ถือว่าเป็นนักแสดงน้องใหม่ที่ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับ มุก สิรินรัตน์ วิทยพูม เจ้าของบท “อรพรรณี” แฟนใหม่ “อาไช้” ในละครเรื่อง “กรงกรรม” ที่โผล่มาหน้าจอแบบไม่ต้องมีบทพูด แต่ก็ทำผู้ชมเกลียดกันไปทั้งประเทศแล้ว

ออกอากาศมาถึงตอน 15 แล้ว สำหรับละครเรื่อง “กรงกรรม” ของค่าย “แอคอาร์ต เจเนเรชั่น” ที่ออกอากาศทางช่อง 3 แม้ชีวิตของ “เรณู” (เบลล่า-ราณี แคมเปน) จะดีขึ้ภายหลังได้การยอมรับในฐานะสะใภ้จาก “แม่ย้อย” (ใหม่ เจริญปุระ) แต่เคราะห์กรรมของเธอก็ยังไม่หมดเมื่อต้องมาเจอกับ “พิไล” สะใภ้รองที่นิสัยไม่ดี ซ้ำร้ายหนักกว่าเก่า เมื่อล่าสุดสามีของเธอ “อาไช้” (เพ็ชร-ฐกฤต ตวันพงค์) ได้พาผู้หญิงอีกคน ที่มีดีกรีเป็นถึงลูกสาวนายพลเข้ามาในบ้านเธอชื่อ “อรพรรณี” รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ มุก สิรินรัตน์ วิทยพูม

ดูเหมือนว่าถึงตอนนี้สาวคนนี้จะยังไม่มีบทพูดหรือได้เข้าฉากปะทะดุเดือดกับ “เบลล่า” แต่ตอนนี้คอละครหลายคนก็เกลียดเธอไปเรียบร้อย มาแรงแถมยังเล่นร้ายจนคนดูอินขนาดนี้ ต้องยอมรับเลยว่าเธอฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ

อันที่จริงแล้ว “กรงกรรม” ไม่ใช่ละครเรื่องแรกของมุก ก่อนหน้านี้เธอฉายแววทางการแสดงจากผลงานละครเรื่อง “อังกอร์” รับบทบาทเป็น “พังพอน” เด็กชาวป่าผู้ใสซื่อ แต่ฝีมือเก่งกาจ หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางช่วยเหลือ “อังกอร์” ตามหา “กริชเงิน” จนทำให้เธอกลายเป็นที่กล่าวถึงของผู้ชม นอกจากนี้ยังเคยแสดงในละครเรื่อง นาคี, ระเริงไฟ และเลือดมังกร ตอนแรด อีกด้วย

สำหรับมุกเกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2539 เข้าวงการจากการถ่ายโฆษณาและถ่ายแบบ ภายใต้การดูแลของ “ปิ๊ก- ฌาณฉลาด ทวีทรัพย์” ก่อนจะได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 และมีงานแสดงตามมาอีกหลายเรื่อง ซึ่งเมื่อเข้าสังกัดเธอก็ได้เรียนการแสดงเหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่น เธอบอกว่าจะพยายามพัฒนาด้านการแสดงต่อไปเรื่อยๆ เพราะเธอหวังอยากจะอยู่วงการบันเทิงให้นานที่สุด

ไม่ใช่แค่สวยและมีความสามารถเท่านั้น สาวคนนี้ยังมีรูปร่างที่แซบไม่เบา ซึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่ากีฬาโปรดของเธอคือโบว์ลิ่งและเทเบิลเทนนิสนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะได้รับบทร้ายแต่แท้จริงแล้วเธอค่อนข้างเป็นคนที่มีพลังบวกเยอะ โดยมุกมีคติประจำใจของของเธอคือ “ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองไม่อึดอัดและมีความสุข” และนี่คือทั้งหมดของนักแสดงน้องใหม่คนนี้ที่ แพรวดอทคอม พามาให้รู้จักจักกัน

ภาพและข้อมูลจาก : http://www.ch3thailand.com

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่นี่ 

ใสๆ แต่ไหวพริบดี บุญปลูก อีกหนึ่งว่าที่สะใภ้ของบ้านแบ้ ละครกรงกรรม

ดังพลุแตก! ซ้อ 2 บ้านแบ้ แพร์ พิชชาภา “เราคือนางเอกไม่เคยคิดว่าตัวเองคือนางร้าย”

สวยเกินเบอร์! เปลือยหน้าสด จันตา สาวฮ็อตเนื้อหอมแห่งชุมแสง

5 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ ของ อีย้อย แม่ผัวตัวร้ายในละคร กรงกรรม

อาซา ความสดใสของชุมแสง แสงสว่างแห่งกรงกรรม

ช่อง3เตรียมทวงบัลลังก์! จับตาดู “กรงกรรม” ใหม่ปะทะเบลล่า สะเทือนจอ ดราม่าเข้มข้น

ใสๆ แต่ไหวพริบดี บุญปลูก อีกหนึ่งว่าที่สะใภ้ของบ้านแบ้ ละครกรงกรรม

ดราม่าเข้มข้น! ค่ายแอคอาร์ตปล่อยภาพละคร “กรงกรรม” แล้ว

The post แซบจนเขี่ย “ซ้อเรณู” เจาะประวัติ มุก สิรินรัตน์ นักแสดงน้องใหม่ฝีมือไม่ธรรมดา appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

หล่อไม่แพ้ 4 ลูกชายแม่ย้อย พาส่อง ไมเคิล หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมนี ทายาทสุดรักสุดหวงของ ป้าเม้า ณ ชุมแสง

เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เพิ่มสีสันให้กับละครเรื่อง “กรงกรรม” มากๆ สำหรับบท ป้าเม้า เจ้าของฉายา “ลำโพงแห่งชุมแสง” ซึ่งแสดงโดยนักแสดงมากฝีมือ “เหมี่ยว-ปวันรัตน์ นาคสุริยะ” ซึ่งเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่อง เรียกว่าถ้าขาดไปก็คงขาดอรรถรส และถึงแม้ในเรื่องนี้ป้าเม้าจะไม่ได้มีทายาท แต่ในชีวิตจริงบอกเลยว่าลูกชายของเธอหล่อไม่แพ้ 4 หนุ่มบ้านแบ้

โดยลูกชายของ “เหมี่ยว-ปวันรัตน์” มีชื่อว่า “ไมเคิล” หน้าตาหล่อคม เพราะเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ เสียดายที่คุณแม่ไม่ยอมดันลูกชายเข้าวงการบันเทิง

สำหรับ “เหมี่ยว-ปวันรัตน์” ปัจจุบันอายุ 53 ปี เป็นนักเรียนการแสดงรุ่นแรกของช่อง 3 มีผลงานเป็นที่รู้จักมากมาย และไม่ใช่แค่งานแสดงอย่างเดียวเท่านั้น เธอยังมีความสามารถด้านอื่นๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พิธีกร ผู้กำกับ ฯลฯ รวมถึงยังมีความสามารถด้านการวาดภาพอีกด้วย นับเป็นบุคคลที่มีความสามารถของวงการบันเทิงจริงๆ

The post หล่อไม่ใช่เล่น ไมเคิล ลูกชายสุดที่รักของ ป้าเม้า ณ ชุมแสง appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

Anna Delvey ไฮโซกำมะลอ ใช้ชีวิตหรูหรา หลอกลวงเป็นทายาทมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน จนหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเธอร่ำรวยเพราะมรดกที่ได้รับกว่า 2,000 พันล้านบาท

นับว่าเป็นคดีที่สร้างความงุนงงและชวนสงสัยให้กับหลายคนมากเลยทีเดียว เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งที่ชื่อว่า Anna Delvey สามารถใช้ชีวิตอย่างคนรวยโดยที่ไม่มีเงินสักบาท ซึ่งวิธีการที่เธอทำนั้นบอกเลยว่าแยบยล และเป็นนักต้มตุ๋นตัวจริงที่มีความชำนาญจนสามารถตบตาคนในสังคมให้เชื่อได้อย่างสนิทใจ

อันที่จริงแล้ว “แอนนา เดลวีย์” ชื่อนี้ไม่มีอยู่จริง ชื่อจริงๆ ของเธอนั้นคือ แอนนา โซโรคิน เธอเป็นลูกครึ่งเยอรมัน-รัสเซีย วัย 28 ปี และตอนนี้กำลังถูกพิจารณาคดีในข้อหาลักทรัพย์โดยใช้กลอุบายหลายอย่างคิดเป็นเงินรวมถึง 275,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 8 ล้านบาท เธอใช้ชีวิตหรูหราในโรงแรมห้าดาว ใช้ข้าวของแบรนด์เนมระดับลักซ์ชัวรี่ที่มีราคาแพง รวมถึงไปปาร์ตี้กับเซเลบคนดัง นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว พร้อมกับให้ทิปที่มากโขครั้งละ 100 ดอลลาร์

แอนนาใช้ชีวิตแบบวิถีคนรวย ผู้มีอันจะกินมาได้อย่างยาวนาน ก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้นและถูกจับนับ 10 ข้อหา โดยบีบีซีบราซิลได้รายงานว่า ไซรัส แวนซ์ อัยการเขตแมนฮัตตัน ระบุเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2017 ว่า จำเลยเผชิญหลายข้อหาในคดีอาญา ตั้งแต่การปลอมแปลงเช็ค, ขโมยเงินกู้ ไปจนถึงกลอุบายที่ทำให้ตัวเองได้ไปเที่ยวโมร็อกโกฟรี และได้เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว

ซึ่งอัยการยังระบุอีกว่าในช่วงพฤศจิกายน 2016 ถึงสิงหาคม 2017 แอนนาไม่ได้ฉ้อโกงเพียงแค่ โรงแรม ธนาคาร และธุรกิจต่างๆ แต่เธอยังหลอกลวงเพื่อนของเธออีกด้วย โดยเธอเผยความรู้สึกว่า เป็นตัวของตัวเอง เมื่ออยู่ในโลกของแฟชั่น และศิลปะ ซึ่งเธอตั้งใจจะก่อตั้งมูลนิธิ Anna Delvey เพื่องานศิลปะอีกด้วย

เธอเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการนี้ด้วยการ ใช้ Bank Statement และเอกสารปลอมอื่นๆ ในการขอกู้เงินธนาคารมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำมาก่อตั้งมูลนิธิศิลปะในแมนฮัตตัน อย่างไรก็ตามเธอถูกกลับปฏิเสธในการกู้เงิน แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังได้เงินล่วงหน้าจำนวน 1 แสนดอลลาร์มาใช้ ซึ่งอัยการได้เผยว่า “แอนนาใช้เช็คปลอมในการหมุนเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่น และถอนเงินออกมาก่อนที่เช็คจะเด้ง”

ทั้งนี้เธอยังตกในข้อหาที่ว่า ใช้เงินจากการต้มตุ๋นจำนวน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับการจ่ายค่าโรงแรมห้าดาวย่านโซโห ในกรุงนิวยอร์ก และเบี้ยวค่าเช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว จำนวน 3.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย

จากการที่สร้างกลอุบายจนได้ไปเที่ยวทริปหรูที่ประเทศโมร็อกโก โดยเธอได้หลอกลวง เรเชล วิลเลียม เซเลบสาวคนหนึ่ง ซึ่งเรเชลได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารนิวยอร์กว่า แอนนาชวนเธอไปทริปหรูที่ประเทศโมร็อกโก และขอให้เธอออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปก่อน ซึ่งเป็นค่าห้องจำนวน 6.2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเธอเองก็ยังไม่ได้เงินจำนวนนั้นคืนเลย

อาจจะเป็นเพราะแอนนาใช้ชีวิตหรูหรา จนตัวเองเคยชินกับสิ่งนั้น จึงทำให้แม้ขณะที่เธอขึ้นศาล แอนนาก็ยังสวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูอย่าง  Yves Saint Laurent และ Miu Miu ซึ่งอัยการได้บอก แอนนาจ้างสไตล์ลิสต์ และมีเทรนเนอร์ส่วนตัว และเธอยังถูกตำหนิจากศาลด้วยว่าเธอมาสาย เพราะปฏิเสธเสื้อผ้าที่ทางศาลจัดไว้ให้ โดยเธอบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่ได้มาตรฐาน และไม่เหมาะกับเธอ

ทั้งนี้ทนายของแอนนาได้แก้ต่างให้กับลูกความว่า “ลูกความของเขาไม่ได้ตั้งใจขโมยเงินของใคร เพียงแค่อยากซื้อเวลา โดยพยายามที่จะสร้างตัวเองและทำธุรกิจ เพื่อที่จะเอาเงินนั้นมาใช้หนี้”

ปัจจุบันแอนนาถูกขังอยู่ในคุกตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งหากเธอถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง แอนนาจะถูกจำคุกเป็นเวลา 15 ปี และถูกส่งกลับประเทศเยอรมนีทันที เพราะวีซ่าในประเทศอเมริกาหมดอายุ สำหรับเรี่องราวของแอนนาจะถูกนำไปทำเป็นซีรีส์ใน Netflix โดย ชอนดา ไรมส์ นักเขียนชื่อดังจาก เรื่อง  Grey’s Anatomy และ Scandal จะเป็นผู้เขียนบทและผลิต

รับรองว่าเรื่องนี้น่าดูแน่นอน เราจะได้เห็นชีวิตจริงของแอนนากับแผนการที่เธอทำ ถูกนำไปตีแผ่ ผ่านบทละคร สะท้อนชีวิตอีกด้านของมนุษย์….

ข้อมูล : www.bbc.com/thai

ภาพ : theannadelvey

The post Anna Delvey ไฮโซกำมะลอ ใช้ชีวิตหรู หลอกเป็นทายาทมหาเศรษฐีชาวเยอรมัน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังแดนมังกร จ้าวลู่ซือ นางเอกซีรีส์ “Oh My Emperor…โอ้ฝ่าบาทของข้า” แอบมาไทยแบบเงียบๆ งานนี้เธอได้ร่วมเล่นสงกรานต์ในย่านสยามสแควร์

แม้รถจะติดจนติดอันดับโลก อากาศจะร้อนเหมือนภูมิประเทศตั้งอยู่บนเตาแก๊ส แต่เมืองไทยก็ยังคงเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และแม้ในช่วงสงกรานต์ซึ่งอยู่ในเดือนที่ร้อนที่สุดของประเทศไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าร่วมในเทศกาลประจำปีนี้

เช่นเดียวกับ จ้าวลู่ซือ (Zhao Lusi) นางเอกสาววัย 20 ปี ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงสุดๆ ในแดนมังกร จากผลงานละครย้อนยุครเรื่อง “Oh My Emperor…โอ้ฝ่าบาทของข้า” เธอได้เลือกมาพักผ่อนที่เมืองไทยในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา งานนี้นอกจากจะมาช้อปปิ้งตามประสาสาวๆ แล้ว ดาราสาวยังได้ร่วมเล่นน้ำที่แหล่งวัยรุ่นของไทยสยามสแควร์อีกด้วย

นางเอกสาวจากซีรีส์ “Oh My Emperor” ได้อัพเดทและคลิปของเธอผ่าน weibo ซึ่งมีผู้ติดตาม 4.7 ล้านคน ซึ่งนักแสดงสาวได้เข้าร่วมเล่นสงกรานต์ในช่วงวันสุดท้ายของเทศกาล เธอดูตื่นเต้นและสนุกกับการเล่นน้ำมากๆ เห็นเธอมีความสุขแบบนี้ เชื่อว่าแฟนๆ ชาวไทยอาจจะได้พบเธออีกในสงกรานต์ปีหน้าก็ได้นะเนี่ยะ

เล่นสงกรานต์ในย่านสยามสแควร์

Zhao Lusi นางเอกสาววัย 20 ปี 

ละครย้อนยุค “Oh My Emperor…โอ้ฝ่าบาทของข้า”

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ตี๋ลี่เร่อปา นางเอกจีนเชื้อสายอุยกูร์ สวยหยาดเยิ้มเหมือนนางฟ้ามาจุติ

อย่าเอาความสุขไปแขวนไว้บนตาชั่ง! เคล็ดลับหุ่นปังฉบับสาวงาม เคลลี่ เฉิง

โมเม้นต์คุณแม่ของนางเอก ถังเหว่ย กับลูกสาวน้องซัมเมอร์วัย 2 ขวบ

อภินิหารรักทะลุจอ เฝิงเส้าเฟิง จูงมือผู้หญิงในฝัน เจ้าลี่อิ่ง จดทะเบียนสมรส

หล่อละมุนระดับพรีเมี่ยม ฟ่านเฉิงเฉิง น้องชายร่วมสายเลือดของ ฟ่านปิงปิง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก สรรพากรจีนเคาะประตูบ้าน 2 นางเอกดัง เจ้าเหว่ย และ ซูฉี

คุณหลอกดาว! ภาพของเทพธิดาป่าท้อ หยางมี่ ที่ไม่ผ่านการรีทัช

หยางมี่ สวยละมุน หน้าหวาน ชวนฝัน ราชินีจอแก้ว ซุปตาร์ตัวท็อปของจีน

เปิดเผยผลสำรวจ “ฟ่านปิงปิง” 0% ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

ครอบครัวอบอุ่น หวังลี่หง กลายเป็นคุณพ่อลูก 3 ภรรยาคลอดลูกชายคนแรกสมใจ

The post มาไทยไม่บอก จ้าวลู่ซือ นางเอกวัยรุ่นแดนมังกร แอบมาเล่นสงกรานต์ที่สยามสแควร์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ช่อง TVN ของเกาหลีใต้ ได้ฤกษ์ปล่อยภาพซีรีส์ใหม่ Arthdal Chronicles ผลงานของพระเอก ซงจุงกิ เจ้าของฉายา “สามีแห่งชาติ” ที่ครั้งนี้มาในสไตล์ ดุ! ดิบ! แบบคนป่า

นับตั้งแต่แสดงในซีรีส์ “Descendants of the Sun..ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ” พระเอกหนุ่ม ซงจุงกิ ก็โด่งดังเป็นพลุแตกจนได้ฉายา “สามีแห่งชาติ” และถ้ารวมระยะเวลา ก็ครบ 3 ปีแล้วที่หนุ่มคนนี้ไม่ได้มีผลงานทางจอแก้วออกมาให้แฟนคลับได้ชมกันเลย แม้ว่าจะมีผู้ที่เสนอบทดีๆ ให้เขามากมาย ทว่าหนุ่มคนนี้ยังไม่ยอมตัดสินใจรับเล่น กระทั่งเมื่อกลางปีที่แล้ว แฟนคลับซงจุงกิ ก็ได้รับข่าวดี เมื่อดาราหนุ่มขวัญใจสาวๆ ตกลงรับงานแสดงในซีรีส์ใหม่ของผู้กำกับ“คิมวอนซ็อก” ซึ่งนอกจากนักแสดงหนุ่มเจ้าของฉายา “สามีแห่งชาติ”แล้วยังมี นักแสดงแม่เหล็ก “จางดงกอน” ตกลงมาร่วมแสดงในซีรี่ส์เรื่องนี้ด้วย

ตามรายงานระบุว่าซีรีส์ใหม่ของพระเอก“ซงจุงกิ” เรื่อง Arthdal Chronicles ได้เริ่มต้นถ่ายทำเมื่อต้นปี 2019 โดยในละครเรื่องนี้นักแสดงหนุ่มคนดังยังได้เปลี่นทรงผมใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับอีกด้วย

และใครที่กำลังตั้งตารอชมผลงานนี้ ก็เตรียมล้างตารอชมกันให้ดีๆ เพราะล่าสุด ช่อง TVN ได้ปล่อยทีเซอร์และภาพเซ็ตแรกออกมาให้ได้ดูกันเป็นน้ำจิ้ม โดยจากภาพที่เห็น “ซงจุงกิ” ได้พลิกภาพลักษณ์ไปแบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน เขาอยู่ในมาดคนป่าสวมเสื้อผ้าทำจากหนังสัตว์และผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ควบม้าอย่างดุดันแสดงออกถึงความมุทะลุไม่หวั่นเกรงภัยอันตรายใดๆ

สำหรับซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซีย้อนยุค เป็นเรื่องราวและชะตากรรมของเหล่าบรรดาวีรบุรุษแห่งอาร์ธดัล เมืองในตำนาน ที่ว่ากันว่าเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโคโจซอนหรือโชซอนโบราณ โดยหนุ่ม “ซงจุงกิ” รับบทบาทเป็น “อึนซอม” ชายผู้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่จะนำพาความหายนะมาสู่เมืองอาร์ธดัล ถึงกระนั้นแม่ของเขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะรักษาชีวิตเขาไว้ ซึ่งเขาต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่าจะเติบโตมา แล้วกลับมายังเมืองอาร์ธดัลอีกครั้ง

ขณะที่ “จางดงกอน” รับบทเป็น “ทากน” ฮีโร่สงครามแห่งอาร์ธดัล เขาปูทางให้เมืองกลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองแห่งนี้ และเขามีความฝันที่อยากจะขึ้นนั่งเป็นกษัตริย์คนแรกของอาร์ธดัลด้วย

อย่างไรก็ตามซีรีส์ “Arthdal Chronicles” มีกำหนดแพร่ภาพออกอากาศในประเทศเกาหลีใต้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ในเดือนเดือนมิถุนายนนี้

ภาพจาก : TVN

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

พระเอกซีรีส์แนวลึกลับคนใหม่ อีทงเฮ ซูเปอร์จูเนียร์ ฉายเดี่ยวรับงานแสดงในเมืองไทย

10 Best Dressed ของนางเอกเกาหลีตัวแม่ อีดาเฮ จากซีรี่ส์ Good Witch

เสน่ห์เกินห้ามใจ ปาร์คมินยอง กับลุคนอกบท เลขาคิม ในซีรีส์ What’s Wrong With Secretary Kim?

The post ดุ ดิบ สไตล์คนป่า! โฉมใหม่สามีแห่งชาติ ซงจุงกิ ผลงานซีรีส์ใหม่ Arthdal Chronicles appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 ปรากฎคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัว สั่งให้ ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นคนไร้ความสามารถ และให้อยู่ภายใต้การอนุบาลของ ม.ล. ภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายคนรอง ของครอบครัว และยังเป็นผู้ร้องเรื่องนี้ด้วย

ทั้งนี้ ม.ล. ภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ ยังเคยให้สัมภาษณ์กับแพรวดอทคอม ถึงอาการป่วยของ ม.ร.ว.ถนัดศรี จนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งล่าสุดก็ได้มีคำสั่งจากศาลเยาวชนและครอบครัว เพื่อเป็นผู้ดูแลคุณพ่อ

พักหลังมานี้ไม่ค่อยได้เห็นหม่อมท่านออกสื่อ สุขภาพท่านเป็นอย่างไรบ้าง

ออกไม่ได้แล้วครับ เดี่ยวนี้ความจำพ่อจะไม่ได้แล้ว ตอนพ่ออายุ 80 กว่า ประมาณ 84-85 พ่อพูดวิทยุซ้ำสามทีในชั่วโมงเดียวกัน เลยให้เลิกทำดีกว่า สุขภาพของพ่อตอนนี้จะเป็นเกี่ยวกับอาการเส้นเลือดไปเลี้ยงในสมอง เลยทำให้อาการท่านเป็นแบบนี้ครับ

ซึ่งนี้อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณอิ๊งค์ อยากที่จะดูแลคุณพ่อ ด้วยตนเองอย่างเต็มที่ เพราะตัวเขาเองก็มีความผูกผันกับม.ร.ว.ถนัดศรี เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนเด็กด้วยแล้ว ที่คุณอิ๊งค์มักจะตามท่านไปด้วยทุกที่เสมอตั้งแต่ยังเด็ก จนได้ฉายา “ปิ่นโตเถาเล็ก” ที่พ่อหิ้วไปตั้งแต่เกิด

ทราบกันว่า ม.ร.ว. ถนัดศรี ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านอาหารมาก สมัยเด็กๆ คุณอิ๊งค์ซึมซับมาจากท่านหรือท่านแนะนำอะไรบ้างไหม

ง่ายๆ เลยคือผมตามพ่อไปกินมาตลอด ตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน ยังเคี้ยวอะไรไม่ได้เลย ตามไปตั้งแต่เด็กจนโต จนผมไปเรียนต่ออเมริกา กลับมาก็เริ่มจะไม่ว่าง มีงานของตัวเอง แต่เวลาพ่อไปไหน พ่อก็จะหิ้วผมไปด้วยตลอด ถึงได้นามปากกาว่า “ปิ่นโตเถาเล็ก” พ่อบอกว่าพ่อหิ้วปิ่นโตเถาเล็กไปด้วย เราก็จะซึมซับและได้จากพ่อตรงนี้

เหมือนลูกสาวของผมตอนนี้ เวลาเขาไปกินอะไร เขาจะรู้เลยว่าไม่อร่อยยังไง เพราะเราพาไปกินแต่ของอร่อย ของที่ถูกต้องตามตำรับ มันจะซึมซับโดยไม่รู้ตัวเวลากิน เพราะอย่างนั้นเวลาเราคอมเม้นต์ เราจะทราบรสชาติ เราจะรู้ว่ารสชาติแท้ๆ เป็นอย่างไร

ร้านอาหารร้านแรกที่ได้ไปชิมกับ คุณพ่อ คือร้านไหน

ร้านจิ๊บกี่ นางเลิ้งครับ ตอนนี้ยังเปิดอยู่เลย ผมไปนั่งเก้าอี้ที่ร้านตั้งแต่ผมยังห้อยขาไม่ถึง ครอบครัวผมชอบกินข้าวหน้าเป็ดมาก พี่หมึกแดง พี่จิ๋ว จะกลางๆ แต่ผมเนี่ยติดมาจากพ่อหมดเลย คือชอบอะไรที่เป็นเป็ดทุกอย่าง เพราะร้านนี้คือข้าวหน้าเป็ด เป็ดย่างแบบโบราณที่ไม่ใช่แบบสีแดงๆ แต่จะเป็นหนังสีดำๆ แล้วใส่เต้าเจี๊ยวเยอะหน่อย น้ำจิ้มก็เป็นซีอิ้วสีดำ ใส่พริกชี้ฟ้า อร่อยมากเลยครับ

เคยคิดเห็นต่างกับคุณพ่อไหม เวลาไปชิมร้านอาหารเดียวกัน

ไม่เลยครับ เพราะส่วนใหญ่เราถูกสอนมาแล้วว่า รสชาติอาหารแบบนี้ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร อย่างยำเนี่ยนะ พ่อบอกว่า ยำรุ่นใหม่ ชอบทำเปรี้ยวจู๊ดอย่างเดียวเลย ซึ่งมันไม่ใช่ แต่ก็ต้องห้ามหวานเจื้อยด้วยนะ ไม่อย่างนั้น พ่อบอกว่าถ้าเปรี้ยวจู๊ด พ่อจะเติมคำว่า “ระ” ลงไปข้างหน้า (หัวเราะ) แต่พ่อนี่ดีอย่างหนึ่งนะครับ เวลาไปชิมอาหาร ถ้าไม่อร่อย พ่อจะเรียกมาคุยเลย คือพูดง่ายๆ ด่าให้ฟังว่าแบบนี้มันไม่ดีอย่างไร แล้วให้เขาแก้ตัว คราวหน้ามาลองใหม่ ถ้าผ่านก็ได้ป้าย

หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี มีอิทธิพลหรือเป็นแบบอย่างกับคุณอิ๊งค์ในด้านใดบ้าง

สำคัญสุดเลยนะครับ เวลาพ่อทำงาน พ่อจะแฟร์มาก คือใจดี เวลาไปไหนจะไม่รับเงิน มีแต่ว่าไปถึง เราจะบอกเขาว่า ถ้าไม่ให้เราจ่ายค่าอาหาร เราจะไม่กลับไปกินอีกนะ มันจะสลับกันอย่างนี้ เพราะพ่อบอกว่ามันคือของซื้อของขาย

สมัยก่อนพ่อให้ตราเชลล์ชวนชิม พ่อจะไม่มีการถอนกลับ เพราะอยากให้เขาเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยแล้วก็เอาคืน พ่อบอกว่าถ้าไม่อร่อย คนเขาก็จะไม่ไปกินเอง แต่เราให้แล้ว เราจะไม่เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า

เพราะฉะนั้นสิ่งที่พ่อทำ คือสิ่งที่เราดูแล้วมีความสุข เพราะเวลาเราไปไหน เมื่อเราไปโดยที่ไม่ได้เรียกร้องเงินตรา พอไปถึงเราเต็มใจเขียนให้เขา เราจะเห็นเวลา เรากลับไปหาเขาอีกที หน้าของพวกเขาจะมีความสุขมาก เนี่ยแหละครับ สิ่งที่เป็นแบบอย่าง ที่พ่อทำให้ดู และผมได้จากพ่อ

เรื่อง : Nitcha

ภาพ :  มล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์

ม.ล. ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ ลูกไม้ใต้ต้น “ปิ่นโตเถาเล็ก” ที่พ่อหิ้วไปตั้งแต่เกิด

The post ศาลสั่ง ม.ร.ว. ถนัดศรี เป็นคนไร้ความสามารถ อยู่ภายใต้การดูแลของ ม.ล. ภาสันต์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เปิดภาพปาร์ตี้สุดอบอุ่นที่นางเอกสาว เบลล่า ทำเซอร์ไพร้ส์จัดงานวันเกิดฉลองอายุครบ 34 ปี ให้ พี่เวียร์ หนุ่มคนพิเศษอย่างโรแมนติก

ถึงความรักระหว่าง “เรณู” กับ “อาไช้” ในละครเรื่อง “กรงกรรม” จะหมดโปรโมชั่นไปแล้ว แต่สำหรับคู่รักตัวจริงอย่าง “เบลล่า-ราณี” แคมเปน” กับ “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ” กลับหวานฉ่ำเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ

โดยเฉพาะปีนี้ดูจะหวานกว่าทุกๆ ปี เพราะ “เบลล่า” นางเอกสาวคิวทอง ลงทุนจัดงานเซอร์ไพร้ส์วันเกิดให้กับ พี่เวียร์ เหล่าลูกโป่งสีสันสดใส และลูกโป่งรูปหัวใจถูกจัดเรียงอย่างสวยงามในรถบ้าน ทำให้พระเอกหนุ่มสุขล้นหัวใจ ทั้งยังบอกอีกว่าเป็นวันเกิดที่รู้สึกอบอุ่นมากๆ เลยทีเดียว

https://www.instagram.com/p/BwZpzBfF5cD/

สำหรับสาว “เบลล่า” และหนุ่ม “เวียร์” เริ่มต้นสานสัมพันธ์ข้ามค่ายกันตั้งแต่ปี 2556 ท่ามกลางกระแสข่าวมากมาย แต่สุดท้ายเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความรักของทั้งคู่ ปีที่ผ่านมาทั้งสองจึงได้เปิดตัวกันมากขึ้น โดยเฉพาะในงานประกาศรางวัล แม้ทั้งสองจะไม่ได้มีโอกาสร่วมรับรางวัลด้วยกันเพราะอยู่คนละค่าย แต่สาว “เบลล่า” ได้ประกาศผ่านอินสตาแกรมว่าจะตามหลอกหลอนหนุ่ม “เวียร์”ไปทุกเวที โอ๊ย! หวานกันจริงๆ นะคู่นี้ แอดล่ะอิจฉาตาร้อนจริงๆ

ภาพจาก : IG @weir19 @bellacampen

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่นี่

รุ่นลิมิเต็ด! ส่องความพิเศษนาฬิกาแบรนด์ดัง ของขวัญจากหนุ่ม ‘เวียร์’ สู่ข้อมือสาว ‘เบลล่า’

รู้จักไอเท็มแทนใจ! หมวก Balenciaga จากแม่นาย เวียร์-ศุกลวัฒน์ ใส่ไปทุกที่

ความหวานทะลุหลังคาโลก “เบลล่า-เวียร์” จ่อพากันและกันพบครอบครัวปีใหม่นี้

“เบลล่า”สวยสู้ดราม่า! ถูกแฟนคลับคู่จิ้นฉะไม่พอใจภาพคู่”เวียร์”

ลองถาม “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ว่าชอบให้สาวเบล…เอ้ย สาวๆ ทาลิปสีอะไร มาดูคำตอบ

ความรู้สึกชัดเจน สถานะใดๆ ไม่สำคัญ เวียร์-ศุกลวัฒน์ หวานเจี๊ยบ เบลล่า-ราณี

ฝ่าดราม่าแรง! เบลล่า – เวียร์ ถูกเชียร์ให้สลับคู่

นี่งานเปิดห้างหรือเปิดตัวค่ะซิส! เวียร์ – เบลล่า ออกงานคู่ครั้งแรกหวานเบรกแตก

มีความเอาใจใส่? เบลล่าลุยช่วย น้ำท่วมอีสาน เวียร์ขันอาสาดูแลใกล้ชิด

ให้รักพองโตดั่งลูกโป่ง เบลล่า เซอร์ไพร้ส์วันเกิด เวียร์ ทั้งทำหน้าที่ลูกสาวที่ดีของครอบครัว

The post หวานหยดมดไต่ นางเอก เบลล่า ทำเซอร์ไพร้ส์วันเกิด พี่เวียร์ หนุ่มคนพิเศษ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สวย น่ารัก แพ็คคู่จริงๆ สำหรับ เจนนี่ BLACKPINK และสาวน้อย เอลล่า กรอส คู่พี่น้องร่วมค่ายจาก YG Entertainment แถมยังหน้าเหมือนกันราวกับฝาแฝด

ยิ่งโต ยิ่งสวย (มากกกกกก) สำหรับ เอลล่า กรอส นางแบบเด็กลูกครึ่งอเมริกัน-เกาหลี นอกจากหนูน้อยคนนี้จะเป็นนางแบบเด็กที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้ถ่ายแบบกับแบรนด์เสื้อเด็กชั้นนำ รวมถึงถ่ายแบบนิตยสารชื่อดังมาแล้วหลากหลายเล่ม เอลล่ายังมีความสามารถพิเศษอีกหลายอย่างคือ การเต้น และการร้องเพลง ซึ่งหนูน้อยก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน บวกกับความสวย น่ารัก และมีเสน่ห์ตั้งแต่ยังเด็ก จึงไปเตะตาเข้าให้กับค่าย YG Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ จึงได้สนใจและจับหนูน้อยเซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกหัดกับ ค่ายเพลง The Black Label ซึ่งเป็นค่ายย่อยในเครือ YG และเป็นค่ายต้นสังกัดของสาวๆ ที่กำลังฮ็อตฮิตมากที่สุดอย่าง BLACKPINK อีกด้วย

เพราะความที่อยู่ค่ายเดียวกัน บวกกับความน่ารักสดใสของน้อง จึงทำให้พี่ๆ BLACKPINK ถึงกับเทใจให้ และเอ็นดูเอลล่าเป็นพิเศษ ดูจากรูปที่สาวๆ กับเอลล่าลงแล้วก็ต้องบอกเลยว่าสนิทกันมาก ซึ่งเวลาที่สาวๆ BP ไปทำงานที่อเมริกา เราก็มักจะได้เห็นเอลล่า และพี่ๆ ไปมาหาสู่ ชักภาพให้เห็นกันบ่อยครั้ง

โดยเฉพาะพี่สาวเจนนี่ ที่ดูจะสนิทกันเป็นพิเศษ ซึ่งเวลาถ่ายรูปคู่กับเอลล่าทีไร ภาพที่ออกมานั้น ทำเอาแฟนคลับหลายคนบอกว่าเหมือนฝาแฝดไม่มีผิด แถมยังน่ารักแพ็คคู่อีกต่างหาก เอ็นดูจริงๆ พี่น้องคู่นี้

สวยเก่ง ความสามารถครบเครื่องตั้งแต่เด็กขนาดนี้ และยิ่งเป็นเด็กฝึกหัดกับค่ายที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลีใต้ ที่ปั้นศิลปินให้โด่งดังมาแล้วหลายคน เราเชื่อว่าในอนาคตเอลล่า คงเดินตามรอยออนนี่ BLACKPINK อย่างแน่นอน

ภาพ : IG : @ellagross, @jennierubyjane

น่ารักจิ้มลิ้ม! ส่อง Ella Gross นางแบบเด็กลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน ศิลปินฝึกหัดค่าย YG

เปิดเคล็ดลับสวยหุ่นเป๊ะเอวเอสแบบ “เจนนี่ BLACKPINK” พร้อมส่องบิวตี้ไอเท็มชิ้นโปรด

แบบเดียวในโลก! In Ear “ลิซ่า และสมาชิกวง BLACKPINK” ดูดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เปย์นี้เพื่อลลิษา! Blink ชาวจีนซื้อของหรูระดับไฮเอนด์ ให้กับลิซ่า BLACKPINK

 เปิดคลังแสง กล้องถ่ายรูป “LISA BLACKPINK” พร้อมฝีมือการถ่ายรูปที่ไม่ธรรมดา

BLACKPINK ติดอันดับ Forbes “30 Under 30” เกิร์ลกรุ๊ปทรงอิทธิพลแรกของโลก

The post สวยแพ็คคู่! เจนนี่ BLACKPINK-เอลล่า กรอส พี่น้อง YG เหมือนกันอย่างกับฝาแฝด appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เพชรแท้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถเปล่งประกายงดงามออกมาได้อย่างเจิดจรัสเสมอ เช่นเดียวกับฝีมือการแสดงของ เฟรช อริศรา วงษ์ชาลี ไม่ว่าเธอจะสวมบทบาทไหน เธอก็ยังสามารถถ่ายทอดการแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

เพชรแท้ที่เปล่งประกาย

ไม่ง่ายเลยที่นักแสดงหนึ่งคนจะมีผลงานตราตรึงและประทับใจผู้ชม เพราะนอกจากบทต้องส่งเสริมแล้ว พวกเขายังต้องแสดงฝีมือให้เปล่งประกายออกมาอีกด้วย และหากไม่ใช่นักแสดงนำ หรือพระเอก-นางเอกก็ยากที่ผู้ชมจะมองเห็นได้ง่ายๆ แต่อย่างที่หลายคนบอก เพชรแท้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถเปล่งประกายงดงามออกมาได้อย่างเจิดจรัสเสมอ เช่นเดียวกับฝีมือการแสดงของนักแสดงสาวเจ้าบทบาท เฟรช อริศรา วงษ์ชาลี

เส้นทางในวงการบันเทิงของเฟรช

“คือต้องขอบคุณเพื่อน ตอนนั้นเพื่อนชวนไปสมัครเป็นนักศึกษาให้กับโครงการของค่ายมือถือค่ายหนึ่ง เพื่อนบอกว่าไปเถอะที่นี่เขามีเงินเดือนประจำ มีโทรศัพท์ให้ใช้แล้วเราก็ทำกิจกรรมกับเขา เราก็ไปเป็นเพื่อน สรุปวันนั้นเพื่อนไม่ได้แต่เราได้ แล้วก็พอวันที่ไปทำกิจกรรมเราก็ไปเดินอยู่แถวหน้าตึก ไปเก็บขยะตามถนน ผู้บริหารเขาเห็น แล้วเขาจะถ่ายโฆษณา เขาก็ไม่แคสใครเขาก็เอาเด็กในกลุ่มนี้ไปถ่าย เราก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเงินก้อนแรก ก็ได้เยอะประมาณ 8-9 หมื่นบาท พอได้เงินมาเราก็จัดการแบ่ง เก็บไว้เรียน และให้แม่เก็บไว้ส่วนหนึ่งเผื่อพี่น้องมีความจำเป็นก็เอาไปใช้ หลังจากเล่นละครสักพักก็ไปเล่นหนังได้เงินก้อนใหญ่มาซื้อคอนโดอยู่กับแม่และหลานๆ”

ผลงานที่ตราตรึงใจผู้ชม

ผลงานชิ้นแรกของ”เฟรช” คือการถ่ายโฆษณาของเครือข่าย “เวิลด์โฟน 1800” โดยผลงานนี้ยังเข้าตากรรมการอย่างผู้กำกับ “ตู่-นพพล โกมารชุน”ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางการแสดงของเธอ โดยผลงานชิ้นที่ตราตรึงใจผู้ชมมีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง “1+1 เป็นสูญ (Nothing to Lose)” ผลงานภาพยนตร์ชิ้นแรกที่ “เฟรช”ได้ร่วมงานกับผู้กำกับดัง “แดนนี่ แปง” ทั้งยังได้รับรางวัล “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” จากเวที  “รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 12”

ไม่ใช่แค่ผลงานจอเงินเท่านั้น แต่เธอยังได้รับการชื่นชมในการเล่นละครจอแก้ว โดยผลงานของเธอมีมากมาย แต่ที่โดดเด่นก็คือ “เหยื่ออารมณ์” ซึ่งเธอรับบทเป็น “เอื้อย” สาววัยใสที่ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนจนตั้งครรภ์ กระทั่งจิตหลุดและลงมือฆ่าคนตาย ซึ่งนับเป็นบทที่ท้าทายเธอมากๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “เก็บแผ่นดิน”, “รักแปดพันเก้า”, “คือหัตถาครองพิภพ” , “ล่า” รวมถึงเรื่อง “นาคี” ที่เธอรับบทเป็น “คำปอง” ซึ่งผลงานนี้ยังส่งให้เธอคว้ารางวัล “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” จาก 2 เวทีใหญ่ “โทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 31” และ “นาฏราช ครั้งที่ 8”

มีละครออกอากาศ 7 วันรวด

“เฟรช”ไม่เคยห่างหายจากงานแสดงเลย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 42 ปี ของเธอ เรียกว่าเป็นยุคทองสุดๆ และได้ฉายา “เฟรช 7 วัน” จากผลงานแสดงที่ออนแอร์ติดต่อกันตลอดสัปดาห์ วันจันทร์-วันอังคาร ละครเรื่อง”กรงกรรม”, วันพุธ-วันพฤหัสบดี ละครเรื่อง “มายาเร้นรัก”และ “รักจังเอย” รวมถึง วันศุกร์-วันอาทิตย์ ละครเรื่อง “วัยแสบสาแหรกขาด2” ซึ่งทุกๆ เรื่อง “เฟรช” ได้รับบทบาทที่แตกต่างกันออกไป

อีติ๋มตัวละครที่เต็มไปด้วยสีสัน

ดูเหมือนว่าหนึ่งบทบาทที่โดดเด่นที่สุดในปี 2019 ก็คือ “อีติ๋ม” โสเภณีสุดแซบในละครเรื่อง “กรงกรรม” โดยนักแสดงสาวได้พูดถึงตัวละครนี้ว่า เป็นบทบาทที่ท้าทาย เพราะเป็นการพลิกบทบาทจากบทของ “คำปอง” ในละครเรื่อง “นาคี” ที่เธอได้แสดงกับช่อง 3 ไปก่อนหน้านี้

“รู้สึกเป็นบทบาทที่ท้ายทาย “ติ๋ม” คือตัวละครนี้มีปมจากการกระทำของ “ย้อย” ซึ่งทำให้ครอบครัวของ “ติ๋ม”บ้านแตกสาแหรกขาด ตัวติ๋มก็เลยกลับมาแก้แค้น ซึ่งการพลิกบทบาทในครั้งนี้เราก็เต็มใจที่จะเปลี่ยน ซึ่งตัวเราเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่า เราจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”

นักแสดงที่ไม่เคยยึดติดกับบทบาทที่ได้รับ

ในรายการ “คุยแซบโชว์” ดาราสาวเจ้าบทบาทได้เปิดใจถึงการรับงานแสดงโดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นบทแม่หรือบทโสเภณีไว้ว่าชีวิตคนเราไม่ได้มีอะไรถูกใจเราไปทุกอย่าง แต่เราเลือกที่จะเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้มากกว่า

“ถ้าเรารอบทจากเพื่อน, น้า หรือพี่ที่รู้จักกันในวงการ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีบทอะไรให้เราได้เล่นมากแค่ไหน แต่ถ้าสมมติเขามั่นใจว่าเราเล่นได้เราก็จะรับไว้ เฟรชมองว่าชีวิตคนเราไม่ได้มีอะไรถูกใจเราไปทุกอย่าง แต่เราเลือกที่จะเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้มากกว่า”

“ถามว่ากลัวไหมว่าคนจะติดภาพกับบทบาทที่แสดง คือจากที่ได้สัมผัสตอนแรกก็กังวลเหมือนกันตอนที่รับบทแม่ว่าเราอาจต้องเล่นบทนี้ไปตลอด แต่กลายเป็นว่าเรากลับได้รับบทที่หลากหลาย และท้าทายเพราะบางอย่างเราก็ไม่เคยสัมผัสกับชีวิตเรามาก่อน อย่างในเรื่อง “ล่า” ที่รับบทเป็นทนายความของ “พี่หมิว” (ลลิตา ปัญโญภาส) เป็นการเล่นละครที่บทยาวมากประมาณ 3 หน้ากระดาษ ซึ่งเฟรชถึงขั้นต้องปิดห้องซ้อมที่บ้านเลย”

คำดูถูกในวันนั้นกลายเป็นแรงผลักดันในวันนี้

ถึงแม้ทุกวันนี้เฟรชจะถูกชื่นชมว่าเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท แต่ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่าเฟรชเคยโดนนักแสดงหญิงคนหนึ่งดูถูกเกี่ยวกับการแสดงของเธอด้วย

“นานมาแล้วเป็นช่วงแรกๆ ที่เฟชรเข้าวงการบันเทิง ตอนนั้นเป็นนักแสดงใหม่อาจจะทำอะไรไม่ถูกใจใครบ้าง ก็ไม่ได้เจตนาและไม่ได้ตั้งใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่แน่ใจว่ามาจากความที่เขาไม่ชอบเราหรือเปล่า คือไปแสดงเรื่องหนึ่งแล้ววันนั้นเราเทคบ่อย ซึ่งตอนที่ไม่มีคนอยู่นักแสดงคนนี้ก็เดินเข้ามาหาและบอกกับเราว่า “เมื่อกี้ทำอะไร เล่นไม่เป็นเหรอ?” เราอาจจะไปทำให้เขาเสียเวลาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนั้นที่ได้ยินคำนี้ทำให้เราช็อคขาอ่อน และเราก็แอบไปร้องไห้ แต่พอคิดได้ก็ลุกขึ้น เรารู้สึกว่าต้องทำให้ดีให้ได้”

เมื่อมีโอกาสต้องทำจนสุดความสามารถ

“แม้จะโดนตำหนิขนาดนั้น แต่เราก็ไม่เคยคิดจะออกจากวงการบันเทิง เพราะในเมื่อเรามีโอกาสเข้ามาแล้ว เราควรจะลองทำสิ่งที่เราตั้งใจให้สุดความสามารถ คนรอบข้างเราก็คอยช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็น “อาตู่” (นพพล โกมารชุน) หรือ “คุณยาย”  (ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ) ดังนั้นหัวใจของเราก็เลยแข็งแรง

อ่านต่อ “เรื่องราวของเฟรชในวัยเด็ก” ที่หน้า 2

The post เปลือยชีวิต เด็กไร้บ้าน เฟรช อริศรา เพชรแท้เจียระไนได้ด้วยตัวเอง appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

จากจำนวนแฟนคลับ รางวัลที่ได้รับ รวมไปถึงสถิติที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ทำให้ “เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร” ขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยอย่างไร้ข้อสงสัย ไม่เพียงผลงานทั้งการร้องและเต้นที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถ แต่ยังมีความน่ารักมุ้งมิ้งแบบไม่อั้นของเขาที่ทำให้แฟนๆ ต่างเทความรักให้ผู้ชายคนนี้แบบหมดหัวใจ และนี่คือไทม์ไลน์เส้นทางสู่การเป็นซุป’ตาร์ของผู้ชายน่ารักคนนี้

พ.ศ. 2544

เป็นพิธีกรรายการดิสนีย์คลับ และได้พากย์เสียงภาษาไทยในภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ พากย์เป็นเพอร์ซี่ วีสลีย์

“ผมมีความพยายามมาตั้งแต่เด็ก ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้นที่เริ่มเป็นศิลปินฝึกหัดที่แกรมมี่ ช่วงนั้นเหนื่อยมาก ทุกวันหลังเลิกเรียนจะนั่งแท็กซี่จากบ้านที่สุขาภิบาล 3 ไปถนนอโศก เพื่อซ้อมร้อง ซ้อมเต้น บางวันกว่าจะถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืน ผมใช้ชีวิตแบบนั้นประมาณ 7-8 ปี กว่าจะได้ออกซิงเกิ้ลแรก แต่ความเหนื่อยตรงนั้นมีประโยชน์มาก เพราะทำให้เห็นว่ากว่าจะได้เป็นนักร้องไม่ใช่เรื่องง่าย และเมื่อทำได้ก้าวหนึ่งแล้ว ถ้าวันข้างหน้าเจอปัญหา แล้วทำไมเราจะไม่สู้ต่อล่ะ ถ้ายอมแพ้แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ในเมื่อลุยมาถึงขนาดนี้แล้ว”

พ.ศ. 2545

เข้าเป็นศิลปินฝึกหัดที่แกรมมี่ประมาณ 7 ปี จากนั้นจึงเดบิวต์ในฐานะสมาชิกวง G-BOYZ

“หนึ่งเหตุการณ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม คงเป็นวันที่เซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัดกับแกรมมี่ เป็นเวลาหลายปีมากๆ ที่เราอยู่ตรงนั้น โดยไม่มีเงินเดือนนะครับ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่มีค่า เป็นเหมือนช่วงเวลาที่หล่อหลอมและค้นหาตัวเองขึ้นมาว่าเราอยากเป็นนักร้องสไตล์ไหน พอพูดเรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงตัวเองในวันนั้นว่า ไอ้เด็กคนนี้สู้จังเลย สู้ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้ออกอัลบั้มเป็นนักร้องหรือเปล่า ถ้าบอกตัวเองในวันนั้นได้ก็คงพูดว่าแกก็มีความพยายามดีเหมือนกันนะ”

พ.ศ. 2548

ออกซิงเกิ้ลเพลง “ไม่มีใครรู้” ถือเป็นเพลงแจ้งเกิดในวงการเพลงของเป๊ก

“ผมยังจำครั้งแรกที่ขึ้นเวทีในฐานะนักร้องได้ ตอนนั้นไปร้องเพลง ไม่มีใครรู้ ที่มหาวิทยาลัยแถวถนนพัฒนาการ จำความรู้สึกได้ว่าตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนเวที คนจะงงไหมว่าเราคือใคร เขาจะชอบเพลงหรือเปล่า แล้วเราจะพูดอะไรกับเขาดี”

พ.ศ. 2560

เข้าแข่งขันในรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ซีซั่นที่ 1 ในนาม “หน้ากากจิงโจ้” และเป็นผู้ชนะของกรุ๊ป D ซึ่งรายการนี้ทำให้กระแสของหน้ากากจิงโจ้และเป๊ก-ผลิตโชค เป็นที่พูดถึงอย่างมาก มีแฟนคลับติดตามจนเกิดเป็นชื่อเรียกแฟนๆ ว่า “นุช”

“หลังจากถอดหน้ากากจิงโจ้ จริงๆ ชีวิตผมไม่ได้ต่างไปจากเดิมมาก คงมีแต่เรื่องที่มีคนสนใจมากขึ้น แต่ผมพยายามใช้ชีวิตแบบเดิม เพราะไม่ได้อยากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ยังอยากร้องเพลงและทำสิ่งที่ตัวเองชอบเหมือนเดิม จึงไม่ได้เครียดกับกระแสที่พุ่งเข้ามา น่าจะเป็นความรู้สึกประหลาดใจมากกว่า เพราะว่าเมื่อ 4-5 เดือนก่อนแข่งรายการ The Mask Singer เพิ่งมีคนติดตามในอินสตาแกรมแค่ 25,000 คน แต่จู่ๆ มาจากไหนไม่รู้ กลายเป็น 1 ล้าน ช่วงแรกๆ ผมถึงให้สัมภาษณ์ว่าเป็นมือใหม่หัดดัง เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีแฟนคลับมากขนาดนี้ ไม่เคยมีคนเยอะๆ มาเฝ้ารอตามสถานที่ต่างๆ ผ่านไปสักพักจึงเริ่มรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องทำอะไรมากนะครับ แค่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาก็พอแล้ว เพราะผมมีแฟนคลับที่ค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่เด็กน้อยจนถึงรุ่นคุณย่า ผมจึงคิดว่าเขาน่าจะคาดหวังสิ่งที่ดีจากผม”

ออกซิงเกิ้ลเพลง “โทษที่เอาแต่ใจ (Sorry)” ขึ้นอันดับ 1 THAILAND MUSIC CHART SEP 2017

รางวัล MTV Fan Picks 20 (MTV ASIA) : Favorite Asian Music Videos Of 2017 และมียอดดาวน์โหลดใน iTunes ประจำสัปดาห์สูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2017

เพลง “นี่แหละความรัก (This is Love)” กับค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy ขึ้นอันดับ 1 THAILAND MUSIC CHART MAR 2018

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเหลือเชื่อเหมือนกันนะ อย่างการเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ผมจำไม่ได้เลยว่าก่อนจะได้เล่นคอนเสิร์ต The Mask Singer 2 คือคอนเสิร์ตอะไร เพราะนานมากแล้ว เท่าที่นึกออกน่าจะเป็นคอนเสิร์ตเป๊ก อ๊อฟ ไอซ์ หลังจากนั้นกระแสของผมก็แผ่วยาว แต่จริงๆ ผมไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเล่นคอนเสิร์ตที่มีคนเยอะๆ เท่านั้น เพราะช่วงที่กระแสเงียบก็เคยไปงานที่มีคนดูแค่ 20 คน แต่สนุกมาก เพราะผมรอคอยที่จะร้องเพลงให้ทุกคนฟังตลอด จะคอนเสิร์ตเล็กหรือใหญ่จึงไม่สำคัญ”

พ.ศ. 2561

ออกซิงเกิ้ลเพลง “First Lady” ขึ้นอันดับ 1 THAILAND MUSIC CHART JUN 2018

คอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองครั้งแรกในชื่อ Peck Palitchoke First Date Concert โดยสร้างสถิติขายบัตรหมดทั้ง 3 รอบอย่างรวดเร็ว

“สมัยก่อนมีงานจ้างหนึ่งครั้งผมก็แฮ็ปปี้แล้ว ครั้งนั้นเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ 3 รอบติด ทุกคนมาเชียร์กันสุดพลัง แล้วแฟนๆ ยังทำโปรเจ็กต์ให้เหมือนวัฒนธรรมของต่างประเทศ คือเวลาศิลปินร้องเพลงจะมีการแปรอักษร ตะโกนชื่อนักร้องหรือตะโกนบอกรัก เขาไปนัดแนะจังหวะกันเอง เป็นการเปิดสไตล์ใหม่ให้วงการเพลงไทย เพราะจริงๆ วงการเพลงบ้านเราซบเซามาสักพัก แต่แฟนคลับทำให้ทุกอย่างฟื้นขึ้น ผมสนุกและประทับใจมาก”

ออกซิงเกิ้ลเพลง “I’m OK” ได้รับรางวัล LINE TV AWARDS 2019 สาขา “LINE TV BEST SONG”

ออกซิงเกิ้ลเพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกในชีวิต ชื่อว่า “Nobody Like You” ร่วมกับ Hollaphonic

“กว่าจะมาถึงวันนี้ ถ้านับตามจำนวนเพลงที่ออกมา นั่นเท่ากับจำนวนครั้งที่ผมบอกตัวเองว่าเอาใหม่เว้ย จนทางค่ายก็อาจคิดว่าจะเอาอีกแล้วหรือ คือผมต้องไปขอให้ช่วยออกเพลงให้หน่อย เขาก็แบบแพลนเต็มแล้วไม่มีเวลา อาจต้องปีหน้านะ แต่เราทำไปก่อน พอมีเวลาเมื่อไหร่ก็…พี่ช่วยหน่อยนะครับ (ทำเสียงอ้อน) แต่ผมจะไม่ได้เป็นศิลปินที่ได้โปรโมตแบบท็อปฟอร์ม อาจมีเฉพาะทางยูทูบ ไม่ค่อยได้ไปรายการใหญ่ๆ เท่าไหร่”

พ.ศ. 2562

ออกซิงเกิ้ลพิเศษเพลง “YOU ARE REAL”

ออกซิงเกิ้ลพิเศษเพลง “ไม่อยากให้กลับ” ร่วมกับ Hollaphonic

“เราได้เก็บประสบการณ์หลายๆ อย่างจากการร่วมงานกันมาใช้ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีของผม ทางทีม Hollaphonic ส่งมาให้เลือกอยู่หลายเพลง หลังจากเพลง Nobody Like You เป๊กชอบเพลงนี้ เพราะมีความใหม่ เป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ในแบบที่เราสนใจ จึงจัดมาให้ต่อเนื่องอีกเพลงครับ”

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ในชื่อ “PECK PALITCHOKE Concert #2 : LOVE IN SPACE” ทุบสถิติการขายบัตรทั้ง 3 รอบหมดภายใน 5 นาที (รอบละ 5,000 ใบ รวม 15,000 ใบ) โดยมีแฟนๆ ไปค้างคืนรอซื้อบัตรล่วงหน้า 4-5 คืน

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 945

ภาพ : @peckpalit

The post เปิดไทม์ไลน์ความฮ็อต “เป๊ก-ผลิตโชค” การันตีด้วยผลงานและความน่ารักได้ใจนุช appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ครูก้อย-สุภาพรรณ ผลากรกุล แห่ง Krukoy Vocal Studio คุณครูสอนร้องเพลงและการใช้เสียงในการแสดงที่มีลูกศิษย์เป็นคนดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกอล์ฟ-ไมค์, ชิน-ชินวุฒ, แต้ว-ณฐพร, มาริโอ้, ต่อ-ธนภพ, นน-ชานน และออกแบบ-ชุติมณฑน์ รวมไปถึงศิลปินไทยที่โกอินเตอร์ระดับโลก อย่างแบมแบม GOT7 และสาวน้อยมหัศจรรย์คนล่าสุด ลิซ่า BLACKPINK ที่วันนี้ แพรว ขอให้ครูก้อยเล่าถึงความพยายามและความตั้งใจจริงของเธอ

ฉันจะไปเกาหลี

ครูก้อยเล่าถึงความประทับใจเมื่อวันแรกเจอลูกศิษย์คนเก่ง “เจอกันวันแรกที่ลิซ่ามาเรียน ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 13-14 ปี เป็นเด็กร่าเริง สดใส หน้ายิ้มตลอดเวลา ตัดผมหน้าม้า รัดหางม้าสูง ตัวเล็ก แขนขายาว แล้วยังใช้ชื่อว่า ป๊อกแป๊ก (ภายหลังเปลี่ยนชื่อก่อนไปเกาหลีว่าลลิซ โดยคุณป้าเป็นคนเปลี่ยนให้) ลิซ่าเป็นเด็กมีพลังมาก ตอนนั้นมาเรียน สัปดาห์ละครั้ง ครั้งละหนึ่งชั่วโมง แต่ในชั่วโมงนั้นเขาตั้งใจเรียนมาก ไม่เคยแสดงอาการให้เห็นว่าเหนื่อยมาจากโรงเรียนหรือจากการเดินทางเลย แล้วเขาก็จะมาพร้อมแฟ้มใส่เนื้อเพลงของตัวเอง หน้าปกเป็นศิลปินเกาหลีที่เขาชอบ แล้วพูดเสียงงุ้งงิ้งว่า หนูจะไปเกาหลีๆ ร้องเพลงไปสักพักก็พูดอีก ตอนนั้นครูก็คิดว่า ฝันไกลไปหรือเปล่าลูก แต่ไม่อยากพูดทำลายความฝันของเขา ก็จะพยายามตัดบทว่าวอร์มเสียงก่อนๆ ซึ่งพอถึงเวลาเรียนจริง เขามีความกระตือรือร้นมาก เหมือนกับมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก

“ลิซ่าเรียนกับครูได้ระยะหนึ่งก็ต้องเตรียมตัวไปออดิชั่น ซึ่งค่าย YG มาจัดที่เมืองไทย จึงเจอกันถี่กว่าเดิม แล้วเขาจะซ้อมทุกวันที่มีโอกาส นอกจากนี้ครูจะมีการบ้านให้เขากลับไปทำ เรียกว่าโชคดีที่ลิซ่าเรียนเต้นมาตั้งแต่ 7-8 ขวบ ผ่านการประกวดมาบ้าง เราก็จะไม่ห่วงเรื่องเต้น ส่วนเรื่องร้องเพลงเขาตั้งใจมากอยู่แล้ว ฟังเพลงเยอะ ทำการบ้านส่งตลอด แล้วตีโจทย์ของเพลงแตก จึงง่ายสำหรับครูที่จะสอน อย่างตอนไปออดิชั่นต้องร้องเพลงสากล ครูก็เตรียมให้เขาสองเพลง เป็นเพลงช้าและเพลงเร็ว ซึ่งเขาถนัดร้องแนวอาร์แอนด์บีและเพลงป็อปที่เป็นตัวเขา เน้นเพลงเร็ว จังหวะสนุกๆ ไปเลย แต่ค่ายขอให้ร้องทั้งเพลงช้าและเพลงเร็ว เพื่อดูศักยภาพในการร้องเพลงว่าพลังเสียงในการร้องเป็นอย่างไร ดูแล้วสนุกไหม รวมๆ แล้วคือดูว่าถนัดทั้งสองทางหรือเปล่า

“ซึ่งพัฒนาการของเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ไปออดิชั่นดีขึ้นเยอะ เสียงแข็งแรงขึ้น อาจเป็นเพราะเขามีพลังในการเต้น จึงมีแรงเหลือในการร้องเพลง สิ่งที่ต้องปรับปรุงในเวลานั้นคือเพิ่มความรู้สึกในการร้อง เพราะโดยมากคนที่จะไปประกวดหรือออดิชั่น จังหวะต้องเป๊ะ ทำนองไม่เพี้ยน เขาก็ทำได้หมด เหลืออย่างเดียวคือร้องให้มีอินเนอร์ โดยเฉพาะเพลงช้าต้องมีเสียงหนัก เบา สั้น ยาว ส่วนเวลาร้องเพลงเร็วก็ต้องสนุก ให้คนดูแล้วยิ้มตาม ซึ่งตอนที่ลิซ่าซ้อม เขาซ้อมเหมือนกำลังขึ้นเวทีจริงๆ ท่าทางการเต้นและการร้องเต็มที่มาก ออกมาดูดีมากเลย ไม่รู้ว่าเข้าข้างลูกศิษย์หรือเปล่า แต่ก็เดาไม่ถูกว่าค่ายจะเลือกไหม

“ช่วงที่ฝึกเขาไม่เคยแสดงให้เห็นเลยว่าท้อหรือเหนื่อย จะว่าไปครูไม่เคยเห็นอาการอย่างนั้นจากลิซ่าเลย ให้ทำอะไรก็อยากทำไปหมด เช่น สั่งให้เขาร้องเพลงเร็วแล้วเต้นไปด้วยก็ทำได้ ไม่เคยบ่น กระทั่งถึงวันที่ไปออดิชั่น วันนั้นครูไม่ได้ไปด้วย แต่จำได้ว่าตอนนั้นเขาตัดผมสั้นกุดเลย ครูมารู้อีกทีก็ตอนที่เขาออดิชั่นได้แล้ว เขากรี๊ดใหญ่เลยว่าได้แล้วๆ ส่วนครูแทบไม่อยากจะเชื่อเลย ยังถามกลับไปว่าเขาเลือกกี่คน แล้วเขาจะส่งกลับระหว่างทางหรือเปล่า (หัวเราะ) ที่คิดอย่างนี้ไม่ใช่อะไรนะ คือตื่นเต้นกับทึ่งในตัวลูกศิษย์มาก” (ครูลากเสียงยาวด้วยความปลื้มใจ)

อดทน ไม่ถอดใจ

หลายคนต้องทิ้งความฝันไว้ข้างหลัง เพราะทนไม่ไหวกับความเหนื่อยยาก หรือความเลื่อนลอยเกินกว่าจะทำใจเฝ้ารอ แต่ครูก้อยบอกว่าลิซ่าต้องอดทนกับการฝึกหัดนานถึง 6 ปีกว่าจะได้นามสกุล BLACKPINK มาครอง

“การไปเป็นศิลปินฝึกหัดที่เกาหลีถือเป็นเรื่องหนัก เท่าที่ครูรู้คือต้องฝึกทุกวัน ในหนึ่งสัปดาห์จะหยุดแค่วันเดียว เด็กทุกคนต้องเข้าคลาสเรียนร้องและเต้น เวลาที่เหลือหลังจากนั้นต้องฝึกซ้อมกันเอง ไม่ได้มีครูฝึกให้ตลอด เลิกประมาณ 4-5 ทุ่ม ทุกวัน เพราะฉะนั้นความอดทนต้องมาที่หนึ่งเลย นอกจากนี้ทางค่ายจะดูพฤติกรรมของเด็กด้วยว่ามีความอดทน จริงจังไหม เข้ากับเพื่อนได้หรือเปล่า ถ้าเป็นเด็กต่างชาติ มีพัฒนาการในการพูดภาษาเกาหลีไหม แต่ลิซ่าผ่านหมดทุกอย่าง ช่วงแรกที่ไปอยู่ที่นั่นเขาต้องปรับตัวหลายอย่าง เพราะตามกฎของเขา ผู้ปกครองไม่ได้รับอนุญาตให้ตามไปอยู่ด้วย แล้วต้องพูดแต่ภาษาเกาหลีอย่างเดียว ต้องไปหาเพื่อนใหม่ ต้องลุ้นว่าจะเข้ากับเขาได้ไหม คือต้องปรับตัวในทุกๆ ด้าน

“ช่วงระหว่างนั้นผ่านไป 2-3 ปี เขากลับมาเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทยแล้วก็เยี่ยมครู มาให้ครูวอร์มเสียงให้และมาร้องแร็พเกาหลีให้ฟัง สิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนคือเขามีความมั่นใจมากขึ้น รู้มาว่าเขาต้องฝึกซ้อมร้องเพลงเยอะ เพราะมีการออดิชั่นทั้งร้องและเต้นตลอดเวลา คุณครูก็จะให้คะแนน เพื่อให้ศิลปินเกิดการพัฒนา ซึ่งช่วงที่ลิซ่าภาษาเกาหลีไม่แข็งแรง เขาก็ฝึกหนัก เพราะถ้าภาษายังไม่แข็งก็ยังเดบิวต์ (การแสดงเปิดตัวครั้งแรก) ไม่ได้ ซึ่งจุดแข็งของลิซ่าคือมีระเบียบวินัยและมุ่งมั่นในการฝึก มีความรักและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ

“แต่ขนาดว่าเขามีความตั้งใจสูงมากแล้ว ช่วงระหว่างรอเดบิวต์ก็มีอุปสรรคหลายๆ อย่างจนเขาท้อ เกือบจะถอดใจ เพราะเวลาผ่านไปนานมาก แต่ยังไม่ได้ออกอัลบั้มสักที ต้องรอถึง 6 ปี ลิซ่าจึงได้เดบิวต์ 6 ปีนี่คนทั่วไปเรียนจบปริญญาโทแล้วนะ เรื่องที่โหดกว่าคือคนเหล่านั้นยังได้ใบปริญญา แต่ลิซ่าอยู่ในจุดที่ไม่มีอะไรการันตีว่าจะได้ออกอัลบั้มไหม อนาคตไม่แน่นอน ใจเขาจะเป็นอย่างไร แต่พอถึงวันนี้ที่บัตรคอนเสิร์ตเขาขายหมดทั้งอเมริกาและอังกฤษ กลายเป็นคนมีชื่อเสียงระดับโลก อย่างวันที่ได้ไปดูคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เห็นแฟนคลับตามรักเขาขนาดนี้ ครูเห็นแล้วปลื้มใจมาก น้ำตาจะไหล”

มีน้ำใจ กตัญญู ไม่ลืมเมืองไทย

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลิซ่า ครูก้อยการันตีว่าชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลกยังไม่เท่ากับความน่ารักที่เป็นเนื้อแท้ของเธอ “ครูว่าที่ลิซ่ามาถึงจุดนี้ก็เพราะเขากตัญญู ถ้าปีไหนไม่สะดวกกลับมาเมืองไทย เขาจะฝากคุณแม่ถือกระเช้าปีใหม่มาสวัสดีครู อย่างล่าสุดเขาซื้อสตรอว์เบอร์รี่สดมาฝาก คุณแม่บอกว่าลิซ่ากำชับหลายรอบมากว่ารีบเอามาให้ครูนะคะ เพราะกลัวจะไม่สด หรืออย่างตอนที่เขาเดบิวต์ได้ช่วงแรกๆ ก็ส่งอัลบั้มมาให้ มีลายเซ็นสมาชิกครบทุกคน อัลบั้มล่าสุดเขาก็ส่งมาให้เสมอต้นเสมอปลาย

“อีกเรื่องที่สำคัญคือการมีสัมมาคารวะ อย่างคอนเสิร์ตที่มาเล่นที่เมืองไทยล่าสุด ครูและพี่ๆ นักแสดงไปรอเจอหลังเวที ซึ่งตอนอยู่เกาหลี น้องจะติดตามผลงานการแสดงของพี่นักแสดงในเมืองไทยตลอด พอเขาเห็นหน้าทุกคนก็ยกมือไหว้ก่อน แล้ววิ่งมากอด เขาบอกว่า ‘หนูต้องขอบคุณพี่ๆ ที่ทุกคนให้ความเมตตาหนู เพราะว่าทุกคนเป็นระดับซุป’ตาร์ทั้งนั้นเลย’ อย่างพี่แต้วที่ลิซ่าปลื้มมาก อยากเจอมาก จะคอยพูดถึงตลอดว่า ‘นาคีๆ คำแก้วๆ อยากเจอๆ’ พอเจอเขาก็เข้าไปกอด พี่ๆ นักแสดงเจออาการแบบนี้ของลิซ่าเข้าไปกรี๊ดตายเลย คือเขายังเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้คิดว่าฉันดังระดับโลกแล้วต้องมีฟอร์ม

“เรื่องที่ครูประทับใจในตัวเขาอีกอย่างคือลิซ่ามีน้ำใจมาก ครั้งหนึ่งมีคนมาบอกครูว่าน้องมะลิลูกสาวแม่โบว์ และน้องฮานิ ลูกสาวโบ-สุนิตา ฝากขอลายเซ็น พอแจ้งไป ลิซ่าก็ตอบกลับมาว่า ‘ค่าครู’ ตอนนั้นครูคิดว่าลิซ่าคงส่งรูปมาพร้อมลายเซ็น แต่ปรากฏว่าเขาส่งซีดีมาทั้งอัลบั้มพร้อมเขียนด้วยว่า ขอให้เป็นเด็กดีนะคะ เด็กๆ ดีใจกันมาก (ยิ้มปลื้ม) ความน่ารักของเขาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ อย่างเวลาจะมาเจอครู เขาจะคิดว่าหนูจะใส่ชุดอะไรดี เพราะต้องมาถ่ายรูปกับครู คำพูดติดปากเขาเวลาจะรับคำคือ…ได้ค้าบ…ครับผม…รักครูนะค้าบ เราคนฟังก็ปลื้มไปสิ

“อีกเหตุการณ์ที่ประทับใจในสปิริตของเขาคือช่วงที่เปิดให้ประชาชนกราบพระบรมศพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ลิซ่าตั้งใจกลับมาเมืองไทยเพื่อกราบพระบรมศพพระองค์ท่านโดยเฉพาะ บอกว่ายังไงก็ต้องมา แล้วยืนกรานว่าอยากใส่ชุดไทยจิตรลดาเข้าไปในพระบรมมหาราชวังด้วย คือต่อให้เขาดังแค่ไหนก็ยังไม่ลืมว่าตัวเองเป็นคนไทยและมีความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9

“วันนั้นลิซ่ากับคุณแม่ตื่นตั้งแต่ตี 4 แล้วไปเจอครูกับเดียร์น่า (เดียร์น่า ฟลีโป) ที่สนามหลวง โดยเขาต้องต่อแถวเข้าไปในพระบรมมหาราชวังและนั่งรอกับพื้นเหมือนคนอื่นหลายชั่วโมงมาก เกือบบ่ายจึงได้เข้าไปกราบพระบรมศพ พอกราบเสร็จ ลิซ่าน้ำตาซึมเลย”

ภาพ : @krukoyzz, @lalalalisa_m

ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 945

The post “หนูจะไปเกาหลี แต่ไม่ลืมเมืองไทย” ครูก้อยเล่าถึง “ลิซ่า” วิถีซุป’ตาร์ที่ต้องสตรอง appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

“อั้มเป็นทั้งเพื่อน ครอบครัว และครู เพราะอั้มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงก่อน แล้วชวนเอมาเป็นผู้จัดการ หลังจากนั้นเราสองคนก็ลองผิดลองถูกมาด้วยกันหลายเรื่อง” นี่คือความในใจถึง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ซูเปอร์สตาร์ระดับตัวแม่ของเมืองไทย จากปากของ “เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดการดาราระดับท็อปที่ฮ็อตไม่แพ้ซุป’ตาร์เลยสักนิด สำหรับความผูกพันกันอย่างเหนียวแน่นของทั้งคู่นั้น นอกจากการทำงานด้วยกันมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ยังอยู่ที่ความนิสัยดียืนหนึ่งของอั้ม บวกกับความเก่งกาจของผู้จัดการดาราอย่างเอ ซึ่งนับเป็นเคล็ดลับในการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่น่าชื่นชมมากเลยทีเดียว

1. มองหาความแตกต่าง

งานแรกที่ทำกับอั้มคือถ่ายปกนิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งภาพออกมาโป๊มาก เป็นรูปอั้มใส่เสื้อกล้ามสีขาวซ้อนกัน 2 ชั้น แต่ทีมงานรีทัชเสื้อตัวในออก ทำให้เหมือนอั้มจับหน้าอกตัวเอง ซึ่งถือว่าแรงสำหรับนางเอกไทย ครั้งนั้นเราโดนผู้ใหญ่ตำหนิ ซึ่งเราก็ขอโทษไป แต่อีกใจหนึ่งก็อยากฉีกแนว เพราะคิดว่านางเอกเรียบร้อยมีเยอะแล้ว หากเปรียบกับห้องเรียน ถ้ามีเด็กเก่งเลข วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เราก็ต้องเอาดีทางนาฏศิลป์ถึงจะโดดเด่น และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อั้มแตกต่างจากคนอื่น กลายเป็นนางเอกที่เป็นเซ็กซี่สตาร์คนแรกๆ ของประเทศไทย

2. ไปให้สุดแล้วจบให้คนจำ

เวลาอั้มถ่ายแฟชั่นลุคเซ็กซี่ เราจะเชียร์เต็มที่ว่า บิดอีกนิด ดึงเสื้อลงอีกหน่อย ทำปากเจ่อสิเธอ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ว่าอั้ม-พัชราภา จะขึ้นปกนิตยสารด้วยรูปปากแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นผู้จัดการคนอื่น เวลาสไตลิสต์ให้ดาราโพสท่าเซ็กซี่ก็อาจติดเบรกว่า “อุ๊ย…ไม่ได้” แต่เราจะบอกว่า โพสแรงอีก! จนบางครั้งอั้มก็แซวว่า มาถ่ายเองไหม รู้นะว่าอยาก (หัวเราะ)

3. รักษาเวลา

อั้มเป็นมนุษย์ไฮเปอร์ ถ้าเป็นนักมวยก็อยากไปถึงเวทีแล้วได้ขึ้นชกเลย ไม่ใช่ต้องนั่งรอ 5 ชั่วโมง เนื่องจากนางตรงต่อเวลามาก ถ้านัด 7 โมงเช้าก็จะไปถึงก่อน 30 นาที โดยนั่งรออยู่ในรถให้ทีมงานรู้ว่ามาถึงแล้วนะ พอเข็มนาฬิกาถึง 7 โมงปุ๊บจะเดินลงจากรถ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าเธอจะเลต ไม่มีทาง แต่อั้มก็เลิกตรงเวลาเหมือนกันนะ ถ้าตกลงกันไว้ว่า เลิก 2 ทุ่มก็ต้องเป๊ะตามนั้น ยกเว้นถ้ายังไม่เสร็จจริงๆ อาจต่อเวลาได้อีกหน่อย

4. คิดก่อนเคี้ยว

บางทีอั้มหิวมาก แต่พอจะตักเข้าปาก เขาจะเตือนตัวเองว่า ไม่ได้ ฉันเป็นดารา ต้องรักษารูปร่างให้ดี กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม อั้มมีวินัยในการดูแลตัวเองดีแบบนี้มาตลอด

5. เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

งานที่เราไม่มีทางรับให้อั้มคืองานที่เขาต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองมากเกินไป หรือบางครั้งอั้มก็พูดเองเลย เช่น บางงานทุ่มเงินให้ 30 ล้านบาท แต่อั้มคิดว่าผลิตภัณฑ์นี้ไม่เหมาะกับตัวเองจริงๆ ก็จะบอกเราตรงๆ นี่คือสิ่งที่เราใช้สอนดารารุ่นหลังด้วย เพราะการรับงานที่ไม่ใช่ตัวเอง สุดท้ายอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าดี

6. ใช้ตัวเองเป็นกันชนก่อนยานแม่ลง

อั้มนิสัยแมนๆ และรักเพื่อน ถ้าเพื่อนเจอข่าวที่ไม่เป็นความจริงจะเข้าข้างเต็มที่ ซึ่งถ้าเกิดกรณีอย่างนั้น เราจะแซงโมโหแทนก่อน เพราะถ้าปล่อยให้อั้มพูดเองทั้งหมดอาจไม่ดีเท่าไร และพอทำแบบนี้ อั้มจะใจเย็นลงแล้วบอกว่า เธอพอแล้วๆ ฉันโอเค

7. คุณแม่ของอั้มคือที่สุด

ผู้หญิงหนึ่งคนที่ต้องชื่นชมมากคือคุณแม่สุภาพร ไชยเชื้อ ท่านจะไม่ยุ่งเรื่องการทำงานของอั้มเลย แต่สิ่งที่ทำมาตลอดคือการดูแลลูกสาวอย่างดี เช่น ให้อั้มนอนบนผ้าปูเตียงที่ทำจากด้ายพิเศษ ซึ่งช่วยให้หน้าไม่หย่อนคล้อย ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยรังสิต รวมถึงเป็นต้นแบบในเรื่องของความเป๊ะ ยกตัวอย่างเวลาไปบ้านของอั้ม ถ้าคุณแม่ไม่ได้แต่งหน้า ทำผม หรือใส่ชุดสวยงาม ท่านจะไม่ออกมาจากห้อง ตอนแรกก็งงว่าทำไม แต่รู้แล้วว่าทุกอย่างต้องเป๊ะ ยิ่งเป็นดาราที่เจอคนเยอะๆ ยิ่งต้องมีความพร้อมมากที่สุด

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 945

ภาพ : @a_supachai1, #aum_patchrapa

The post นิสัยดียืนหนึ่ง “อั้ม-พัชราภา” ครองแชมป์ขวัญใจมหาชนตัวแม่ ด้วย 7 เคล็ดลับนี้ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ดาราฮอลลีวู้ด วิลล์ สมิธ และภรรยา เจด้า พิงเก็ตต์ สมิธ ประกาศตัวเป็นแฟนคลับตัวยงของสาวๆ วง BLACKPINK ภายหลังพบกันในงานเทศกาลดนตรี Coachella

ความนิยมของวง BLACKPINK เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้พวกเธอได้โอกาสไปโปรโมทในแถบสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดเพลงโลก ยิ่งทำให้เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นไปอีก โดยอย่างที่ทราบกันเมื่อไม่นานมานี้พวกเธอได้ขึ้นแสดงในงานเทศกาลดนตรีCoachella ที่เมืองอินดิโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งพวกเธอโชว์การแสดงได้อย่างร้อนแรง จนได้แฟนคลับต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมาก

ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่แฟนคลับที่เป็นคนธรรมดาๆ เท่านั้น ยังมีเซเลบริตี้หลายคนที่ชื่นชมในความสามารถของพวกเธอ ล่าสุดคนดังที่ประกาศตัวเป็นบลิ๊งค์ (แฟนคลับตัวยง) อย่างเป็นทางการ นั่นคือนักร้อง-นักแสดงดังของฮอลลีวู้ด วัย 50 ปี วิลล์ สมิธ ซึ่งมีผลงานเป็นที่รู้จักมากมาย อาทิ Men in Black , Independence Day, Bad Boys, Six Degrees of Separation, Made in America , Where the Day Takes You ฯลฯ

และไม่ใช่แค่ “สมิธ” ที่เป็นแฟนคลับของ 4 สาวเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงภรรยาของเขา “เจด้า พิงเก็ตต์ สมิธ”อีกด้วย โดยในอินสตาแกรม ส่วนตัวที่ มียอดผู้ติดตาม 30.1 ล้านคน ของดาราหนุ่มได้โพสต์ภาพถ่ายกับสาวๆ พร้อมข้อความประกอบภาพดังกล่าวระบุว่า “จ๊ะเอ๋ แบล็คพิงค์ โดยบังเอิญหลังจากที่ผมลงมาจากเวที…ผมกับ เจด้า เป็นแฟนอย่างเป็นทางการ!”

ขณะเดียวกัน จีซู (คิม จีซู), โรเซ่ (พัค แชยอง), เจนนี่ (เจนนี่ คิม) และ ลิซ่า (ลลิษา หรือ ปราณปรียา มโนบาล) ต่างพร้อมใจกันแชร์ภาพเซลฟี่ร่วมกับ สมิธ และภรรยา ผ่านทาง ไอจี ของแต่ละคนโดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ soompi ได้รายงานว่า “สมิธ” เคยเดินทางไปเยือนสำนักงานใหญ่ของ YG ENTERTAINMENT ค่ายเพลงต้นสังกัดของ แบล็คพิงค์ เมื่อปี 2013 พร้อมกับ “เจเดน สมิธ ” ลูกชายวัย 20 ปี ซึ่งเขายอมรับว่าหลงใหลในมนต์เสน่ห์ K-POP มาแล้วหลายครั้ง แถมยังไปชมการแสดงคอนเสิร์ตของ BLACKPINK ทั้งสองครั้งบนเวที Coachella ปีนี้อีกด้วย

ภาพจาก: IG @willsmith @sooyaaa__ @roses_are_rosie @lalalalisa_m

The post วิลล์ สมิธ ดาราฮอลลีวู้ดกลายเป็นแฟนคลับของวง BLACKPINK appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

หลายครั้งผู้ผลิตละครได้ทำให้ผู้ชมอย่างเราอึ้งเหมือนกัน เกี่ยวกับการหานักแสดงมารับบทต่างๆ ในละคร ล่าสุดในละครเรื่อง “กรงกรรม” ทำเซอร์ไพร้ส์ผู้ชมไม่น้อย เมื่อทีมงานเลือกนักแสดงหน้าใหม่ ป๊อปปี้ ณัฐชา มารับบท “แม่ย้อย” ตอนสาวๆ ซึ่งเธอมีหน้าตาละม้ายคล้าย “พี่ใหม่ เจริญปุระ” เลยทีเดียว

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน มีกระทู้และโพสต์ต่างๆ ที่ออกมาพูดถึงการแคสติ้งนักแสดงของละครเรื่อง “กรงกรรม” ว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนักแสดงที่มารับบทนำ รวมถึงการคัดเลือกนักแสดงสมทบและนักแสดงรับเชิญมารับบทบาทต่างๆ ดูกลมกล่อมและลงตัวเป็นอย่างมาก

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชมฮือฮาก็คือบทบาทของ “แม่ย้อย” ในวัยสาว แสดงโดยดาราหน้าใหม่ที่มีใบหน้าละม้ายคล้าย “ใหม่ เจริญปุระ” ในสมัยก่อน ซึ่งทำให้ผู้ชมต่างสงสัยว่าทีมงานคัดเลือกนักแสดงได้น่าทึ่งขนาดนี้ได้อย่างไร รวมถึงจากเหตุการณ์นี้ยังได้ทำให้ชีวิตสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งเปลี่ยนไป

เปิดประวัติร่างอวตารของ “พี่ใหม่ เจริญปุระ”

สาวสวยคนนี้ชื่อว่า ป๊อปปี้ ณัฐชา โพธิสูง เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2541 ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นปี 4  คณะศิลปศาสตร์ เอกอังกฤษ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยละครเรื่อง “กรงกรรม” เป็นผลงานเรื่องแรกในชีวิต ส่วนผลงานก่อนหน้านี้ก็คือการร้องเพลง “พลังแห่งแผ่นดิน” ของ JSL Global Media ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระ

ก่อนจะมาเป็น “แม่ย้อย”

“ป๊อปปี้” เล่าว่าละคร “กรงกรรม” ได้เปิดแคสติ้งนักแสดง ซึ่งเธอก็ได้มาเข้าร่วม โดยในวันแรกมีผู้สมัครกว่า 400 คน โดยครั้งแรกที่แสดงให้ทีมงานชมเธอได้บท “เรณู” ต่อมาได้ทราบผลว่าเธอมีชื่อติด 1 ใน 30 คน  ในรอบต่อมาเธอได้ลองบทปะทะกันระหว่าง “พิไล” และ “เรณู” หลังจากแคสติ้งเสร็จก็มีพี่ทีมงานทักว่าเราหน้าเหมือนกับ “พี่ใหม่” มาก ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร กระทั่งพี่เขาติดต่อมาและมอบบท “แม่ย้อย” ในวัยสาว

ไม่ใช่แค่ตนทั่วไปเท่านั้น แต่พี่สาวของ “ใหม่ เจริญปุระ” เองก็ยังยอมรับ

“ป๊อปปี้”  ยังได้พูดถึงฟีดแบคจากคนรอบข้าง โดยเธอบอกว่า อย่างเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็มาบอกว่าคล้าย แต่พอได้เห็นในละครยิ่งดูเหมือนกันมากๆ  และไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนๆ เท่านั้นแต่ “กุ้ง-วิภาวี เจริญปุระ” พี่สาวของนักร้องเสียงคุณภาพ “ใหม่ เจริญปุระ” ซึ่งเป็นเพื่อนกับคุณแม่ของเธอก็เคยพูดกับเธอด้วย

ได้ออกจอไม่ถึง 5 นาทีแต่กลับเปลี่ยนแปลงชีวิต

“ป็อปปี้”ยังได้เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ละครออกอากาศไป กระแสตอบรับก็ดีมากๆ มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปเธอมากมาย เธอยังบอกอีกว่าเธอไม่ได้คาดหวังกับกระแสตอบรับ เพราะบทที่เธอได้รับแสดงรวมๆกันแล้วไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าเวลาเพียงสั้นๆ แต่คนกลับจดจำเธอได้ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากๆ

ก้าวแรกและก้าวต่อไปในวงการบันเทิง

นักแสดงสาวคนนี้ยังได้พูดถึงวงการบันเทิง โดยเธอบอกว่านอกจากงานแสดงเธอยังมีความฝันเป็นนักร้อง ถึงตอนนี้จะยังไม่ไปถึงตรงนั้น แต่การได้แสดงละครเรื่องนี้ถือเป็นประสบการณ์และโอกาสที่ดี เพราะทำให้เธอมีงานด้านอื่นๆ เข้ามาด้วย

อย่างไรก็ตามปัจจุบันนอกจาก “ป๊อปปี้” จะทำงานในวงการบันเทิงแล้ว เธอยังเปิดร้านขายเสื้อผ้ากับเพื่อนทางไอจี @natashastyle_ ซึ่งสไตล์ที่ออกมานั้น ได้สะท้อนความเป็นตัวตนของเธอออกมาได้เป็นอย่างดี

View this post on Instagram

ชื่อลุค เปียกฝนมาเรียน Thanks to all supporters ka

A post shared by @ poppynatacha on Jul 4, 2018 at 5:23am PDT

View this post on Instagram

บอกใจตัวเองว่าอย่าล้ม #collargrapher

A post shared by @ poppynatacha on Jul 5, 2018 at 12:22am PDT

View this post on Instagram

เผลอจริงๆ

A post shared by @ poppynatacha on Apr 21, 2019 at 11:28pm PDT

View this post on Instagram

Don't wanna leave this island

A post shared by @ poppynatacha on Apr 14, 2019 at 1:31am PDT

ภาพจาก : IG @poppynatacha

The post 5 นาทีเปลี่ยนชีวิต ป๊อปปี้ ณัฐชา เขาว่าเธอคือร่างอวตาร “พี่ใหม่ เจริญปุระ” appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ไม่ใช่ละครที่มีแต่ความเข้มข้นและแซบเท่านั้น แต่ละครเรื่อง “กรงกรรม” ยังเป็นละครที่ให้ข้อคิดสอนใจกับผู้ชมด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหลักหรือนักแสดงสมทบแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ชมได้ฉุกคิด

อาซา ความสดใสของชุมแสง แสงสว่างแห่งกรงกรรม

โดยหนึ่งในตัวละครที่ชีวิตของเขามักให้แง่คิดกับผู้ชมเสมอก็คือ อาซา หรือ “กมล อัศวรุ่งเรืองกิจ” (นำแสดงโดย “เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” ) ลูกชายคนที่ 3 ของตระกูลแบ้ ดูเหมือนว่านอกจากความน่ารักขจองเขาจะทำให้ละครคลายความเครียดแล้ว หลายครั้งก็ยังมีข้อคิดดีๆ ให้กับคนรอบข้าง

คำคมชีวิต ข้อคิดสอนใจ นี่แหละ! อาซา ผู้น่ารัก…ลูกผู้ชายตระกูลแบ้

1.”เวลาโกรธอย่าไปด่าเขา เพราะเวลาหายไปความโกรธ แต่สิ่งที่ด่าเขา ไม่หาย”

2.”ชีวิตคนเรามันสั้นมาก ใช้เวลากับคนที่รักให้คุ้มค่าเถอะ”

3.”คนเรารักกันแล้วย่อมอภัยกันได้เสมอ”

4.”อะไรที่ยังมาไม่ถึงอย่าเพิ่งไปใส่ใจมันเลย”

5.”ทุกปัญหามันมีทางออก อยู่ที่ว่าจะพูดความจริงกันหรือเปล่า”

6.”การจะรับผิดชอบชีวิตใครสักคนจนวันตาย มันต้องเริ่มจากความรัก ถ้าเกิดหาไม่เจอเราอยู่ตัวคนเดียวดีกว่า เพราะบางทีเราอาจทำให้เขาทุกข์มากกว่าสุขโดยที่เราไม่รู้ตัว”

7.”การที่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่อยากทำมันเป็นทุกข์ แต่การต้องอยู่กับคนที่ไม่ แม้แต่ทำใจให้ชอบได้มันทุกข์กว่า”

8.”ความรักไม่มีวันตาย แต่มันจะอยู่ในใจเราเสมอ ไม่มีวันลดน้อยลง”

9.”ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น ถ้าเราเข้าใจเขาความโกรธจะทำอะไรไม่ได้”

10.”การให้ที่ดีที่สุด คือการให้อภัย”

The post คำคมชีวิต ข้อคิดสอนใจ นี่แหละ! อาซา ผู้น่ารัก…ลูกผู้ชายตระกูลแบ้ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

พิไล ถือเป็นตัวละครที่มีชีวิตน่าติดตามไม่น้อยกว่า “แม่ย้อย” และ “เรณู” โดยเฉพาะในแวดวงแฟนหนังสือ หัวข้อของเธอถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ เพราะในละคร “กรงกรรม” ได้สร้างเธอออกมาให้แตกต่างกับในนวนิยาย จนเป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน

ยิ่งใกล้จบ ความเข้มข้นของละครเรื่อง “กรงกรรม” ยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะละครในช่วงท้ายๆ นี้ ตัวละครต่างๆ ที่ไม่ว่าจะทำกรรมดีหรือกรรมชั่วจะได้รับผลที่ก่อกรรมขึ้น ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 23 เม.ย. 2562) “เรณู” ได้รับผลกรรมจากการใช้ไสยเวทย์ ซึ่งจากที่ได้เห็นในตัวอย่างตอนต่อไปจะเป็นคิวของ พิไล ซึ่งได้ทำกรรมไว้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน “ติ๋ม” รวมถึง คนในตระกูล”แบ้” ซึ่งเชื่อว่าว่าสัปดาห์หน้าคงจะดุเด็ดเผ็ดมันถูกใจแฟนละครแน่นอน

พูดถึงสะใภ้คนรองของ “ย้อย” คนนี้ เชื่อว่าตอนนี้แฟนละครหลายคนคงเกลียดเธอไปเป็นที่เรียบร้อย จากผลการกระทำต่างๆ ของเธอ ไม่ว่าจะเป็น ปากเสีย เห็นแก่ตัวมากๆ กระทั่งเป็นขโมย จนแม้แต่สามีอย่าง “อาตง” ยังระอา และอย่างที่ “อาตง” เคยพูดไว้ “คนทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง” แต่ด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้ลูกคุณหนูคนนี้กลายเป็นคนโลภนิสัยเสียนั้น แพรวดอทคอม จะพาไปไขคำตอบนี้ด้วยกัน

“จุฬามณี เฟื่องนคร” ผู้ประพันธ์เรื่อง “กรงกรรม” ได้เปิดเผยว่าอันที่จริงแล้วบท “พิไล” ถือเป็นบทเด่นพอๆ กับบทของ “เรณู” เลย เพราะหากใครได้ติดตามในนวนิยายจะทราบเหตุผลว่า ทำไมเธอถึงอยากเฝ้าเก๊ะจนตัวสั่นขนาดนี้

“ที่จริงแล้วตามบทนวนิยายจะเป็นคนที่มีสีเทาๆ เหมือนกับ “เรณู” คือมีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี เพียงแต่ว่าพอทำมาเป็นละครแล้ว ผู้เขียนบทละคร (ยิ่งยศ ปัญญา) อยากให้ตัวพิไลเป็นสีดำสนิท เพื่อผู้ชมจะได้เห็นภาพชัดเจน ดังนั้นคนดูเลยเห็นแต่มุมร้ายๆ ถ้าได้อ่านจะรู้ว่าแม้เธอจะไม่ได้รัก “อาตง” ที่เป็นสามีแต่ก็ดีกับเขามากๆ รวมถึง “บุญปลูก” ที่เวลามีอะไรก็มักมาบอกกับพิไลเสมอ ซึ่งความแตกต่างก็ทำให้เกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันขึ้นมา”

“สำหรับในนวนิยายสะใภ้รองคนนี้เป็นคนงกเป็นคนเค็มจริง แต่มันก็เป็นเหตุเนื่องจากเธอเป็นลูกเมียน้อย เลยไม่ค่อยมีสิทธิ์อะไรในบ้าน นั่นจึงเป็นปมใหญ่ในใจของเธอ ตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นสาว เธอเห็นบ้านใหญ่ใช้ชีวิตสบาย และมีเงินมีทองมากมาย เพราะแบบนั้นเงินเลยเปรียบเสมือนพระเจ้าของเธอ ซึ่งเมื่อถูก “ย้อย” ทาบเป็นสะใภ้ใหญ่เธอจึงฝันไว้สูง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมี “เรณู” เข้ามา และ “ย้อย” เองทั้งที่เคยให้สัญญาไว้ แต่พออยู่ไปอยู่มาก็ไม่ได้ทำเหมือนที่พูด ทำให้พิไลถลำลึกทำกรรมชั่วนั่นเอง”

และนี่คือเบื้องหลังชีวิตของซ้อรองบ้านแบ้จากในนวนิยาย ส่วนในละครนั้นจะมีเบื้องหลังอย่างไร คงต้องติดตามในสัปดาห์หน้าแล้วจ้า

ภาพจาก : แอคอาร์ต เจเนเรชั่น

สามารถติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับละคร กรงกรรม อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

คำคมชีวิต ข้อคิดสอนใจ นี่แหละ! อาซา ผู้น่ารัก…ลูกผู้ชายตระกูลแบ้

5 นาทีเปลี่ยนชีวิต ป๊อปปี้ ณัฐชา เขาว่าเธอคือร่างอวตาร “พี่ใหม่ เจริญปุระ”

5 เรื่องลึกแต่ไม่ลับ ของ อีย้อย แม่ผัวตัวร้ายในละคร กรงกรรม

เปลือยชีวิต เด็กไร้บ้าน เฟรช อริศรา เพชรแท้เจียระไนได้ด้วยตัวเอง

The post ทำไมอยากเฝ้าเก๊ะจนตัวสั่น! ชำแหละตัวตน พิไล ที่ในละครไม่ได้พูดถึง  appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ความรัก ความสำเร็จ ความมั่นคง ชื่อเสียง หรือแม้แต่การมีสุขภาพที่ดี…หากเราเอ่ยขึ้นมาว่าเป้าหมายในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งคืออะไรบ้าง และอะไรคือสิ่งที่พวกเธอเหล่านั้นต้องการมากที่สุดก็คงจะตอบเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งได้ยาก ทำไมเราต้องเลือก ในเมื่อเราสามารถได้ทุกอย่าง ด้วยพลังของผู้หญิงที่ไม่เป็นรองใคร เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ซึ่งครั้งนี้เราจึงอยากพาคุณผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับสาวเก่งในวงการกีฬา “คุณแนน” ชิดชนก ชิดชอบ ลูกสาวสุดรักของบุคคลที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี คุณเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเธอคนนี้จะมาบอกแก่พวกเราว่า “What woman want?” ในแบบของเธอคืออย่างไร

วัยเด็กหล่อหลอมให้เป็น “เรา” ในทุกวันนี้

บ้านแนนมีผู้ชายเยอะนะคะ ก็จะเล่นอะไรแบบผู้ชายตั้งแต่เด็ก พวกกระบี่กระบอง เวลาคนอื่น ๆ เล่นต่อสู้เราก็จะขอเล่นเป็นพยาบาลด้วย คือเป็นคนห้าว ๆ ลุย ๆ มาตลอด พ่อแม่มีส่วนสำคัญมากทีเดียวค่ะ คือพวกท่านจะไม่ได้ขีดเส้นว่าต้องทำหรือไม่ทำอะไร ทำให้แนนได้ลองทำอะไรที่ชอบหลายอย่าง อย่างงาน Art ก็ถนัดมาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่ถนัดสื่อสารในรูปแบบ Visual เลยมักจะสื่อออกมาเป็นภาพที่เห็นได้ดีกว่าข้อมูล วัยรุ่นก็ชอบแต่งตัวแบบฟรีสไตล์ค่ะ เหมือนเป็นการแสดงออกความเป็นตัวเองออกมาในแบบที่สายตามองเห็นนั่นเอง

“ถนัดสื่อสารในรูปแบบ Visual เลยมักจะสื่อออกมา
เป็นภาพที่เห็นได้ดีกว่าข้อมูล”

เลือกเรียนศิลปะที่ไม่มีใครในบ้านคาดหวังมาก่อน

คือถึงพ่อแม่จะไม่ได้กำหนด แต่ว่าท่านก็จะมีความกังวลค่ะว่าถ้าเรามาสายศิลปะเราจะทำงานอะไร มันก็เป็นส่วนที่แนนต้องพิสูจน์ตัวเองนะ ก็ต้องพยายาม และมีความตั้งใจในสิ่งที่เราทำ ที่สำคัญต้องจริงจัง พ่อท่านเริ่มเห็นแบบนี้ ประจวบเหมาะกับตอนนั้นที่บ้านเริ่มทำสโมสรฟุตบอล ก็เลยมีการส่งเสริมให้แนนมาทางสาย Interior design เราก็เลยแบบเจอกันครึ่งทาง เพราะมองว่าเราชอบงานศิลปะในแบบ 3D มากกว่า 2D อยู่แล้ว ก็มาเรียน Interior Design จาก Chelsea College of Arts กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ก้าวสู่ชีวิตการทำงาน

มันมีความต่างจากสิ่งที่แนนเคยชินค่ะ คืองาน Art พอมาพบงานบริหารที่เป็นเรื่องของ Business เป็นอะไรที่แนนต้องเรียนรู้เพิ่มนะ ซึ่งปัจจุบันแนนดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าที่ระลึกสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็จะมีทีมด้วย ย้อนกลับไปเมื่ออายุ 23 คือเป็นช่วงที่เริ่มทำงาน มาเจอความรับผิดชอบที่เกินอายุ ต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายที่สูงมาก คือเป็นตัวเลขแบบพูดไม่ออกเลย สามร้อยล้าน (หัวเราะ) เราต้องมองให้ออกว่าอะไรคือจุดด้อยและจุดแข็งของตัวเอง และต้องพัฒนาทีม อะไรที่มีคนเก่งกว่า เราก็ต้องยอมรับในตัวลูกทีม ช่วยกัน และก้าวไปด้วยกัน นี่คือสิ่งที่แนนได้เรียนรู้จากการทำงานค่ะ

“โชคดีที่เป็นคนตื่นเช้า ทำให้มีเวลาทำอะไรได้มากและก่อนคนอื่นๆ”

ความกดดันจากความเป็นผู้หญิงในวงการฟุตบอล

ไม่เคยเอาเรื่องนั้นมาใส่ใจเลยค่ะ ชินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เพราะลักษณะงานของแนนนะ มันไม่ได้อาศัยอะไรที่เป็น Physical อยู่แล้วตั้งแต่แรก ถ้ามีคนสบประมาทเรา อยากจะให้ลองมาทำงานของเราสักวัน (หัวเราะ) แนนชอบประโยคหนึ่งที่บอกว่า “Woman can do everything a man can while bleeding” ซึ่งแสดงถึงความสามารถของผู้หญิงชัดเจน คนเราทำได้ทุกอย่างถ้าเราตั้งใจจริง

“Woman can do everything a man can while bleeding”

วิธีก้าวข้ามอุปสรรคในแบบฉบับของตัวเอง

ชอบพาตัวเอง Escape ไปหาธรรมชาติค่ะ ชอบท่องเที่ยว เพราะเรารู้สึกว่าได้เห็นโลกในมุมต่าง ๆ ในแบบ Visual ที่เราชอบ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจที่ดีเลย

คิดอย่างไรกับการที่ผู้หญิงดูบอล

ฟุตบอลก็เป็นกีฬาประเภทหนึ่ง พ่อชอบพูดตลอดว่ามันคือ Sport entertainment และ Entertainment ไม่ควรแบ่งแยกหญิงหรือชาย

“What woman want?”

อิสระในการคิด การทำ การใช้ชีวิต…ไม่ควรไปจำกัดตัวเองไม่ให้ทำอะไร ผู้หญิงควรมีพื้นที่ให้แชร์ Idea แลกเปลี่ยนแนวคิดกัน เพราะบางครั้งความคิดที่ถูกปลูกฝังในสังคมแบบผู้ชายเป็นใหญ่มันกลายเป็นสิ่งจำกัดทำให้ผู้หญิงไม่กล้า

เป้าหมายในชีวิตตอนนี้

เป้าหมายด้านสุขภาพเรื่องใหญ่ค่ะ อาจจะเป็นด้วยวิธีการใช้ชีวิต เราจะทำตัวแบบสมัยยี่สิบต้น ๆ ไม่ได้แล้ว แบบเที่ยวดึกทำงานเช้า ชอบกินจั้งก์ฟู้ด รู้สึกว่าวัยนี้มันป่วยแบบปวดหลัง ปวดเอว รู้สึกได้ว่าเราไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ก็เลยพยายามคิดมากขึ้นในเรื่องสุขภาพ เลือกของที่มีประโยชน์มากินด้วย ก็หันมาสนใจอาหารเสริม โดยเฉพาะพวกคอลลาเจน คือแนนมองว่าสำคัญนะคะ ยิ่งถ้าเป็นพวกโอลีฟออยล์ด้วยก็เป็นพวกไขมันชนิดดี คือแนนเชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่อยากดูอ่อนกว่าวัยนะคะ ถ้ามีตัวช่วยที่ช่วยในเรื่องพวกนี้ได้เราก็จะเลือกเลย ถ้ามีคนมาชมว่าแนนหน้าเด็กคือลอยมากเลยนะ รู้สึกชนะ! (หัวเราะ)

สไตล์นี้แหละที่เป็น “แนน”

ชอบอะไรที่ฟรีสไตล์ค่ะ ช่วงนี้ถ้าเป็นเรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกายจะแต่งแบบสตรีทค่อนข้างเยอะ อย่างช่วงนี้ใส่กางเกงบ่อย มันได้ Active สวมรองเท้าผ้าใบ ชอบพวกเสื้อคลุมซื้อเก็บสะสมไว้เยอะ ไปเที่ยวไหนก็ซื้อ เวลามาทำงานก็จะแต่งตัวประมาณนี้แหละ อยู่กับอารมณ์ของเราด้วย

“การดำน้ำคืออีกหนึ่งการ Escape เพราะใต้น้ำมันเงียบสงบ
การมองเห็น การรับรู้มันต่างจากบนบก”

งานอดิเรกที่ชอบ

ชอบอยู่กับธรรมชาติ ตอนนี้เริ่มเลี้ยงผึ้งค่ะ เราเชื่อว่าผึ้งเป็นส่วนสำคัญของ Eco system ถ้าไม่มีผึ้งโลกนี้จะค่อย ๆ ตาย เราเลยสร้างบ้านให้ผึ้งเลย (หัวเราะ) จริง ๆ แนวคิดนี้เกิดมาจากที่เราชอบปลูกต้นไม้ ปลูกกล้วยไม้ ชอบไปซื้อมาจากชายแดนที่กาญจนบุรี แล้วก็พวกกิจกรรมในน้ำ แนนเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำให้โรงเรียนตอนเด็ก ๆ ด้วย การดำน้ำคืออีกหนึ่งการ Escape เพราะใต้น้ำมันเงียบสงบ การมองเห็น การรับรู้มันต่างจากบนบก

เคล็ดลับการดูแลตัวเอง

ออกกำลังกายค่ะ ต่อยมวย

Must have items

ครีมกันแดด, พวก Device เช่น แล็ปท็อป มือถือ และสุดท้ายคือที่ปัดคิ้วค่ะ รู้สึกว่าคิ้วคือจุดขายของตัวเอง (หัวเราะ)

ฝากข้อคิดถึงสาว ๆ

Everyday a new day ความแน่นอนต่าง ๆ ในชีวิตมันไม่มีอะไรที่แน่นอนนะคะ ดังนั้นอย่างไปกลัว อยากทำอะไรก็ให้ตัดสินใจทำค่ะ

นับเป็นอีกหนึ่งมุมมองที่ช่วยชาร์ตพลังใจให้กับผู้หญิงยุคใหม่ ซึ่งความจริงแล้วสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ “What woman want?” ไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของพวกเราทุกคนเลยค่ะ อย่างที่คุณแนนได้ร่วมแชร์ประสบการณ์กับพวกเราแบบนี้ สำหรับโปรเจ็คต์ดี ๆ จาก Blackmores ก็สะท้อนให้เราเห็นถึงเงื่อนไขของทุกความสำเร็จ ผู้หญิงสามารถทำได้ทุกอย่างด้วยร่างกายที่พร้อมต่อทุกสถานการณ์…มาเริ่มต้นวันใหม่ให้ดีขึ้นกว่าทุกวัน “Begin better every day” กันนะคะ…

The post เมื่อสาว ๆ อยากบอก แท้จริงผู้หญิงต้องการอะไร “What woman want?” appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

คนในยุคนี้ต่างรู้ดีว่ายาเสพติดเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทว่ากลับยังมีหลายคนที่ตกเป็นทาสมัน และไม่น่าเชื่อว่าคนๆ นั้นจะคืออดีตสมาชิกไอดอลระดับตำนาน ปาร์คยูชอน 

วงการ K-POP ไอดอลของเกาหลียังคงมีเรื่องให้ช็อคกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีประเด็นร้อนระอุอีกครั้งเมื่อมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบสารเสพติดประเภท Philopon จำพวกยาบ้าและยาอี ที่บริเวณขนขาของพระเอกหนุ่มคนดังจากซีรีส์ “Sungkyunkwan Scandal บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น” ปาร์คยูชอน (Park Yoo Chun) ภายหลังก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนางสาว “ฮวางฮานา” ซึ่งเธอได้ซัดทอดว่าอดีตแฟนหนุ่มดีกรีดาราดัง เป็นคนชักชวนให้ใช้ยาเสพติด โดยเหตุการณ์ล่าสุด ดูจะทำให้อนาคตในวงการบันเทิงต้องมืดบอดสนิท ทั้งๆ เมื่อปีที่แล้ว เพิ่งจะพ้นข้อกล่าวหาการบังคับขืนใจ

รายงานจากสำนักข่าวเกาหลีใต้ระบุว่าในวันที่ 16 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านของดาราหนุ่ม นอกจากนั้นยังมีการส่งเส้นผมให้กับทางสำนักงานบริการนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งผลออกมาเป็นลบ กระทั่งในวันที่ 19 เม.ย. มีการเจ้าไปตรวจสอบอีกครั้งและได้ขอตัวอย่าง เส้นผมและขนไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเขาเพิ่งจะโกนขนส่วนใหญ่ออกไป แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถเก็บตัวอย่างจากขนขาได้ ล่าสุดมีการเผยการตรวจสอบในครั้งนี้ ซึ่งปรากฏว่าพบสารเสพติดประเภท Philopon จำพวกยาบ้าและยาอี โดยในวันที่ 25 เม.ย. จะมีการออกหมายจับดาราหนุ่ม

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดต้นสังกัด C-JeS Entertainment ก็ได้ออกมาประกาศตัดขาดกับดาราหนุ่มคนดังด้วยการยกเลิกสัญญา โดยแถลงการณ์ระบุว่า ที่ผ่านมาทางต้นสังกัดเชื่อใจมาตลอด แต่ผลที่ออกมาทำให้รู้สึกผิดหวังจนไม่สามารถเชื่อใจกันได้อีก ทางต้นสังกัดจึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการ

สำหรับ “มิกกี้ ยูชอน” ในแง่มุมของนักแสดงและศิลปินถือเป็นคนบันเทิงที่มีคุณภาพมากๆ เขาเริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการประกวดร้องเพลง กระทั่งในปี 2003 จึงได้เข้าเป็นเด็กฝึกในสังกัดใหญ่ เขาใช้เวลาฝึกฝนประมาณ 6 เดือน จากนั้นได้เปิดตัวในฐานะ 1 ในสมาชิกบอยแบนด์ “TVXQ” (เทพเจ้าแห่งโลกตะวันออก) ศิลปินวงแรกๆ ที่ปลุกกระแส K-POP จนมีแฟนคลับทั้งในและนอกประเทศเป็นจำนวนมาก และแม้ว่าหนุ่มคนนี้จะออกจากสังกัดเดิมและมาตั้งวงใหม่ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คนในนาม “JYJ” แต่แฟนคลับก็ยังรักและเชียร์พวกเขาอย่างเหนียวแน่น และพวกเขายังเคยรับหน้าที่ระดับชาติเป็นทูตในการแข่งขัน “อินชอนเอเชียนเกมส์ 2014”

ไม่เพียงแค่ในฐานะศิลปินเท่านั้น แต่ “มิกกี้ ยูชอน”ยังโด่งดังในฐานะนักแสดง ทั้งยังได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากหลากหลายเวทีคุณภาพ โดยผลงานที่สร้างชื่อได้แก่ “Sungkyunkwan Scandal บัณฑิตหน้าใส หัวใจว้าวุ่น” , “Rooftop Prince ตามหาหัวใจเจ้าชายหลงยุค”,  “Miss Ripley เล่ห์รักลวงหลอก”, “Missing You รักสุดใจ”, “The Girl Who Sees Smells สืบรักจากกลิ่น” ฯลฯ

The post เขย่าวงการอีกรอบ พระเอกซีรีส์บัณฑิตหน้าใสฯ ปาร์คยูชอน ถูกจับเสพยาบ้า appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ซูเปอร์สตาร์สาวแดนมังกร ฟ่านปิงปิง ปรากฏในงานพรมแดงครั้งแรกหลังจากที่นักแสดงสาวหายหน้าไปนาน 1 ปี เต็ม จากข่าวฉาวหลีกเลี่ยงภาษี

จากคดีหลีกเลี่ยงภาษีเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ชีวิตของนางเอกซูปเปอร์สตาร์ ฟ่านปิงปิง พังไม่เป็นท่า ล่าสุดดาราสาวเริ่มปูทางกลับมาสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง โดยเมื่อไม่นานมานี้ เธอได้ปรากฏตัวบนพรมแดงเป็นครั้งแรก ในงานฉลองครบรอบ 9 ปี ของ อ้ายฉีอี้ (iQiyi) หนึ่งในเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และหนึ่งในสามมีเดียแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในแดนมังกร แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน ซึ่งสื่อท้องถิ่นคาดการณ์ว่าการปรากฏตัวในครั้งนี้น่าจะเป็นการทดสอบใจของประชาชนว่าเธอที่จะเปิดโอกาสให้เธอกลับมาหรือเปล่า

สิ่งหนึ่งสิ่งที่สะดุดตานอกจากการปรากฏตัวครั้งแรกของเธอก็คือแฟชั่นสีสันสดใสของแบรนด์ Alexander McQueen คอลเลคชั่นก่อนฤดูใบไม้ร่วง 2019 พร้อมถือกระเป๋าถือของ Louis Vuitton คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน 2019 และสวมเครื่องประดับอัญมณีของ De Beers โดยเธอได้ลงภาพพร้อมกับแท็กสปอนเซอร์ต่างๆซึ่งน่าจะเป็นการยืนยันได้ว่าแวดวงแฟชั่นยังคงสนับสนุนเธอเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่า นางเอกสาวคนดังจะกลับมาถ่ายภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด 355 ร่วมกับนักแสดงและทีมผู้สร้างชุดเดิม เวลาการถ่ายทำจะยาวไปถึงปี 2021 ส่วนจะออกมาให้ติดตามชมกันเมื่อไหร่นั้นคงต้องติดตามกันต่อไป

สามารถอ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Fan Bingbing ได้ที่นี่

ทวงความยุติธรรม! Fan Bingbing  ต่อสู้พลิกคดีหลังหย่าสามีใน I Am Not Madame Bovary

ส่องให้แสบตาเล่น แหวนเพชรแต่งงานของซุป’ตาร์จีน โคตรอัญมณีใหญ่กระแทกตา

อื้อหื้อแซบ! ว่าที่สามี Fan Bingbing ซิกแพคเกินห้ามใจ

ออร่าพุ่ง! ส่องเมคอัพลุคของ Fan Bingbing ประชันศึกพรมแดงคานส์ 2018 วันแรก

คนรวย 2017 Fan Bingbing และ น้องชาย ถูกสั่งห้ามออกนอกประเทศ

กระแสสังคมในจีนเรียกร้องให้มีการแบนงาน นางเอกซูเปอร์สตาร์ Fan Bingbing

ไขรายได้แต่ละปีของ “Fan Bingbing” นักแสดงหญิงที่รวยที่สุดในเอเชีย

ไขรายได้แต่ละปีของ “Fan Bingbing” นักแสดงหญิงที่รวยที่สุดในเอเชีย

เปิดเผยผลสำรวจ “Fan Bingbing” 0% ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

โปร่งใสชัวร์ “ปอย” ตรีชฎา ย้ำทำถูกต้อง ไม่มีทางเจอคดีเลี่ยงภาษีแบบ Fan Bingbing 

ตัดสินโทษ Fan Bingbing สั่งปรับภาษีย้อนหลังจำนวน 4,200 ล้านบาท

อุปสรรคพิสูจน์รักแท้ คู่หมั้น ตัดสินใจขายบ้านและที่ดินช่วยคู่หมั้น Fan Bingbing

หล่อละมุนระดับพรีเมี่ยม “ฟ่านเฉิงเฉิง” น้องชายร่วมสายเลือดของ Fan Bingbing

ปรากฏตัวครั้งเดียวสะเทือนไปทั้งโซเชียล Fan Bingbing โผล่ที่สนามบินปักกิ่ง

The post Queen Is Back ฟ่านปิงปิง ลุยพรมแดงครั้งแรก ยังอู้ฟู่ไปด้วยไฮแบรนด์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ความรักสุกงอม คู่รักต่างวัย 16 ปี “จิ๊บ-วสุ” ทำเซอไพร้ส์คุกเข่าขอ จ๊ะจ๋า ดาราสาวรุ่นน้อง แต่งงานที่ทิเบต ดินแดนแห่งหลังคาโลก

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาคู่รักต่างวัย “จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว” วัย 51 ปี และ “ จ๊ะจ๋า – พริมรตา เดชอุดม” วัย 35 ปี ได้ออกมาปฏิเสธข่าวเตรียมซุ่มวิวาห์อย่างหนักแน่นว่ายังไม่มีแพลน ทว่าล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 24 เมษายน 2562 ได้มีรายงานว่าทั้งคู่กำลังจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้ เนื่องจากทริปกระชับรักที่ทิเบตนักร้องรุ่นใหญ่ได้ทำเซอไพร้ส์คุกเข่าขอนักแสดงสาวรุ่นน้องแต่งงานที่ Tibetan Plateau  ซึ่งก็ทำให้ดาราถึงกับดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และเธอได้ประกาศเรื่องน่ายินดีนี้ผ่านทางอินสตาแกรม

ทั้งนี้ภายหลังจากที่เธอโพสต์ก็มีเพื่อนทั้งในและนอกวงการ รวมถึงแฟนคลับเข้ามาคอมเม้นต์แสดงความยินดีมากมาย ส่วนฤกษ์ดีจะเป็นเมื่อไหร่นั้นคงต้องรอเธอกลับเมืองไทยมาก่อนนะจ๊ะ

สำหรับคู่รักต่างวัยคู่นี้คบหาดูใจกันมา 3 ปีแล้ว โดยฝ่ายชายเคยผ่านการสมรสมาก่อนกับ “นิชา หิรัญบูรณะ” ก่อนจะหย่าขาดกันไปเมื่อปี 2549 ทั้งนี้จิ๊บวสุยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าถึงจ๊ะจ๋าคนรักของเขาด้วยว่า ประทับใจเธอตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก แม้เรื่องอายุจะแตกต่างกันมากแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา โดยนักร้องรุ่นใหญ่ยังยอมรับอีกว่าการที่จะคบหับคนที่อายุต่างกัน ต้องเปิดใจยอมรับสิ่งที่แต่ละคนเป็นให้ได้ เรื่องเลิกกันจ๊ะจ๋าพูดบ่อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงเซย์กู๊ดบายไปแล้ว แต่ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่าอะไรเป็นอย่างไรเมื่อคนที่เป็นคนรักหากพูดผิดใจกันให้นับหนึ่งต่อไปเรื่อยๆ แล้วไม่ต้องพูดอะไรอีก แล้วทุกอย่างจะดีเอง

ภาพจาก : @jaja_primrata

The post หวานสะท้านหลังคาโลก “จิ๊บ-วสุ” ทำเซอไพร้ส์คุกเข่าขอ จ๊ะจ๋า แต่งงาน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.