเลี้ยงลูก 3 คนจนโต ทั้งขายส่งขายปลีกจนแทบไม่มีเวลานอน ตอนหลัง จากค้าขายผลไม้สุดท้ายต้องมาขายของจุกจิก ชิ้นละบาทสองบาท เพราะตึกแถวถูกเวนคืนสร้างทางด่วน

วันไหนพอจะมีเวลาหยุดพักบ้าง แม่ก็ยังอุตส่าห์ขับรถพาลูกๆ ไปเที่ยวทะเล เวลาเดียวที่ผมรู้สึกได้ว่า แม่สบายใจคือการได้เห็นลูกๆ ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อถึงเวลาที่แม่ควรจะได้อยู่อย่างสุขสบาย เพราะลูกๆ เริ่มมีฐานะ มีกำลังจะดูแลให้แม่ได้ไปพักผ่อน ไปท่องเที่ยวรอบโลก แม่ก็กลับล้มป่วยเป็นพาร์กินสันเทียม ซึ่งเป็นอาการป่วยที่ทุกข์ทรมานมากว่า 10 ปี นี่คือสิ่งที่ผมเสียใจที่สุด

พิธีกรดังเจ้าของฉายา กรรมกรข่าว  ยังเล่าต่ออีกว่า “ผมไม่เคยรู้ว่าแม่อยากให้ผมที่เป็นลูกชายคนเดียวบวช เพราะแม่ไม่เคยบอก เพิ่งมารู้จากญาติหลังจากผมลาสิกขาแล้วว่า เมื่อครั้งแม่ยังพูดคุยได้ แม่เคยบอกว่าอยากให้ผมบวช แต่ไม่ได้บอกเพราะเห็นผมงานยุ่งมาก ผมบวช 33 วันครั้งนี้ตั้งใจบวชให้แม่ ทุกเช้าทุกค่ำหลังสวดมนต์ทำวัตร ผมตั้งใจอธิษฐานจิตขออุทิศบุญกุศลให้แม่ และเจ้ากรรมนายเวรของแม่ ผมนึกถึงแต่หน้าแม่และความทุกข์ทรมานของแม่โดยคิดเองในใจว่า หากมีเจ้ากรรมนายเวร ขอโปรดหยุดทรมานแม่ผม แม่ผมทุกข์มากพอแล้ว แต่อีกใจก็แอบกลัวว่า หากเจ้ากรรมนายเวรท่านอโหสิกรรมให้แม่แล้ว แม่ผมอาจจะจากผมกับพี่น้องไป ซึ่งผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ผมดีใจที่แม่ปลาบปลื้มใจที่ผมได้บวชให้แม่ เพราะวันที่ผมรับกิจนิมนต์มารับบาตรและสวดมนต์ให้แม่ที่โรงพยาบาล แม่ยกมือ แม่น้ำตาไหล แม้จะพูดไม่ได้ หลังจากนั้นทุกวัน 6 โมงเย็น แม่จะตื่นตาใสรอผมเฟสไทม์มาสวดมนต์ให้ฟัง

วันที่ 3 มิถุนายน 2561 แม่อาการแย่ลง จากการติดเชื้อดื้อยาขั้นรุนแรง ก่อนหน้านี้แม่เคยติดเชื้อดื้อยาจนอาการทรุดมาหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งก่อนผมบวชวันเดียวที่พี่น้องไม่ได้บอกผม แต่ก็ผ่านมาได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ความดันตก ปอดติดเชื้อจนคุณหมอรับว่าไม่น่าจะมีปาฏิหาริย์เหมือนที่ผ่านมา แม่ไม่รู้สึกตัวแล้ว ผมเดินเข้าออกห้องฉุกเฉินหลายครั้ง ตัดสินใจว่าจะพาแม่สวดมนต์ดีมั้ย ใจหนึ่งก็กลัวไม่ทันก่อนที่แม่จะจากไป แต่ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้แม่จากไป สุดท้ายผมตัดสินใจจับมือแม่ที่ไม่รู้สึกตัวแล้วบอกกับแม่ว่า สวดมนต์พร้อมกับลูกนะแม่ เรามาสวดทำวัตรเย็นด้วยกัน แล้วผมก็เริ่มสวดมนต์ทำวัตรเย็นแปลอย่างช้าๆ อย่างที่เคยสวดในวิหารต่อหน้าพระ บางช่วงที่มีคำที่ใช้แตกต่างกันของผู้ชายกับผู้หญิง ผมก็สวดของผมก่อน และก็บอกแม่ว่าท่อนนี้ของแม่นะ จนจบบททำวัตรเย็น ผมก็สวดบทนมัสการพระอรหันต์ 8 ทิศ ความดันแม่ยังตกลงเรื่อยๆ ในใจผมกลัวว่า จะสวดไม่จบ ระหว่างนั้นแม่กลับรู้สึกตัวกลืนน้ำลายอยู่พักหนึ่ง ผมสวดบทถวายพรพระ พาหุง มหากาฯ กระทั่งบทภะวะสัพฯ จนจบ พี่สาวกับน้องสาวเอ่ยกับแม่ว่าสาธุ อึดใจนั้นเอง เครื่องสัญญาณชีพก็ส่งเสียงดัง ผมเหลือบตาขึ้นไปเห็นชีพจรลงมาอยู่ที่ 0 ไม่ต้องเจ็บไม่ต้องทรมานอีกแล้ว หลับให้สบายนะหม่าม้า”

อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปค้นหาจะพบว่าเขามีความใกล้ชิดกับคุณแม่เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยบิดาของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่อบรมสั่งสอนและเลี้ยงดูพิธีกรดังมาโดยตลอดก็คือ คุณแม่วิชชุดา สุทัศนะจินดา ทั้งนี้ในรายการ “คุยกับเป็ดสุภี” ทางช่อง TNN24 เขายังเคยให้สัมภาษณ์ว่าแม่มีอิทธิพลต่อเขาอย่างมากในเรื่องของชีวิตและการทำงาน เรียกว่าเป็นไอดอลของเขาเลยก็ว่าได้

“เพราะแม่ผมเป็นคนทำงาน ไม่มีวันหยุด เมื่อแม่เป็นแม่ค้า ขยัน นอนน้อย แต่ก็มีความสุขดี เฮฮาได้ ทำให้เรารู้สึกว่า เออ เราก็ทำได้เรื่อยๆ ทำให้มีความสุข และก็ไม่ทิ้งโอกาส เมื่อก่อนแม่ผมจะเหมาลำไย องุ่น ลี้นจี่ มาขาย ไปตามสวนคนเดียวนะ ก็มาทำให้เรารู้สึกว่าแกไม่ทิ้งโอกาสนะ บางทีทำแล้วได้กำไร ก็ดีไป บางทีทำแล้วขาดทุน ก็เจ๊ง ซึ่งผมมักจะมองวิธีมากกว่า ‘วิธี’ ก็แปลว่า เออ เขาให้เราทำอะไร เราก็ทำเหอะ มันเป็นโอกาสนะ”

อย่างไรก็ตามคุณแม่วิชชุดา สุทัศนะจินดา ได้เสียชีวิตลงหลังจากพิธีกรดังบวชให้เป็นเวลา 33 วัน โดยมีพิธีสวดอภิธรรมศพ ที่ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร

ภาพจากเพจ : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

The post อิทธิพลของคุณแม่ สร้างกรรมกรข่าว สรยุทธ สุทัศนะจินดา appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.