ก่อนหน้านี้คู่รักสุดหวานชื่น ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช และ นาตาลี เจียรวนนท์ ได้ออกมาประกาศข่าวดีว่า พวกเขากำลังจะมีทายาทคนแรกด้วยกัน ซึ่งสร้างความตื่นเต้นยินดีปรีดาให้กับเพื่อนๆ และคนใกล้ชิดเป็นอย่างมาก  โดยเมื่อไม่นานมานี้คู่รักได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยละเอียด ผ่านทางคลิปวิดีโอในช่องออนไลน์ที่ชื่อว่า “Flukelee” น้องอชิ น้ำตาคลอ

โดยทั้งคู่ได้เล่าว่าหลังจากที่ตรวจครรภ์ด้วยตัวเองและรู้ว่าท้อง ก็ได้ไปปรึกษาแพทย์ ซึ่งคุณหมอบอกว่ายังไม่ต้องรีบมา รอให้ครบ 8 สัปดาห์ก่อน เพราะในระหว่างนี้สามารถครรภ์หลุดได้ง่ายมาก อีกทั้งถ้ามาในระยะนั้นก็จะสามารถอัลตร้าซาวด์ดูหัวใจทารกได้ด้วย ซึ่งจากคำพูดของหมอทำให้นาตาลีพยายามปรับอารมณ์ไม่ให้ดีใจจนเกินไป เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาตนกลัวว่าจะผิดหวังมาก ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีจนครบกำหนดละได้เดินทางไปตรวจครรภ์อย่างจริงจัง ซึ่งหลังจากที่เธอได้เห็นภาพของทารกก็รู้สึกขึ้นมาฉับพลันเลยว่าท้องจริงๆ แล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มที่จะดูแลตัวเองในทุกๆ ด้านอย่างดี

ฟลุค-เกริกพล & นาตาลี เล่าโมเม้นต์ น้องอชิ น้ำตาคลอ ดีใจที่จะได้เป็นพี่ชาย

หลังจากคุณหมอคอนเฟิร์มเรื่องตั้งท้อง นาตาลีและหนุ่มฟลุคจึงได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับครอบครัว ซึ่งทุกๆ คนดูดีใจและตื่นเต้นมาก เพราะแต่ละครอบครัวก็อยากมีหลานเพิ่มมาตั้งนานแล้ว ทั้งฟลุคได้เล่าถึงโมเม้นต์ตอนที่ไปบอกเรื่องนี้กับลูกชาย “อชิ-อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช” ถึงข่าวดีที่เกิดขึ้น ฟลุคเล่าว่าลูกชายของเขาเมื่อทราบข่าวก็ตื่นเต้นจนน้ำตาคลอ ฟลุคยังเสริมว่าที่ผ่านมาลูกชายของเขารอที่จะมีน้องมา 18 ปี เมื่อพ่อมีน้องก็รู้สึกดีใจมากๆ

ที่ผ่านมาการตั้งครรภ์ในช่วงแรกนาตาลีไม่มีอาการแพ้ท้อง เธอยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายหรือกระทบกระเทือนเท่านั้น เนื่องจากเธออายุไม่น้อยแล้ว ทำให้ต้องระวังในช่วงแรกมากๆ 3 เดือนแรก เธอห่างหายจากการออกกำลังกายที่เคยทำประจำไปเลย แต่หลังจากนี้ครรภ์แข็งแรงขึ้น เธอก็จะกลับมาออกกำลังกายเหมือนเดิม

ทั้งนี้สำหรับทายาทคนแรกที่ทั้งคู่อยากได้นั้นคิดเห็นตรงกันว่าอยากได้เป็นผู้หญิง นาตาลีให้เหตุผลว่าเพราะเด็กผู้หญิงน่ารักและตนก็อยากจับลูกแต่งตัว ในขณะที่ฟลุคเองก็บอกว่าเขายังไม่เคยมีลูกผู้หญิงมาก่อน ก็เลยอยากรู้ว่าการเลี้ยงลูกผู้หญิงจะเป็นแบบไหน เขาอาจจะมีประสบการ์ณใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลี้ยงลูกชาย แต่อย่างไรก็ดีถึงแม้ทายาทคนแรกจะเป็นผู้ชายพวกเขาก็ยังดีใจมากๆ อยู่ดี

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ยินดีกับว่าที่คุณแม่ป้ายแดง นาตาลี เจียรวนนท์ ตั้งท้องทายาทคนแรก

เปิดใจคู่ ‘นาตาลี-ฟลุค’ ไม่ง่ายกว่าจะมีวันนี้ พิสูจน์รัก 10 ปี ลบคำว่าคาสโนวาเกลี้ยง

ฟลุค & นาตาลี ตอกย้ำ ฉายา คู่รักนักเดินทาง ด้วยการ์ดแต่งงานแบบ PASSPORT

The post ฟลุค-เกริกพล & นาตาลี เล่าโมเม้นต์ น้องอชิ น้ำตาคลอ ดีใจที่จะได้เป็นพี่ชาย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

แบซูจี นางเอกผู้ทรงเสน่ห์ กับการตกเป็นข่าวลือ 4 พระเอกตัวท็อป แห่งเกาหลี จากเคมีที่ร้อนแรงในซีรีส์ จะมีใครบ้าง และจริงๆ แล้วเธอออกเดทกับใคร ไปดูกัน

นับตั้งแต่เปิดตัวสมาชิกวงไอดอล Miss A ในปี 2010 แบซูจีได้รับการยกย่องในเรื่องความงาม จนได้รับการขนานนามว่าเป็น รักแรกแห่งชาติ ด้วยบุคลิกที่น่ารักของเธอจึงไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่คนดังคนในวงการบันเทิงกาหลีใต้ยังเอ่ยปากชื่นชมเธอ ไม่ว่าจะเป็น อีจงซอก และ มินฮยอก BTOB ซึ่งพวกเขาต่างยกให้เธอเป็นผู้หญิงในอุดมคติ

แม้ตอนนี้ซูจีจะยังไม่ได้ออกเดทกับใคร แต่จากเคมีที่ตรงกันเหลือเกิน ก็เป็นสาเหตุที่เธอทำให้เธอตกเป็นข่าวลือกับนักแสดงชายที่เล่นด้วย

โดยเฉพาะตอนนี้อย่างเรื่อง Start Up ที่เธอเล่นคู่กับ นัมจูฮยอก ก็พาแฟนๆ จิ้นไปตามๆ กัน เหมือนดังเช่นซีรีส์เรื่องที่ผ่านๆ มาอย่าง Dream High และ Gu Family Book ที่เธอเล่นคู่กับคิมซูฮยอนและอีซึงกิ และจากทั้งหมดที่กล่าวมา เราไปดูกันว่า แบซูจี ตกเป็นข่าวกับใครบ้าง งานนี้มีทั้งข่าวลือ และเรื่องจริง!

แบซูจี นางเอกผู้ทรงเสน่ห์ กับ 4 พระเอกตัวท็อป แห่งเกาหลี ที่ตกเป็นข่าวลือด้วย

ลีมินโฮ

ลีมินโฮจัดว่าเป็นนักแสดงหนุ่มแถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ แม้เขาจะไม่เคยร่วมงานกับซูจีโดยตรง แต่เพราะความชื่นชอบในตัวเธอเป็นอย่างมาก ปฏิบัติการเข้าหาเธอจึงเริ่มขึ้น มีรายงานว่า มินโฮได้เบอร์ซูจีจากคนรู้จัก แม้เขาจะถูกปฏิเสธจากฝ่ายสาวหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะใจเธอได้

ในปี 2015 เว็บไซต์ข่าวของเกาหลี Dispatch ได้เปิดเผยภาพถ่ายของทั้งคู่ ขณะอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษพร้อมกับรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าหลังจากถ่ายแฟชั่นในปารีสมินโฮก็เดินทางไปลอนดอนเพื่อใช้เวลา 3 กับซูจี ซึ่งในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ออกมายืนยันความสัมพันธ์กับแฟนๆ ว่ากำลังคบหาดูใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว จนในช่วงประมาณสิ้นปี 2017 มินโฮ และซูจีก็ได้ออกมาประกาศว่าเลิกกันแล้ว เนื่องจากตารางงานทำให้ไม่ค่อยเจอกัน

อีดงอุค

ในเดือนมีนาคม ปี 2018 ซูจีและอีดงอุคได้ออกมาประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อหน้าสาธารณะ โดยเว็บไซต์เกาหลีอย่าง Koreaboo เผยว่า เอเจนซี่ของซูจีและดงอุคได้รีบออกมายืนยันข่าวว่า ทั้งคู่เพิ่งจะเริ่มออกเดทกัน แต่นั่นเป็นเพราะมีภาพหลุดจากปาปารัสซี่ที่ถ่ายรูปของพวกเขาได้

หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ออกมาประกาศว่าเลิกรากันแล้ว หลังคบกันได้เพียง 4 เดือน โดยทาง JYP ต้นสังกัดของซูจีได้ออกมารายงานว่า เป็นเพราะตารางงานที่ยุ่งมากจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่เลิกกัน งานนี้ชาวเน็ตถึงกับออกมาตั้งฉายาให้กับซูจีว่าเธอเป็น “serial-dater” และ “ Taylor Swift ของเกาหลีใต้” ซึ่งฉายานี้มาจากการที่เธอเลิกรากับผู้ชายสองคนภายในเวลาไม่ถึงปี อย่างไรก็ตามแฟนๆ ของซูจีก็ได้รีบออกมาปกป้องเธออย่างรวดเร็ว

คิมซูฮยอน

ข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคิมซูฮยอน นักแสดงที่มีค่าตัวสูงที่สุดของเกาหลีใต้ และซูจี เริ่มต้นขึ้นสองปีหลังจากที่ทั้งคู่ร่วมแสดงซีรีส์เรื่อง Dream High ปี 2011 แฟนๆ ตั้งข้อสังเกตว่าเคมีที่เข้ากันได้ดีของทั้งคู่ในการเล่นเป็นคู่รัก รวมถึงซูจียังปรากฏตัวในโปรเจ็กต์อื่นๆ เช่น My Love From the Star และ Real จนกระทั่งในเดือนมิถุนายน 2013 ในระหว่างการโปรโมตละคร  Gu Family Book ซูจีชี้แจงว่าเธอและคิมซูฮยอนไม่ได้คบกัน แต่เป็นแค่เพื่อนที่ติดต่อกันเป็นครั้งคราว

อีซึงกิ

Gu Family Book ยังทำให้เกิดข่าวลือว่าซูจีมีความสัมพันธ์กับนักแสดงร่วมอย่าง อีซึงกิ เช่นเดียวกับคิมซูฮยอน อาจเป็นเพราะแฟนๆ ชอบเคมีระหว่างทั้งสอง ซึ่งพวกเขาสังเกตด้วยว่าโดยปกติแล้วอีซึงกิไม่ได้ใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานหญิงของเขา แต่เขาได้สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับซูจี

ทั้งนี้ Hook Entertainment ต้นสังกัดของซึงกิออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว โดยระบุว่าเขาและซูจีเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน หลังจากนั้นไม่นานซึงกิก็ได้ออกมายืนยันความสัมพันธ์ของเขากับอิมยุนอา Girls ‘Generation หรือที่รู้จักกันดีในชื่อยุนอา ในรายการทอล์กโชว์ Healing Camp ยุนอาได้กล่าวว่า เธอไม่ได้เก็บงำความหึงหวงหรือความไม่รู้สึกไม่ดีต่อซูจีตามข่าวลือที่ออกมา ทั้งนี้ในปี 2019 ซูจี และซึงกิก็ได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งในซีรีส์เกาหลีเรื่อง Vagabond

CR : scmp

6 เรื่องรู้จัก นางเอกเกาหลี Bae Suzy ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีดีแค่แฟนหล่อ

ตามส่องคนสวย 5 ไอดอลหญิงเกาหลีรวยที่สุดในวงการ K-POP

เห็นหน้ากดไลค์ เห็นหุ่นกดเลิฟ “ซูจี” สวยครบสูตรทั้งรูปร่างและผิวดีออร่าจับ

The post แบซูจี นางเอกผู้ทรงเสน่ห์ กับ 4 พระเอกตัวท็อป แห่งเกาหลี ที่ตกเป็นข่าวลือด้วย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ชมตั้งแต่ยังไม่เริ่มฉายกระทั่งลาจอไปก็ยังเป็นที่พูดถึงไม่ขาดสายสำหรับละครเรื่อง ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ ผลงานการแสดงชิ้นล่าสุดของนางเอกดราม่าควีน “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” กับนักแสดงหนุ่มากความสามารถ “ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร” โดยผลงานในครั้งนี้นอกจากจะสร้างเซอร์ไพร้ส์ในการกลับมารับงานแสดงในรอบ 8 ปีของเธอ ให้แฟนคลับได้หายคิดถึงแล้ว เรายังได้เห็นการก้าวข้ามข้อจำกัดหลายอย่างของเธอด้วย

บทสัมภาษณ์ของดราม่าควีน “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ”

การกลับมาเล่นละครอีกครั้ง หลังจากห่างหายจากการแสดงไปนานถึง 8 ปี

“ตอนนั้นแอฟตั้งใจที่จะพักงานเพราะว่าจะได้ไปมีชีวิตส่วนตัว หมายถึงว่า แต่งงาน มีครอบครัว มีลูก  แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เลยเถิดมาถึง 8 ปี ตอนนั้นคิดว่าจะพักเบรคแป๊บหนึ่ง เพื่อจะไปดูแลชีวิตคู่และลูก แต่เวลาหยุดงานไปมันแป๊บเดียวเองค่ะ รู้ตัวอีกที เวลาก็ 8 ปีแล้ว รู้สึกว่ามันเร็วมากกๆ เลย เราไม่ได้ตั้งใจจะให้มันนานขนาดนี้ ตอนนั้นมองไว้ว่าจะหยุดงานแค่ 2-3 ปีเท่านั้น

จริงๆ แอฟตัดสินใจที่จะกลับมารับละครตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่เริ่มคุยกับผู้ใหญ่หลายๆ ช่อง และมีหลายโปรเจ็กต์ที่เกือบจะทำหรือตกลงกันได้ แต่สุดท้ายยังไม่มีที่รู้สึกว่าตรงใจ แล้วพอยังไม่ตรงใจ แอฟก็ยังไม่กล้ารับเล่น เพราะกลัวจะรับผิดชอบได้ไม่เต็มที่ และเรายังไม่ได้แฮ็ปปี้กับบทจริงๆ ก็เลยไม่อยากรีบ คิดว่าถ้าไหนๆ เราต้องแบ่งเวลาจากตรงนี้ จากลูก เราก็อยากทำให้มั่นใจว่าเรามีความสุขกับการทำงานเพราะแอฟไม่กล้าคาดหวังเลยว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง

มันไม่กล้าจริงๆ นะคะ คนไม่อยู่ตรงนี้คงไม่รู้หรอกว่าการที่เราหยุดงานไปนานมันก็มีความเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน แอฟไม่ได้พูดเฉพาะในฐานะนักแสดงนะคะ ต่อให้เป็นสายอาชีพอื่น เราหายไป 8 ปี มันก็รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมงานจะยอมรับหรือเปล่า ผู้ใหญ่จะยังให้โอกาสในการทำงานหรือเปล่า แฟนคลับหรือคนที่เคยดูละครเรา จะเปิดรับไหม จะเชื่อเราเหมือนเดิมไหม และเขาจะยังชอบวิธีการแสดงของเราอยู่หรือเปล่า เวลาที่ผ่านมามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จนไม่รู้ว่าเราจะปรับได้หรือเปล่า มันเลยมีเรื่องให้กังวลเยอะ

แต่สุดท้ายที่มาลงเอยที่นี่เพราะองค์ประกอบลงตัว ได้บทที่เราชอบ ได้ร่วมงานกับผู้กำกับอย่าง “สันต์ศรี หล่อแก้ว” ซึ่งเป็นผู้กำกับที่นักแสดงหลายๆ คนอยากจะร่วมงานด้วย นักแสดงร่วมที่เราอยากร่วมงาน และ ต้องขอบคุณ “พี่ป้อน-นิพนธ์ ผิวเณร” และ “คุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ที่ให้โอกาสรวมถึงก่อนหน้านี้ก็มีผู้ใหญ่อีกหลายๆ ท่านที่ให้โอกาสกับแอฟ และยังเชื่อมั่น แอฟบอกไว้ตรงนี้เลยว่าทุกท่านที่ติดต่อมา ถือเป็นผู้มีพระคุณ ต่อแอฟมากๆ

และต่อให้เราไม่ได้จบด้วยการทำงานร่วมกันแค่สำหรับแอฟ ทุกๆ คนคือผู้มีพระคุณทั้งหมด เวลาที่เราหายไปนานๆ ไม่ใช่ทุกคนที่จะให้โอกาสเรา ไม่ใช่ทุกคนที่จะวางใจว่า คนนี้หายไปนานมากเขาจะยังทำได้ หรือเขาจะยอมเสี่ยวงโปรเจ็กต์ขอวงเขากับเราซึ่งไม่รู้ว่าจะยังได้รับการตอบรับอยู่หรือเปล่า แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่ให้โอกาส”

อยากหนีจากบทดราม่าชีวิตครอบครัว ชีวิตคู่ที่มันมีปัญหา

โดยเฉพาะบทที่เราอยากจะเล่น แอฟกับ “พี่ป้อน-นิพนธ์ ผิวเณร” เป็นรุ่นพี่-รุ่นน้องกันที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เลยจะพูดกันตรงๆ พี่ป้อนเป็นคนที่น่ารักมาก เขาจะไม่ได้มองว่าเราเหมาะกับโปรเจ็กต์เขาหรือเปล่าแต่เขาให้แง่คิดและพยายามให้เรามองในมุมมองที่เรามองตัวเองในอาชีพนี้ด้วย คือเขาจะไม่ได้บอกว่าเราเหมาะกับงานไหนของเขา แต่จะถามเราว่าเรามองเห็นตัวเองเป็นอย่างไรในอาชีพนี้ อยากจะทำระยะสั้นหรือระยะยาว คราวนี้ต้องการอะไร อยากทำเงิน อยากได้รางวัล หรืออยากเอากระแส คือขอให้เปิดใจและพูดตรงๆ เขาจะได้ตอบโจทย์เราได้ว่า เขามีโปรเจ็กต์ที่เหมาะกับเราไหม เราต้องการอะไรและมันสัมพันธ์กันหรือเปล่า ก็คุยแบบเปิดใจกันไปเลย ซึ่งพี่ป้อนก็ฟีดแบ็คตรง พี่เขาเป็นคนที่ตรงมาก ตอนแรกแอฟก็ยังไม่ชินเหมือนกันกับวิถีแบบสมัยใหม่ พอเราเปิดใจคุยกันไปเลยสุดท้ายก็เจอกับโปรเจ็กต์ที่เราอยากเล่น “ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ”

ที่ผ่านมาแอฟก็เคยถูกทาบทามจากโปรเจ็กต์ของพี่ป้อนหลายเรื่องแต่รู้สึกว่ายังไม่อยากทำ ซึ่งพี่ป้อนก็ถามว่าแอฟอยากทำอะไร แอฟก็เลยบอกไปตรงๆ ว่าอยากทำเรื่องเกี่ยวกับความรัก ซึ่งพี่เขาค่อนข้างเซอร์ไพร้ส์ คือที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักจะให้บทดราม่าชีวิตครอบครัว ชีวิตคู่ที่มันมีปัญหากับแอฟ เพราะอาจจะเป็นเพราะชีวิตจริงของเรา เขาเลยคิดว่ามันอาจจะเชื่อมโยงกับคนดูได้ง่าย แต่แอฟอยากหนีทางนั้นไปเลยคือชีวิตจริงเราเจอมาหมดแล้ว เราไม่อยากกลับลงไปในความรู้สึกเดิมที่เราเคยรู้สึก รู้ว่าถ้าเราเล่นเราอาจจะเข้าความรู้สึกตัวละครง่าย เพราะเราเคยมีประสบการณ์ แต่เราไม่อยากจมอยู่กับตรงนั้นแล้ว เราเลยอยากเปลี่ยนให้ไปทางอื่นไปเลย ซึ่งที่เลือกทางนี้จริงๆ ก็เสี่ยงเพราะอย่างที่บอกมันไม่มีจุดเชื่อมโยง โดยเฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องรักต่างวัยมันไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นพื้นฐานความจริงในชีวิตของแอฟเพราะฉะนั้นแอฟต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่หมด และสร้างความเชื่อให้กับตัวเอง เพื่อคนดูจะได้เชื่อด้วยว่า รักต่างวัย แต่จริงๆ มันไม่ได้ต่างขนาดนั้น มันสามารถเกิดขึ้นได้จริง อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ปาฏิหาริย์ที่เกิดจากความรัก ก็พยายามเชื่อมั่นกับตรงนั้น

สิ่งที่ชอบที่สุดในบทบาทของ “อรรพี”

“บทของ “อรรพี” ไม่มีอะไรเลยที่แอฟติดหรือรู้สึกขัดแย้ง ต้องยอมรับว่าทุกตัวละครที่เรารับบทมามันก็จะมีบางทีที่เราเห็นด้วยและเราไม่เห็นด้วยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับอรรพีไม่มีอะไรเลยที่แอฟรู้สึกว่าไม่เข้าใจเขาหรือไม่เชื่อในการตัดสินใจของเขามันทำให้แอฟเชื่อมาก มันเลยง่ายที่จะเข้าใจ เพียงแต่ว่าสิ่งที่แอฟต้องปรับเปลี่ยนก็คืออรรพีภายนอกเขาจะแข็งแรงกว่าแอฟ เขาจะสตรองกว่าแอฟ เขามีความเป็นผู้นำมากกว่าแอฟ เขาต้องดูแลกิจการ เป็นเจ้าของสายการบิน เป็นคนกระฉับกระเฉง มันเลยต้องทำให้ภายนอกแอฟต้องปรับตัวเยอะเหมือนกัน และพยายามเตือนตัวเอง”

ยอมเล่นจูบจริงครั้งแรกในชีวิต

“ (หัวเราะ) ใช่ค่ะ จริงๆ ก่อนหน้าฉากนี้อีก ที่จะต้องมีอะไรประมาณนี้ แต่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร คิดว่าแอฟไม่เคยเล่น และแอฟจะไม่เล่นจริง ตลอดมาในชีวิตการแสดงก็ไม่เคยเล่นจริงเลย  ย้อนกลับไปตอนแรกแอฟไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ตอนแรกที่เห็นบทก็เฉยๆ เพราะทุกเรื่องมันก็จะมีอะไรประมาณนี้อยู่แล้ว พออ่านบทเรื่องนี้ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเพราะเป็นเรื่องปกติที่เราจะใช้มุมกล้อง แอฟไม่ได้คิดถึงทางเลือกอื่นอยู่แล้ว

ก่อนหน้าที่จะเป็นฉากช่วยชีวิต แอฟก็ถ่ายฉากอื่นที่เป็นอะไรประมาณนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกติดปัญหาอะไร ก็แค่บอกกับพี่สันต์ว่า “ปกติใช้มุมกล้องค่ะ” ซึ่งพี่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของนักแสดง คือเอาที่นักแสดงสบายใจ ซึ่งถ้าตัดภาพไปก็จะลำบากที่ต่อ ที่ต้องใช้มุมกล้องยังไงให้เนียน ส่วนตัวแอฟมองเรื่องนี้ว่าธรรมดาเพราะที่ผ่านมาก็ใช้มุมกล้องมาตลอด แล้วมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาของการแสดงสำหรับแอฟ ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะใช้มุมกล้อง หรือผู้ชมดูแล้วไม่อินเพราะใช้มุมกล้องก็ไม่มี

แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าครั้งนี้เราจะก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดของตัวเอง คือมันด้วยหลายๆ อย่างแอฟว่าประสบการณ์ มุมมองชีวิต อายุ ต้องยอมรับว่ามีส่วน ถ้าเราเด็กกว่านี้เราก็อาจจะไม่อยากเล่นก็ได้ อีกอย่างหนึ่งคือ ช่วงหลังแอฟดูงานอื่นเยอะ แล้วก็คิดว่าทำไมฉากพวกนี้ถึงเล่นจริง ยอมรับว่ามันรู้สึกเข้าถึงและรู้สึกต่าง ก็เลยคิดว่าถ้าคนดูเขาดูเราแล้วรู้สึกเข้าถึงแบบนี้เหมือนกันมันก็คงจะดี แต่เท่านั้นมันก็ไม่พอให้เราตัดสินใจค่ะ

มันไม่ใช่แค่เราอยาก แต่ที่รู้สึกว่าเรากล้าตัดสินใจเพราะองค์ประกอบทั้งหมด บทมันมีเหตุและผลของมันที่ให้เราทำแบบนั้น บางฉากแอฟรู้สึกว่าคือถ้ามันแค่กุ๊กกิ๊กอยากเล่นก็เล่นได้ แต่ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นก็ไม่เล่นก็ได้  แต่สำหรับฉากนี้แอฟมองว่ามันเป็นความรักที่ลึกซึ้งกว่านั้น เพราะเขาเป็นสามีเรา สามีที่เรามีลูกด้วย แล้วเขากลับมา แต่!ไม่ใช่ว่าต่อไปนี้จะอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเล่นแล้วจะเล่นตลอดนะคะ”

ภาพจาก : IG @aff_taksaorn  ช่อง one31

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

การพัฒนาและเติบโตขึ้นอีกก้าวของนักแสดงหนุ่มที่ชื่อ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร

สลัดคราบสาวหวาน! ‘แอฟ-ทักษอร’ ปรับลุคสวยเท่ในละครเรื่องใหม่

ดาเมจความน่ารักเต็มร้อย! พาส่อง Couple fashion สไตล์สาวหวาน แม่แอฟ-น้องปีใหม่

The post “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” อยากหนีจากบทดราม่า ชีวิตคู่ที่มันมีปัญหา appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

จุดเริ่มต้นจากความชื่นชอบเพลง ภาพยนตร์ และศิลปิน ‘พาร์ค–ภาคภูมิ ศิลปโสภณ’ หรือ ‘พาร์ค พากย์นรก’ จึงเริ่มต้นทำเพจของตัวเองในเฟซบุ๊ก นำไปสู่การได้ใกล้ชิดศิลปินที่ชื่นชอบอย่าง ‘อารีอานา กรานเด’ ถึง 7 ครั้ง และต่อยอดกลายมาเป็นอาชีพหลักในปัจจุบันนี้ในวัย 27 ปี

ยอมเปย์…เพื่อศิลปินที่รัก

หากใครที่เป็นสายท่องเฟซบุ๊กน่าจะรู้จักเพจ ‘พาร์ค พากย์นรก’ ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงพากย์เสียงภาษาไทยให้ศิลปินต่างชาติแบบเป๊ะเว่อร์และฮามาก

“ตอนนี้งานหลักคือทำเพจ ‘พาร์ค พากย์นรก’ และ ‘Khun Park’s Diary’ ครับ แต่ต้องเล่าก่อนว่าจุดเริ่มต้นในการทำเพจมาจากการที่ผมชอบฟังเพลงสากล ชอบดูภาพยนตร์ และชอบทุกอย่างเกี่ยวกับฮอลลีวู้ด จึงเริ่มทำเพจ ‘พาร์ค พากย์นรก’ กับเพื่อนๆ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เป็นเพจที่ล้อเลียนศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ โดยการพากย์เสียง ตัดต่อให้ตรงกับปาก อย่างมารายห์ แคร์รี่, จินตหรา พูนลาภ, เทย์เลอร์ สวิฟต์ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนั้นมียอดผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน

“ผมทำเพจเก็บเงินมาเรื่อยๆ จนมีเงินก้อน และเรื่องที่หลายคนสงสัย ก็คือผมทำงานอะไร ทำไมถึงมีเงินไปดูคอนเสิร์ตได้มากมาย อย่างที่บอกว่าผมเริ่มทำเพจตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็จดทะเบียนเป็นบริษัทและรับทำงานเบื้องหลัง ทั้งตัดต่อวิดีโอและพากย์เสียง ซึ่งรวมพากย์เสียงภาษาไทยให้ศิลปินต่างประเทศและงานโฆษณาต่างๆ

“และอย่างที่บอกว่าผมชอบฟังเพลงสากล จึงมีความฝันที่อยากไปดูคอนเสิร์ตนักร้องที่ชอบสักครั้งในชีวิต ตอนนั้นจึงยอมเปย์แบบทุ่มหมดตัว เพื่อทำตามความฝัน (หัวเราะ) แต่ก็ยอมรับว่าด้วยความที่ยังเด็ก ไม่ได้คิดว่าต้องเก็บเงินไว้สำหรับอนาคต คิดแค่อยากทำตามความฝันให้ได้สักครั้ง

“อย่างการซื้อบัตรดูคอนเสิร์ตของอารีอานา กรานเด (Ariana Grande) เพราะเขาเป็นนักร้องที่ผมชอบที่สุด ทั้งความน่ารัก เพลง และมีความเป็นไปได้ที่จะจองตั๋วคอนเสิร์ตได้ โดยผมเริ่มจากเลือกเมืองที่มีความเป็นไปได้ก่อน เพราะถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์กหรือลอสแอนเจลิส โอกาสจะได้ดูยากมากครับ เปิดขายบัตรแค่นาทีเดียวก็ Sold Out เลย จึงเลือกเมืองที่อยู่ถัดออกไป จากนั้นก็เช็กรอบ เพราะเขามีเปิดขายบัตรหลายรอบ ทั้ง Pre Sale กับขายจริง และต้องเช็กเวลาให้ดี เพราะการซื้อตั๋วแบบนี้สำคัญที่สุดคือเรื่องเวลาครับ เนื่องจากเวลาของไทยกับอเมริกาไม่ตรงกัน บอกเลยว่าลุ้นมากๆ

“และพอกดซื้อได้ทันครั้งที่ 1 ผมเห็นว่ารอบการแสดงของเมืองที่อยู่ถัดไปยังว่างอยู่ จึงกดซื้อต่อกันไปเลย กลายเป็นว่าครั้งนั้นผมซื้อตั๋วคอนเสิร์ตไป 4 รอบ 4 เมือง ราคารอบละประมาณ 30,000 บาท เพราะเลือกโซนที่ดีที่สุด และได้เข้ามีตแอนด์กรี๊ดด้วย ซึ่งตอนนั้นอารีอานายังไม่ดังเท่าตอนนี้ เราก็คิดว่าถ้าวันหนึ่งเขาดัง เราอาจจะไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวเขาแบบนั้นแล้วนะ และไหนๆ ก็บินไปถึงอเมริกาแล้วก็เอาให้สุดไปเลย บวกกับไม่มีเวลาให้ตัดสินใจเท่าไรด้วย เพราะช่วงที่เปิดขายบัตร แป๊บเดียวก็หมด ฉะนั้นคิดนานไม่ได้ เดี๋ยวอด

“จากนั้นก็จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม แล้วก็เดินทางไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวครั้งแรก เพราะอย่างที่บอกว่าตอนกดซื้อตั๋ว ถ้าจะต้องรอเพื่อนอีก คิดว่าคงไม่ทันแน่ (หัวเราะ) แต่การที่เราไปคนเดียว ข้อดีคือทำให้ได้เพื่อนใหม่เยอะ ได้เจอคนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน คุยเรื่องเดียวกัน

‘พาร์ค–ภาคภูมิ ศิลปโสภณ’ หรือ ‘พาร์ค พากย์นรก’ แฟน (คลับ) ตัวจริงของ ‘อารีอานา กรานเด’ ยอมเปย์ 6 หลัก จนได้เจอแบบใกล้ชิด 7 ครั้ง

“จำได้ว่าตอนที่เจออารีอานาครั้งแรกทำตัวไม่ถูก เกร็งไปหมด คำพูดที่เตรียมไว้ก็นึกไม่ออก ท่าโพสที่เตรียมไปก็ลืมหมด รู้แต่ว่านี่แหละฝันเป็นจริงแล้ว ดีใจมากๆ แต่การที่ผมไปดูคอนเสิร์ตติดกันหลายๆ ครั้ง ก็ยังต้องใช้ความพยายามล้วนๆ นะครับ ไม่มีสิทธิพิเศษอะไร จะมีก็แต่สิทธิพิเศษส่วนตัวจากความน่ารักของศิลปิน อย่างครั้งที่ประทับใจมากๆ ก็คือตอนที่ไปดูคอนเสิร์ตอารีอานารอบที่ 4 ผมบอกเขาว่าวันนี้เป็นรอบสุดท้ายแล้วนะสำหรับทัวร์นี้ แล้วพอหมดเวลามีตแอนด์กรี๊ด ผมก็เดินออกจากห้อง เพื่อให้คนใหม่เดินเข้าไป แต่จู่ๆ อารีอานา ก็วิ่งออกมาจากห้อง เข้ามากอดผม แล้วบอกว่าขอบคุณมากๆ นะที่บินมาจากเมืองไทย มาดูคอนเสิร์ตหลายครั้งเลย ตอนนั้นผมช็อกมาก แบบโอ้…มายก๊อด เป็นความรู้สึกประทับใจ ดีใจ บรรยายไม่ถูกเลยครับ (ยิ้ม)

“และจากการดูคอนเสิร์ต 4 รอบในครั้งนั้น ผมได้เข้าไปถ่ายภาพกับอารีอานาอย่างใกล้ชิด ทั้งโอบ กอด แล้วพอรูปโพสต์ออกไปในเฟซบุ๊ก ทำให้คนดูเกิดความสนใจ และเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมทำเพจ ‘Khun Park’s Diary’ เพิ่ม เพื่อนำเสนอเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ประสบการณ์ดูคอนเสิร์ตแบบใกล้ชิดกับศิลปิน และท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ

“ซึ่งจากประสบการณ์ครั้งนั้น ผมตั้งเป้าของตัวเองไว้ว่าถ้ามีโอกาสก็อยากเจอศิลปินคนอื่นๆ อีก จึงตั้งใจทำงานเก็บเงิน มีคอนเสิร์ตอะไร ผมกดซื้อตั๋วไปดูหมดเลย (หัวเราะ) บัตรคอนเสิร์ตแพงที่สุดที่เคยซื้อก็คือ Britney Spears – Piece of Me Tour ที่ลาสเวกัส (มกราคม 2017) กับ Jennifer Lopez – All I Have ที่ลาสเวกัส ราคาเท่ากัน 2,000 ดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 6 หมื่นบาท

“และแน่นอนว่าศิลปินที่ผมไปดูคอนเสิร์ตมากที่สุดคืออารีอานา กรานเด ทั้งหมด 7 ครั้ง รวมๆ เฉพาะค่าบัตรแล้วก็ประมาณ 210,000 บาท แต่ผมไม่ได้ไปติดๆ กันนะ ไปตามกำลังทรัพย์และความสามารถในช่วงนั้นๆ ครับ (ยิ้ม) รองลงมาคือเจนนิเฟอร์ โลเปซ 2 ครั้ง เป็นคอนเสิร์ต 2 รอบ ที่ลาสเวกัสและมีตแอนด์กรี๊ด อีกครั้งเป็นบริทนีย์ สเปียร์ส และบียอนเซ่ ซึ่งคนนี้มิชชั่นผมยังไม่สำเร็จนะครับ เพราะยังไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปคู่ด้วยได้ ทำได้เพียงยืนอยู่หน้าเวทีและจับมือ เนื่องจากเขาไม่มีแพ็คเกจมีตแอนด์กรี๊ดรวมมาด้วย (หัวเราะ) ซึ่งศิลปินแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ บางคนก็มีให้แฟนๆ เข้าพบหลังเวทีได้ บางคนก็ไม่มี หรือบางคนตอนซื้อบอกว่ามี แต่จู่ๆ ก็ไม่มีซะอย่างนั้น”

ไม่มีคำว่า “ไร้สาระ” สำหรับความชอบ

หลายคนอาจมองว่าการจ่ายเงินเป็นแสนๆ เพื่อได้เจอศิลปินเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับพาร์ค เขามองว่าไม่มีความชอบใดเป็นเรื่องไร้สาระ

“การไปดูคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง ผมก็จะถือโอกาสเที่ยวและทำคอนเทนต์มาออนในเพจของตัวเองด้วย ซึ่งการเที่ยวของผมไม่ได้เลือกว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน แต่มาจากว่าเราไปดูคอนเสิร์ตที่เมืองไหน (หัวเราะ) แล้วค่อยดูว่าเมืองนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามช่วงฤดูกาลคอนเสิร์ต คือต้น กลาง และปลายปี ซึ่งแต่ละครั้งจะอยู่นาน 2-3 เดือน เพราะบางทีเขาจะมีทัวร์ตั้งแต่มิถุนายน-สิงหาคม เราก็ต้องเก็บให้คุ้ม ดูหลายๆ คอนเสิร์ตไปเลย ยอมรับว่าแต่ละครั้งที่ไปใช้เงินค่อนข้างเยอะ ทั้งค่าบัตร ค่าที่พัก การกินอยู่ต่างๆ แต่ระหว่างนั้นผมก็ทำงานผ่านออนไลน์ส่งกลับมาที่ไทยด้วย ไม่ได้ไปเที่ยวอย่างเดียว

“เมืองที่ผมชอบที่สุดคือลอสแอนเจลิส เพราะผมชอบฟังเพลง ชอบดูคอนเสิร์ต ชอบฮอลลีวู้ดและภาพยนตร์ อย่างเรื่อง ลาลาแลนด์ ดูกี่รอบก็น้ำตาไหล จึงทำให้ผมชอบเมืองนี้มากๆ ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ซึ่งถ้าไม่มีสถานการณ์โควิด-19 ผมจะไปปีละ 2-3 ครั้ง

“และเป็นเมืองที่มีเหตุการณ์ประทับใจมากมาย อย่างเหตุการณ์หนึ่งที่ประทับใจมาก ก็คือการได้ไปออกรายการที่ตัวเองฝันไว้ เนื่องจากผมชอบดูรายการโชว์ของต่างประเทศอย่าง The Late Late Show, Good Moring America และตอนอายุ 21 มีโอกาสไปแอลเอครั้งแรก และได้มีโอกาสเข้าไปชมการถ่ายทำรายการ The Late Late Show เนื่องจากเขาเปิดให้คนที่อยากเข้าไปชมสามารถลงทะเบียนทางเว็บไซต์ได้

“ระหว่างที่กำลังนั่งชม พิธีกรก็ถามว่ามีคนในห้องส่งที่มาจากต่างประเทศบ้างไหม ให้ออกมาหน่อย ซึ่งตอนนั้นผมขี้อายมาก ไม่กล้าแสดงออกเลย แต่ทีมงานก็ดึงตัวผมออกไปบนเวทีจนได้ ตื่นเต้นมากๆ ครับ เป็นครั้งแรกที่ได้ออกทีวี แถมเป็นรายการของอเมริกาและเป็นรายการที่ผมชอบอีก ผมเคยฝันไว้ว่าวันหนึ่งอยากมีโอกาสไปดูในห้องส่ง แล้วฝันก็เป็นจริงครับ (ยิ้ม)

“ผมรู้สึกว่าจากความชอบ ความรักที่เรามีต่อเพลง ต่อศิลปิน มีส่วนทำให้ผมได้เจอตัวเองและได้ทำงานที่รัก ซึ่งถ้าย้อนกลับไปก่อนเริ่มทำเพจ ผมขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกเลย ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเราจะเจอและได้ใกล้ชิดศิลปินที่ชื่นชอบแบบนี้ จนมาวันนี้ที่เราสามารถทำฝันเหล่านั้นให้เป็นจริงได้ รวมถึงส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ด้วย ผมรู้สึกว่านี่แหละคือความประทับใจ ยิ่งเวลามีน้องๆ ส่งข้อความมาบอกว่า ดูคลิปของเราแล้วทำให้เขาอยากตั้งใจเรียน เพื่อจะทำงานเก็บเงินบินไปเจอศิลปินที่เขาชอบบ้าง เวลาเห็นข้อความแบบนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกของเขาเลยนะ เพราะเราก็เคยเป็นแบบเด็กคนนั้นมาก่อน

“บางคนอาจมองว่าเรื่องเหล่านี้ไร้สาระ เอาเงินไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ตแพงๆ แต่ ผมกลับมองตรงข้าม ผมโตมากับเพลงในทุกช่วงชีวิต ไม่ว่าจะมีความสุข อกหัก เจอเรื่องอะไรมา เรามีเพลงและหนังเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยเยียวยาและเป็น ส่วนหนึ่งในชีวิตมาตลอด ผมจึงให้ความสำคัญกับเพลงและศิลปินมากๆ ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไป ถ้าไม่มีอารีอานา ผมก็คงไม่เดินทางมาถึงจุดนี้ได้ เพราะเราคงไม่กล้าบินไปดูคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศคนเดียวแน่ๆ คงไม่หลุดออกจากคอมฟอร์ตโซน ไม่ได้สัมผัสประสบการณ์ดีๆ แบบนี้อย่างแน่นอน

“และตอนนี้ผมกำลังเตรียมทำโปรเจ็กต์พิเศษ ซึ่งจริงๆ แพลนจะทำตั้งแต่ต้นปี แต่ติดสถานการณ์โควิดจึงต้องเลื่อนไปก่อน คือการทำฝันของน้องๆ ให้เป็นจริง สำหรับใครที่ฝันอยากไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชื่นชอบ โดยพาน้องๆ เดินทางไปกับผม เนื่องจากเราก็เคยเป็นเด็กที่อยากไปอยู่ตรงนั้น และตอนนี้เราสามารถทำได้แล้ว จึงอยากช่วยสานฝันของน้องๆ ให้เป็นจริงบ้าง”

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 963

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

ชีวิตวันวานของ สะใภ้ฮั่วเซ่งเฮง โอ๋-ภัคจีรา อยู่ห้องเช่าหลังคารั่ว

ฟลุค-เกริกพล & นาตาลี เล่าโมเม้นต์ น้องอชิ น้ำตาคลอ ดีใจที่จะได้เป็นพี่ชาย

6 เรื่องที่ทำให้รู้ว่านางเอก จอนจีฮยอน และครอบครัว รวยระดับหมื่นล้าน

The post ‘พาร์ค พากย์นรก’ แฟน (คลับ) ตัวจริง ‘อารีอานา’ ยอมเปย์ 6 หลัก จนได้ใกล้ชิด 7 ครั้ง appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ไม่ใช่แค่เท่และสมาร์ทเท่านั้นที่เข้าตาสาวๆ แต่การดูแลและใส่ใจภรรยามากๆ ของ ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ ยังทำให้สาวๆ หลายคนชื่นชมเขามากอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นในฐานะพ่อหรือในฐานะสามี ศิลปินหนุ่มก็ทุ่มเทอย่างแรงกล้าในทุกบทบาท

ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้รับข่าวดีอีกครั้ง เมื่อภรรยาแสนสวย นุช-นุชนันท์ ได้ตั้งท้องทายาทคนที่ 2 โดยตอนนี้อายุครรภ์ของเธอ 14 สัปดาห์แล้ว ซึ่งหนุ่มตู่ก็ยังดูตื่นเต้นราวกับภรรยาตั้งท้องแรกเลยทีเดียว

“ตู่ตื่นเต้นนะครับ มันอาจจะคนละความรู้สึกกันกับคนแรก คนแรกอยากได้ลูกสาว แต่คนนี้เป็นเพศอะไรก็ได้ แต่นุชเขาอยากได้ลูกสาว เพราะเขารู้สึกว่าการที่โตมามีพี่สาวที่ไล่เลี่ยกันจะเป็นเพื่อนกัน ปรึกษากันได้ ตัวผมเองอะไรก็ได้ ถ้าเป็นลูกผู้ชายเราก็แอบกลัว เห็นลูกเพื่อนที่ซนมากๆ”

ความน่ารักของครอบครัวศิลปินและนักแสดงหนุ่ม ตู่-ภพธร

ภรรยายังไม่ทันคลอดทายาทคนที่สอง หนุ่มคนนี้ก็ถูกนักทำนายดวงชะตาชื่อดัง “อาจาย์เป็นหนึ่ง” ทักว่าอยากให้มีคนที่สามต่อเลยจะได้ดังๆ ซึ่งเมื่อเขาได้ยินดังนั้นก็รีบเบรคทันที พร้อมกับเผยว่าแค่ฟังก็เหนื่อยแล้ว

“ฟังแล้วเหนื่อยดี แต่คิดว่า 2 ดีกว่า ไม่ใช่ไม่เชื่ออาจารย์นะครับ แต่รู้สึกว่ามันกำลังดี ไซส์ที่กำลังพอเหมาะ” ขณะที่ภรรยา นุช-นุชนันท์ กล่าวเสริมว่า “คิดว่ามีลูก 2 ดีกว่าค่ะ แต่ว่าก็อยากได้ลูกชาย จริงๆ แล้วตอนแรกเลยวางแผนว่าจะมีคนเดียว แต่พอเลี้ยงเขาไปเรื่อยๆ ด้วยตัวเขาเองเขาอยากมีน้อง นุชก็เห็นครอบครัวหลายๆ แบบมีพี่น้องผู้หญิงที่อายุใกล้ๆ กัน เห็นแล้วน่ารัก เขาไปเที่ยวด้วยกัน ปรึกษากัน”

เป็นปกติที่เมื่อมีลูกคนที่สอง ลูกคนแรกอาจจะมีน้อยใจพ่อ-แม่ เพราะต้องแบ่งความรักให้อีกคน ทั้งคู่อธิบายเรื่องนี้กับลูกอย่างไร ซึ่งศิลปินหนุ่มได้เผยว่า “จริงๆ เราไม่ค่อยกลัวเรื่องนั้น เราจะพยายามพูดกับเขาตลอดเวลาว่าเดี๋ยวจะมีน้องนะ ริสาจะต้องรักน้อง ช่วยดูน้อง น้องก็จะรักริสา คิดว่าต้องค่อยๆ ปรับตัวกันไปหลังจากมีน้อง” ขณะที่ภรรยาของเขากล่าวว่า “เขาเข้าใจนะคะ อย่างบางวันนุชเขียนชื่อเขาในกระดาษเล่น เขาก็บอกมี้มี้อย่าลืมใส่ชื่อน้องไปด้วย ไปหาหมอ ไปอัลตร้าซาวด์ก็พยายามพาเขาไปดูด้วยตลอด”

อย่างไรก็ตามเมื่อหนุ่มตู่ถูกถามว่าเวลาทำงานมีโมเม้นต์คิดถึงลูกสาวบ้างหรือเปล่า เขาก็ได้ตอบว่า “คิดถึงครับ คิดถึงเมียด้วยครับ พอกำลังจะมีคนที่สองต้องห้ามละเลยเขาด้วย เพราะถ้าโฟกัสแต่ลูกก็ลืมชีวิตคู่ของเรา รู้ว่าเขาเหนื่อย เขามีลูกให้เราก็เป็นหน้าที่ที่หนักหนาพอสมควร เราก็ต้องเอาใจใส่เขา”

เอาใจใส่ทั้งลูกและภรรยาดีขนาดนี้ สมแล้วกับ ฉายา “สามีแห่งชาติ” ตัวจริงเสียงจริง

ข้อมูลจาก : คุยแซ่บโชว์ ภาพจาก : IG @2popetorn

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

เผยบิวตี้ไอเท็มราคาน่ารักและสูตรผิวดีของ “นุช – นุชนันท์” หวานใจ “ตู่ – ภพธร”

หัวอกพ่อแม่ต้องอดทน “ตู่-ภพธร” และ “นุช-นุชนันท์” อยากอุ้มลูกสาวใจแทบขาด

แต่งงานแล้วก็ยังรัก! 5 ศิลปินชาย ขวัญใจสาว แม้มีศรีภรรยาตัวจริง แต่แฟนคลับยังรักแน่น

The post ตู่-ภพธร สมฉายาสามีแห่งชาติ เข้าใจภรรยาเลี้ยงลูกเหนื่อย ยิ่งต้องใส่ใจดูแล appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

หลังจากที่กลิ่นหวานของความรักหอมฟุ้งไปทั้งไอจี ล่าสุด นท พนายางกูร ก็ได้ออกมาเผยถึงความสัมพันธ์กับหนุ่มหล่อยุค 90 เจ-มณฑล จิรา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดนทได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ในงานประกาศรางวัลผู้นำความงามปีที่ 6 PRAW  ICONIC BEAUTY 2020 ณ AUBE ราชพฤกษ์ ซึ่งเธอได้เปิดเผยถึงความสัมพันธ์กับพี่เจว่า เขาคือพี่ชายที่สนิทมากๆ (เราสนิทกันเกินคำว่าแฟน) แม้ว่าในอนาคตต่างคนจะมีคนที่ใช่ก็จะยกให้เป็นพี่ชายในชีวิตตลอดไป พร้อมกันนี้เธอยังได้บอกอีกด้วยว่า ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย เข้าใจกันทุกเรื่องเลยทีเดียว

หัวใจเป็นสีชมพูไหม? นท พนายางกูร & เจ-มณฑล จิรา ความรักในแบบปี 2020

อัพเดตความสัมพันธ์กับเจตอนนี้เป็นอย่างไร ?

“ดีค่ะ แฮ็ปปี้ คือนทกับพี่เจเราเหมือนเป็นพี่น้องกันมากกว่า ไม่ใช้คำว่าแฟนเลย ความสัมพันธ์เรามากกว่านั้นค่ะ คือเรารู้จักครอบครัวเขา เขาก็รู้จักครอบครัวเรา แล้วเราก็สนิทกันมากๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันหนึ่งนทอาจจะเจอคนอื่น เพราะเขาก็บอกทุกคนอยู่แล้ว เพราะเขาไม่คิดอยากจะแต่งงาน มีลูก หรือสร้างครอบครัว เราคุยกันตรงๆ มาตลอด พี่เจก็เปิดให้นท ว่าถ้าเราเจอคนอื่นที่ดี นทก็ไปได้เลยนะ นทก็บอกเขาว่าโอเค ถ้าเจอก็จะถามเขาว่าคนนี้ดีไหม”

ความรักครั้งนี้มันโอเพ่นไหม?

“ใช่ มันเป็นความรัก 2020 อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เรารู้สึกว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ ทำให้เราไม่มีความคาดหวังต่อกันและกัน เราไม่ทะเลาะกันเลย ตั้งแต่คบกันมา เราเข้าใจกันทุกเรื่อง”

ตอนนี้พี่เขาเป็นคนที่ใช่สำหรับเราหรือยัง ?

“วันนี้พี่เจคือคนที่ใช่ ในฐานะพี่ชายในชีวิตเราตลอดไป คือวันหนึ่งนทเจอคนที่ใช่ก็ต้องบอกเขาว่า พี่เจจะอยู่ในชีวิตตลอดไปในการเป็นพี่ชาย และคนที่คอยให้คำแนะนำทุกอย่าง เราสนิทกันเกินกว่าแฟนแล้ว”

แสดงว่าเราอยากมีครอบครัว ต่างจากเขาที่ไม่อยากมี ?

“ไม่ นทก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าอยากแต่งงานหรือมีลูก คนเราไม่จำเป็นต้องทำตามที่สังคมบอกไว้ เราทำที่เรามีความสุข ตอนนี้นทมีความสุขกับความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่ต้องบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่เราห่วงใยกันมาก ดูแลกัน มีความหวังดีให้แก่กัน (มีหึงหวงไหม) มีบ้าง เพราะเราก็เป็นเด็กน้อยอยู่ เขาก็จะสอนว่าทำยังไงให้ความรู้สึกนั้นหายไป”

ถ้าวันหนึ่งต่างคนต่างมีคนอื่นจะรู้สึกยังไง ?

“นทว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะเป็นแบบนี้ก็แฮ็ปปี้ แล้วนทก็ไม่ได้ปิดตัวเอง เขาก็โอเค เพราะเรายังเด็กอยู่ เขามีเวลาให้เราได้เท่านี้ เราอยากทำอะไรก็ทำเลย ไปเที่ยวไหนก็ไป นทก็หลายที่ เขาก็ปล่อย “

เขาบอกไม่อยากให้เราไปต่างจังหวัดมากเพราะไม่ได้เจอ ?

“นททำเรื่องอนุรักษ์ที่เกาะเต่าไงคะ เราก็ต้องทุ่มเทกับงานที่ทำ”

ชวนเขาไหม ?

“ชวนแล้ว แต่เขาไม่ไปเอง เพราะเขาติดบ้าน”

ติดไหมที่เขานอน 3-4 ทุ่ม ?

“ไม่ติด เพราะเราก็นอนเวลานั้นเหมือนกัน ยกเว้นวันที่ไปเที่ยวกับเพื่อน”

รู้สึกยังไงบ้างที่คนไม่เชื่อในความสัมพันธ์ของเรา ?

“ก็บอกแล้วไงว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน (แล้วใช้ว่าอะไร) เป็นคนพิเศษในชีวิตมากๆ แล้วก็ดีใจมากๆ ที่ได้เจอคนนี้ เราคุยกันเลยว่า ชาติก่อนต้องได้เจอกันมาก่อน คือมันผูกพันระดับนั้น เหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆ”

อย่างนี้มีบอกรักกันไหม?

“บอกสิคะ เราบอกรักเพื่อน แม่ ก็ปกติ เรารู้สึกดีกับใครก็บอกรัก ปี 2020 แล้ว เราควรให้อิสระกับตัวเอง อะไรที่สบายใจและมีความสุขก็ทำไป”

วันหนึ่งอาจมีคนใดคนหนึ่งมีแฟนหรือเปล่า?

“ใช่ เราคุยกันตรงๆ มากๆ ไม่มีอะไรปิดบังกันเลย เราคุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ สมมติเราแอบปลื้มคนนี้อยู่ ก็เล่าให้เขาฟัง เขาก็บอกคนนี้ดีนะ มีแบบนั้นแบบนี้”

เขามีมาเล่าเรื่องผู้หญิงคนอื่นให้ฟังไหม?

“ไม่ค่อยค่ะ แต่เราก็คุยกันได้นะ ส่วนใหญ่เป็นนทมากกว่าที่บอกพี่เจ ผู้หญิงคนนี้สวยเนอะ”

ความสัมพันธ์ของเราไม่ถึงขั้นสร้างครอบครัว?

“ไม่ๆ เพราะพี่เจไม่ได้มีความคิดนั้น เราก็เคารพ เพราะเรา ณ จุดนี้ก็ไม่ได้มีความคิดนั้น เพราะเด็กมาก 27 เอง เรายังอยากโฟกัสตัวเอง และความฝันของเรา เรื่องอนุรักษ์ ปีหน้าอยู่เกาะเต่าครึ่งปีเลย”

อนาคตจะคิดถึงเรื่องมีคู่ไหม?

“สักอายุ 40 เพราะนทไม่ได้อยากมีลูก เราเลยไม่รีบ แล้วก็เชื่อว่าคนเรามีเนื้อคู่หลายคน นทก็เชื่อว่าพี่เจคือเนื้อคู่ของนท แต่อนาคตนทก็อาจจะเจอเนื้อคู่คนอื่นเหมือนกัน ฟังแบบนี้ทุกคนอาจจะงง แต่นี่ 2020 แล้ว ควรทำอะไรที่อยากทำ”

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

“นท เดอะสตาร์” ไอเดียเก๋ เผยแฟชั่นทรงผมรีไซเคิลจากฝาขวด ขยะริมชายหาด

ชีวิตอีกมุมของสาวติสต์สุดฮ็อต ‘นท พนายางกูร’ ชนะความเครียดด้วยดนตรีบำบัด

ล้วงหัวใจ สิงห์ วรรณสิงห์ หนุ่มผู้พิชิตใจสาวงาม มารีญา พูลเลิศลาภ

The post หัวใจเป็นสีชมพูไหม? นท พนายางกูร & เจ-มณฑล จิรา ความรักในแบบปี 2020 appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

4 สาวแพรว 4 สาวตัวแม่ สวย เก่ง เน้นคุณภาพ

สาวแพรวกับเรื่องราวของ 4 สาวตัวแม่อย่างจูน – สาวิตรี โรจนพฤกษ์ เป็นตัวแม่ของพิธีกรงานอีเว้นต์ เดือน  – รณิดา พฤฒินลิน ตัวแม่ด้านแฟชั่น หมวย – ดร.อริสรา กำธรเจริญ พิธีกร/ผู้ประกาศข่าวคนเก่ง ปิดท้ายด้วยปูเป้ – รามาวดี ตัวแม่ของจริง ที่เป็นทั้งแม่บ้านและแม่ของลูก

สาวิตรี โรจนพฤกษ์

1 ใน 10 สาวแพรว ปี 2002 ที่มาทางสายพิธีกรชัดเจน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ กว่าสิบปีที่ชื่อเธอเป็นตัวแม่ของงานอีเว้นต์ ขนาดวันงานหนุ่มสาวแพรวรียูเนียน ที่รุ่นพี่รุ่นน้องหนุ่มสาวแพรวทั้ง 17 คนเดินแบบกันไฟแลบ โดยสาวจูน น้องเล็กสุดแอบมีเขิน

“จูนประกวดหนุ่มสาวแพรวเป็นรุ่นสุดท้าย ตอนนั้นเรียนอยู่รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ไม่แน่ใจว่าปี 3 หรือปี 4 มีงานถ่ายโฆษณาบ้าง พี่โอ๋ Cho Model ส่งเข้าประกวดหนุ่มสาวแพรว โชคดีว่าปีนั้นยกเลิกการแสดงความสามารถพิเศษบนเวที มีแค่สัมภาษณ์อย่างเดียว จำได้จูนไปสัมภาษณ์ที่บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ตรงสะพานอรุณอมรินทร์ ผู้บริหารนั่งสัมภาษณ์เยอะมาก ปรากฏว่าจูนผ่านเข้ารอบ 10 คน ทุกเย็นหลังเลิกเรียนจะมาซ้อมเดินแฟชั่นโชว์ ความที่เราเด็กมาก ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเลย ด้วยสไตล์ของพี่หนุ่ม – อภิวัฒน์ ทำให้จูนกลัวพี่เขามาตลอด ส่วนพี่กิมเป็นสายใจดี ส่วนพี่เด่นตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน ก็มาเป็นเพื่อนคุย พอถึงวันประกวดที่ดิ เอ็มโพเรียม จูนเดินแฟชั่นโชว์แล้วกลับบ้านเลย ไม่ติด 1 ใน 5 ทำให้จูนรู้ตั้งแต่วันนั้นเลยว่าตัวเองไม่ชอบเดินแบบ และไม่เคยประกวดอีกเลย

“ใครจะเชื่อว่าพี่หนุ่ม คนที่เรากลัวมาก จะกลายเป็นคนที่มีเมตตากับจูนที่สุด ใส่ใจในเรื่องผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล เรียกกลับมาถ่ายงานคอลัมน์บ้าง ขณะเดียวกันภรรยาพี่กบ – ทรงสิทธิ์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ไปดูประกวดหนุ่มสาวแพรว จึงติดต่อให้จูนทำพิธีกรทีวีรายการ Z-too คู่กับคุณเหวิน – ปฤษฐ ชุมสาย ณ อยุธยา และคุณเพลิน ประทุมมาศ ภรรยาคุณณพ พรชำนิ ซึ่งทั้งคู่มีประสบการณ์ในการจัดรายการมาแล้ว คุณเหวินเป็นดีเจ ส่วนคุณเพลินเป็นพิธีกรรายการ Teen Talk ขณะที่จูนประสบการณ์ในวงการบันเทิงเป็นศูนย์ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเกร็ง กดดัน หรือเครียด ช่วยแนะนำอย่างดี จึงทำให้เกิดความประทับใจและมีทัศนคติที่ดีต่อวงการนี้

“ตอนนั้นจูนทำรายการทีวีอย่างเดียว เพราะขึ้นปี 4 ไม่สามารถขาดเรียนได้ แล้วที่บ้านก็ไม่สนับสนุน เพราะฉะนั้นยิ่งต้องไม่ทำให้เสียการเรียน

ภาพ : @junesawitri

“พอเรียนจบก็ได้เป็นพิธีกรอีเว้นต์ งานแรกคือเปิดตัวโทรศัพท์มือถือโมโตโรล่า โชคดีมาก เพราะเป็นงานทางการมาก ทุกอย่างเป๊ะ อยู่ในสคริปต์ มีโพเดียมให้ยืนพูด ไม่ต้องเกร็งว่าจะยืนอย่างไร และไม่ต้องเอนเตอร์เทนกับผู้ร่วมงาน ความกดดันจึงน้อย จึงรู้สึกประทับใจงานพิธีกร แต่ตื่นเต้น จะบอกว่าตั้งแต่ปีแรกจนถึงวันนี้ก็ยังใจเต้นทุกครั้งเวลาที่เขานับเคานต์ดาวน์เข้าคิวพิธีกร แล้วพอเราให้ความสำคัญกับเรื่องที่พูด ก็จะไม่มีเวลาคิดถึงความรู้สึกอื่น

“งานที่ทำให้จูนเป็นที่รู้จักคืองานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่นวีค ปีแรกที่จัดที่เมืองไทย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มี AV Project เป็นออร์แกไนเซอร์ มีงาน 8 วัน ครบทุกรูปแบบ ทั้ง Press Conference ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีสัมภาษณ์แบบเป็นกันเอง มีแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร จนถึงรับเสด็จ ต่อด้วย After Party คนไปร่วมงานเยอะ ทุกคนก็จะรู้จักจูน เรียกว่าเป็นคนที่ตัดสายสะดือจูนเข้าสู่วงการพิธีกรเลยทีเดียว เริ่มมีงานพิธีกร จนมีทางของตัวเองชัดเจนขึ้น งานที่เฮฮามากๆ จูนไม่ได้เลย เคยพยายามเล่นมุก แต่ด้วยหน้าและความเป็นเราจึงไม่ขำมาก แล้วพอรู้สึกว่าต้องพยายามก็เลิก มาแนวที่เป็นธรรมชาติดีกว่า

ภาพ : @junesawitri

“ทุกวันนี้มีงานอาทิตย์ละ 5 – 6 วัน ช่วงไหนอยากพักยาวก็ไม่รับงาน จากตอนเด็กๆ พยายามทำทุกงานที่คิดว่าใช่เราโดยไม่หยุด แต่พอโตขึ้น แม่ก็อายุมากขึ้น ตอนนี้ท่านอายุ 70 ปีแล้ว หากเราให้เวลาพาเขาไปเที่ยวตอนที่ท่านยังเดินได้ มีความสุขกับการไปเที่ยว ดีกว่าพาไปตอนที่ท่านเดินไม่ได้แล้ว จูนจึงตัดใจไม่รับงาน เอาเวลาพาแม่ไปเที่ยวดีกว่า

“จูนจะมีความเชื่อตรงข้ามกับคนอื่นที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะหากจูนต้องใช้ความพยายามมากๆ จะรู้สึกว่าไม่มีความสุข งานก็ออกมาไม่ดี ส่งผลไปถึงบรรยากาศการทำงานโดยรวมก็ไม่ราบรื่น เพราะฉะนั้นควรเลิกทำ นี่คือเคล็ดลับ Forever Young ของจูน ทำอะไรก็ได้ที่เราสามารถทำได้ดี เพราะหากทำได้ไม่ดี เราก็ไม่มีความสุข ซึ่งเมนหลักในชีวิตของจูนคือความสุข เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความสุข ทุกคนสามารถดู Forever Young ได้ เพราะทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ สุขภาพจะดีได้ต้องนอนหลับ กินอิ่ม ออกกำลังกาย เราจะสามารถทำทั้งหมดนี้ได้ก็ต่อเมื่อจิตใจมีความสุข หากเครียดจะนอนหลับได้อย่างไร กินอะไรก็ไม่ได้ ไม่มีจิตใจอยากไปออกกำลังกาย

“ไม่ว่าจูน หรือคนที่ยุ่งที่สุด หรือว่างที่สุด ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน อยู่ที่ว่าเราจัดเวลาในชีวิตอย่างไร อะไรก็ตามที่เราอยากทำ ทำแล้วมีความสุข เราพยายามหาเวลาทำจนได้ เมื่อก่อนจูนก็ไม่ชอบออกกำลังกาย หาเหตุผลร้อยแปด ส่องกระจกรู้สึกว่าเรายังตัวเล็ก แขนเล็ก จนกระทั่งวัยที่มากขึ้นทำให้เราต้องยอมรับความจริงว่าแขนเล็กอย่างเดียวไม่พอ ต้องตึงด้วย จะใส่แต่เสื้อแขนยาวตลอดเวลาก็ไม่ได้ จึงลองออกกำลังกายทุกอย่าง หากไม่ชอบก็เลิก ตอนนี้มีอย่างเดียวที่สามารถเล่นได้ต่อเนื่องคือ CrossFit ซึ่งประกอบด้วยการยกน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย กับท่าที่เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย และ Cardio เพิ่มการเต้นของหัวใจให้เกิดการเผาผลาญ จูนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีวินัยพอที่จะทำเอง อาหารก็เช่นกัน จูนมีความสุขในการกินอาหาร อยู่เมืองไทยโชคดีมาก อาหารมีทุกชาติทุกระดับราคา มีขายทุกหัวระแหง มีผลไม้สดให้กินได้มากเท่าที่อยากกิน เพราะฉะนั้นจูนเลือกที่จะไม่อด กินอาหารไทยมาตั้งแต่เด็ก พวกน้ำพริก ผักต้ม ผัดผัก ของหวานก็เป็นขนมไทย ขณะที่ขาหมูก็กิน แต่เลือกที่ไม่มัน กากหมูทอดก็ชอบ แต่จะหยุดกินทันทีเมื่ออิ่ม หากเสียดายของก็ห่อกลับบ้าน หรือไม่อย่างนั้นตักแบ่งไว้ก่อน

“เพราะอาหารมีผลจริงๆ ช่วงหลังเพื่อนชอบนัดเจอที่ร้านกาแฟ จูนจึงเริ่มกินเค้ก พอกินบ่อยๆ ก็รู้สึกอร่อย เห็นชัดเลยว่าเซลลูไลต์มา ตอนนี้กินแค่ช้อนสองช้อนแล้วก็พอ ตอนหลังรู้แล้วว่าอะไรไม่ดีก็อย่าหัด (หัวเราะ)

“จูนใส่ใจตัวเองตลอดว่าช่วงไหนที่ร่างกายต้องการการบำรุงเพิ่มเติม หากช่วงที่ทำงานหนัก เหนื่อย จูนจะกินอาหารเสริมพร้อมดื่ม

“เพื่อคงความ Young มาถึงวันนี้”

The post ไม่ต้องดังที่สุด แต่อยู่ได้ยาว! ‘จูน-เดือน-หมวย-ปูเป้’ อดีตสาวแพรว สวย เก่ง ต้นแบบสาวสตรอง appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

หลังจากคบหาดูใจกันมานาน ปีนี้นักร้องหนุ่มสายร็อค  ปั๊บ โปเตโต้ หรือ พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข ได้ตัดสินใจแต่งงานกับนักแสดงและพิธีกรสาวคนสวย ใบเตย-สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ  ที่มีอายุห่างกัน 11 ปี  กับครอบครัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และหลังจากที่ทั้งคู่เตรียมงานมาพักใหญ่ ล่าสุดก็เดินทางมาถึงงานสำคัญของทั้งคู่ โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2563 คู่รักได้จัดงานมงคลขึ้นที่ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ท่ามกลางครอบครัวและเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างอบอุ่น 

โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองได้ให้สัมภาณ์ถึงธีมการจัดงานในวันนี้ว่า มีพิธีเช้าและพิธีบ่ายไม่มีพิธีเย็น ธีมงานยังคงความเรียบง่ายก่อน ไม่มีธีมอะไรที่หวือหวาเน้นเป็นโทนสีเขียวอ่อน สีเหลือง สีฟ้าอ่อน เป็นโทนพาสเทล

อย่างไรก็ตามในส่วนเรื่องทายาทนั้นใบเตยบอกว่า “ต่างคนต่างทำงานก่อนแล้วเดี๋ยวเรื่องมีเบบี๋ค่อยว่ากัน” ขณะที่หนุ่มปั๊บบอกว่า “ถ้าก่อนหน้านี้คิดว่าจะต้องมีลูกกัน มีเบบี้ ปล่อยชีวิตไปตามธรรมชาติ แต่ว่าพออย่างช่วงที่ผ่านมามันมีช่วงที่เราต่างคนต่างทำงานด้วยพอจัดการเรื่องแต่งปุ๊บผมก็รีบกลับไปทำงานต่อเตยเองก็ต้องรีบไปทำงานเหมือนกัน”

งานแต่งสายร็อค ปั๊บ โปเตโต้ & ใบเตย-สุวพิชญ์ คู่รักต่างวัยแต่ลงตัว

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ใบเตย-สุวพิชญ์ ผู้หญิงตัวเล็ก ที่เป็นที่พักพิงใจของ สุภาพบุรุษสายร็อค ปั๊บ โปเตโต้

เครื่องผลิตออกซิเจนสำคัญเช่นไร? “ปั๊ป โปเตโต้” พา “ใบเตย” ช่วยต่อลมหายใจชาวชนบท

แฟชั่นเท่คลูของ ใบเตย-สุวพิชญ์ ว่าที่ภรรยา ปั๊บ โปเตโต้ ไม่หวานเหมือนหน้าตา

The post งานแต่งสายร็อค ปั๊บ โปเตโต้ & ใบเตย-สุวพิชญ์ คู่รักต่างวัยแต่ลงตัว appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ถือเป็นอีกหนึ่งวันมงคลที่คนบันเทิงได้มีโอกาสได้มอบคำอวยพรและร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ นักร้องหนุ่ม ปั๊บ-พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข หรือ ปั๊บ โปเตโต้ วัย 39 ปี  กับนักแสดงสาวและพิธีกรวัย 28 ปี  ใบเตย-สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ ได้จัดพิธีมงคลสมรสขึ้น โดยในช่วงเช้าได้มีการแห่ขันหมาก พิธีสู่ขอ และสวมแหวนหมั้นในเวลา 09.09 น. และแต่งงานตามประเพณี

ทั้งนี้หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทั้งหมดคู่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงช่วงเวลาสำคัญในชีวิต โดยหนุ่มปั๊บบอกว่า “ในช่วงเวลาที่อ่อนไหวผมก็มีเตยนี่แหละที่ลุยไปด้วยกัน”

เจ้าบ่าว-เจ้าสาวป้ายแดง ปั๊บ-พัฒน์ชัย & เตย-สุวพิชญ์

เมื่อเช้าเป็นยังไงบ้าง?

ปั๊บ : มันเป็นเรื่องของความรู้สึกใหม่ คือความรู้สึกใหม่ที่หมายถึงคือเป็นความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิต เราก็เล่นแต่ดนตรี แต่ความรักมันเป็นของคู่กัน และการที่ทำให้เรามาแต่งงานกัน มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจผม ผมพยายามกรองว่ามันคืออะไร อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

ใบเตย : สำหรับเมื่อเช้าก็มีแต่ความซาบซึ้ง กับญาติๆ ด้วย กับเพื่อนๆ ด้วย บางทีเราอาจจะไม่คุยเรื่องความรู้สึกกันมากเท่าไร จนกระทั่งถึงวันสำคัญของเรา เราได้คุยกันมากขึ้น นอกจากคำพูดด้วยแล้ว สายตาเราสองคนสื่อสารกันมากกว่าความรู้สึก มีแต่ความซาบซึ้ง

เมื่อเช้าเห็นมีน้ำตาด้วย?

ใบเตย : หน้าพี่ปั๊บเหมือนอมบ๊วยเลยอ่ะ
ปั๊บ : ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะเราก็เคยไปร่วมงานของพี่ๆ หลายคน เราก็เห็นเขาร้องไห้ เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาร้องทำไม เพราะก็คบกันอยู่แล้ว ก็แต่งงานกันแล้ว แต่ทำไม พอมาวันนี้เราก็พอเข้าใจว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน แต่ไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้ ก็คงตื้นตันด้วย และเป็นเรื่องของการขอบคุณสำหรับคนที่มาร่วมงาน ที่เขาให้เกียรติเรา เราไม่รู้ว่าจะส่งความรู้สึกขอบคุณนั้นกลับไปยังไง เราคิดว่าทำไมเราโชคดีที่มีคนเมตตา มีคนควรสนับสนุน ผมรู้สึกว่าเราโชคดีมาก

จากนางเอกเอ็มวีวันนั้นมาเป็นนางเอกในชีวิตจริงวันนี้?

ปั๊บ : พอผมมานั่งทบทวนดู มันก็เป็นสิ่งที่เราไม่ได้คาดฝัน แต่ถ้ากลับไปย้อนดูมันก็มีความน่ารักอยู่ ก็ต้องเป็นเขาอะครับ

ย้อนกลับไปทำไมวันนั้นเราเก็บเขามาไม่ทิ้งเขาไว้กลางทาง ?

ปั๊บ : มันเหมือนจังหวะเลย มันเหมือนว่าผมถ่ายมิวสิควิดีโอเสร็จ ผมก็เห็นน้องเขาน่ารักดี เราทำงานกับนางเอกมิวสิควิดีโอหลายคน ทุกคนก็น่ารัก แต่ก็มีเหตุให้ต้องกลับมาเจอกันอีก แล้วก็โดนบังคับให้ต้องเหมือนต้องเอาความรู้สึกมาอยู่ร่วมในจุดเดียวกันอีก (ในซีรี่ส์) ใช่ มันน่าจะตรงนั้นแหละที่ผมคิดว่า มันจบเหมือนในเรื่อง คือในเรื่องกลับมาเจอกัน

นางเอกเราเป็นคนเลือกเองไหม ?

ปั๊บ : ผมมีส่วนในการเลือกด้วย แต่ไม่ได้เราเลือกเองเลย 100% คือทุกคนก็ช่วยกัน ค่ายด้วย หัวหน้าเราด้วย พี่สันต์เองด้วย คือจังหวะ เพราะตอนแรกจะเป็นน้องอีกคนหนึ่ง แต่น้องเขามีธุระต้องไปต่างประเทศ ก็เลยไม่ได้ (ก็ต้องขอบคุณน้องคนนั้น) จริงนะครับ ก็เคยเล่าให้เตยฟัง คือมีโทรบอกเลื่อนคิวได้ไหม อยากได้น้องคนนั้น เขาก็บอกว่าไม่ได้เลย ก็โอเคไม่ได้ แต่คือที่ค่ายก็เคยส่งรูปเตยมาแล้ว แต่เราคิดว่าเตยต้องแพง เพราะตอนนั้นเตยเขาก็เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าไปแล้ว คือด้วยงบประมาณเรทราคาค่าตัว ผมว่าทุกคนที่ทำโปรดักชั่นต้องเข้าใจดี แต่ก็โชคดีที่เขารับ

เราลดราคาให้ ?

ใบเตย : จำไม่ได้แล้ว
ปั๊บ : ก็ราคาปกติแหละ โอเค ก็คุยกับหัวหน้า
ใบเตย : โค้งสุดท้ายแล้วเนอะ มันต้องถ่ายแล้ว
ปั๊บ : เขาคาแรคเตอร์ตรงด้วยครับ

ตอนนั้นเป็นนางเอกเอ็มวีตอนนี้เป็นนางเอกในชีวิตจริง คิดไหมว่าจะมีวันนี้ ?

ใบเตย : เรื่องนี้เตยกับพี่ปั๊บคุยกันค่อนข้างจะบ่อย แล้วด้วยในช่วงเวลาระหว่างทางที่เราคบกันมา มันมีเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งเหมือนพอเรามาตกตะกอนดูแล้ว คุยกันจนรู้สึกว่าหลายๆเรื่องมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มันเกิดขึ้น

ปั๊บ : ใช่ มันมีหลายเรื่อง ถ้าเล่าแล้วมันอาจจะดูเว่อร์ๆ

ยกตัวอย่างที่ไม่ใช่เหตุการณ์ความบังเอิญแต่เป็นพรหมลิขิต?

ปั๊บ : ล่าสุดที่เราไปเจอพี่ที่เราเคารพคนหนึ่งเขาทำงานในโปรดักซ์ที่เราทั้งสองคนเคยเป็นพรีเซนเตอร์เหมือนกัน แล้ววงโปเตโต้ก็เกิดจากโฆษณาชิ้นนี้ เตยก็เกิดจากโฆษณาชิ้นนี้ เราถูกยอมรับและมีคนรู้จักจากโฆษณา แล้วก็มาเจอกันผมก็ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์ต่อ ตัวเตยเองก็ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์อีก มันก็แปลกดี เป็นเรื่องน่ารักดี รวมถึงเรื่องอื่นๆ อีกที่มีเยอะเหมือนกัน ผมเล่าไปแล้วมันจักจี้,จั๊กจี้ดี (ยิ้มเขิน) แต่มันเป็นจังหวะชีวิตแหละ

อะไรที่ทำให้ปั๊บประทับใจเตย คนนี้แหละคือคู่ชีวิต?

ปั๊บ : ผมว่าเขาน่ารัก อันดับแรกคือหน้าตาเขา รอยยิ้มเขา เราเห็นแล้วเรารู้สึกสบายใจ สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้น มันเป็นเรื่องของความกตัญญู สิ่งที่เขาต้องเสียสละให้ครอบครัว พอเราได้คุยเราก็ได้รู้ว่า คนที่เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สุขสบาย เรารู้สึกดี ผมเองอาจจะไม่ได้ลำบากมาก แล้วมีพ่อแม่ที่ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย เราพอมีพอกิน แต่เตยเขาเหมือนเลี้ยงทั้งครอบครัว เราก็รู้สึกว่าเราอยากดูแลเขา รู้สึกเท่ดี

แล้วเตยล่ะ ทำไมถึงเลือกพี่ปั๊บเป็นคู่ชีวิต?

เตย : สิ่งที่เตยประทับใจพี่ปั๊บตั้งแต่แรกก่อนที่จะคบกัน คือพี่ปั๊บเป็นคนให้เกียรติไม่ว่าจะเป็นใคร อย่างเวลาเราอยู่ในกองถ่าย พี่ปั๊บให้เกียรติทุกคน พี่ๆที่เป็นทีมสวัสดิการ ช่างไฟ คือพี่ปั๊บน่ารักกับทุกคน แล้วพี่ปั๊บก็ให้ความสำคัญในทุกๆตำแหน่ง ตัวเตยเองก็เคยทำงานเป็นเอ็กซ์ตร้าค่าตัว800 500 เราก็พอเข้าใจว่าตำแหน่งเราเป็นการเติมเต็มงานให้มันได้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด แต่พอเราเห็นว่าพี่ที่เขาเป็นเบอร์ใหญ่มากๆ ที่ให้เกียรติคนตัวเล็กๆ ให้เกียรติคนที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน เรารู้สึกประทับใจเขาตรงนี้ด้วย และอีกเรื่องหนึ่ง ก่อนที่จะคบกันช่วงแรกๆเขาบอกเตยว่า เราเต็มที่นะ วันนี้เราเต็มที่ยังไง ถึงแต่งงานไปมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาเต็มที่ตั้งแต่วันแรกตั้งแต่ที่คบกันซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ปั๊บ : มันก็มีเปลี่ยนนิดหน่อย เราก็ใส่เกียร์เลย

ใส่เกียร์คือยังไง?

ปั๊บ : ใส่เกียร์คือมีความรักเราก็ทุ่มเทเต็มที่ (ยิ้ม)

วางแผนชีวิตครอบครัวหลังจากนี้ยังไงบ้าง?

ปั๊บ : วันมะรืนผมไปเล่นคอนเสิร์ตแล้ว ผมต้องไปทำงานต่อ ใจผมก็อยากมีลูกเหมือนกัน แต่เตยตอนนี้ก็ติดถ่ายละครอยู่ด้วย มีลูกตอนนี้อาจจะไม่ดี แต่กว่าจะถ่ายเสร็จ มีเลยก็ได้อยากมีเร็ว ๆ

ใบเตย : อยากมีค่ะ แต่เดี๋ยวขอเคลียร์งาน เคลียร์อะไรต่าง ๆ ให้โอเคก่อน แล้วค่อยว่ากัน

มีแพลนไว้ไหมว่าเมื่อไหร่?

ปั๊บ : โอ้โห…ก็อยู่ที่น้ำยาผมด้วย ก็ต้องพยายาม แต่ก็เช็กร่างกายแล้ว

ใบเตย : อู้หู้ว

มีการวางแผนเรื่องฮันนีมูนไว้ไหม?

ปั๊บ : ไม่เลย ตอนนี้แค่เหมือนต้องทำงานแล้ว เพราะช่วงก่อนหยุดมาพักใหญ่ แล้วก็เห็นหน้ากันบ่อยมาก ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยเห็นแล้วด้วยเพราะว่าทำงานหนักทั้งคู่
ใบเตย : อาจจะเป็นเพราะว่าเราสองคนเดินทางกันบ่อย ค่อนข้างเยอะก่อนหน้านี้แล้วด้วย เลยไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องฮันนีมูนที่ไหน

ธีมงานวันนี้เป็นยังไง?

ปั๊บ : เหมือนรวมสิ่งที่ผมกับเตยชอบ เวลาไปเที่ยวผมชอบถ่ายรูป ผมก็อยากเอารูปมาใช้ เราชอบวาดรูปก็เอารูปวาดมาใช้ เราชอบงานศิลปะเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็เอามาผสม เราอยากให้คนเข้ามา ไม่อยากให้เหมือนมางานแต่ง เหมือนมาแล้วสบาย ๆ เหมือนมาดู มาฟังเพลง มาคุยกัน มาดูแกลอรี่ เอาเพื่อนมาเจอกัน อธิบายไม่ถูกเลย เหมือนมายำ ๆ เต็มไปหมดเลย

ใบเตย : อยากให้ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ เขาได้เห็นสถานที่ ที่เราเคยไปเที่ยว ให้เขาได้เห็นประสบการณ์คล้าย ๆ เรา ที่เคยได้เห็นได้ไปเที่ยวมาก่อน รูปในงานนี้คือรูปที่พี่ปั๊บถ่ายเอง อาจจะมีเอามาเพิ่มสี เพิ่มอะไร

ไม่เห็นมีรูปเตยหลับตาเลย?

ปั๊บ : ไม่น่ามีมั้ง (หัวเราะ)
ใบเตย : ขอเถอะค่ะวันนี้

หลังจากนี้แต่งงานไปจะมีอีกไหม?

ปั๊บ : ทีนี้อิสรภาพแล้วแหละ (หัวเราะ) บางทีมันต้องนิดนึง

ปั๊บ : ผมคิดว่าการแต่งงานเป็นอีกหนึ่งสถานีที่ตัวผมเองรู้สึกว่ามันเดินมาถึงแล้ว หลังจากนี้ผมว่าเรายังต้องศึกษาแล้วก็เรียนรู้ทำความเข้าใจกันไปเรื่อยๆ ผมกับเตยรู้สึกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายังค่อยๆ ใช้ชีวิตไปด้วยกัน ไม่อยากใช้คำว่าประคอง เราร่วมด้วยช่วยกันไปเรื่อยๆ เหมือนเราพยายามปรับตัวอยู่ตลอดเวลาในสิ่งที่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในตามความเป็นจริงครับ เมื่อก่อนวันนึงเราอาจจะโทรหาเขา 10 รอบ แต่ว่าวันนี้อาจจะเหลือ 3 รอบ แต่มันไม่ได้แปลว่า 3 รอบนี้ มันเกิดจากความไม่เข้าใจ มันเกิดจากบางสิ่งที่อาจจะทำให้มันเป็นแบบนั้นคือผมว่าเราพยายามปรับตัวไปเรื่อยๆ ดีกว่า ผมตั้งมั่นว่า ไม่ว่ามันจะร้ายหรือมันจะดี ก็จะอยู่เป็นบัดดี้ไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้เขาต้องกังวลเยอะ ลุยไปเต็มที่ ล้มเราก็จะล้มไปด้วยกัน ลุกเราก็ลุกไปด้วยกัน ผมว่ามันน่าจะเป็นหลักยึดที่เวลาเราเถียงกันผมยังรู้สึกว่าอาจจะเป็นวันไม่ดี แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด มันยังมีวันที่ดีเหมือนกัน เราจะพยายามคุยกันแบบนี้ สำหรับผมนะครับ จะดูแลไปเรื่อยๆ รักเตยแหละ

ใบเตย : (น้ำตาไหล) เราคุยกันตลอด เราคุยกันแบบจริงจังเรื่องพวกนี้ตลอด เตยเชื่อเรื่องวันนี้ เตยไม่เชื่อเรื่องตลอดไป เพราะสุดท้ายต่างคนต่างก็ต้องจากกัน แต่เตยจะทำทุกๆ วันให้มันดีที่สุดเท่าที่เตยจะทำได้

ปั๊บ : ดีมากครับ

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

งานแต่งสายร็อค ปั๊บ โปเตโต้ & ใบเตย-สุวพิชญ์ คู่รักต่างวัยแต่ลงตัว

ใบเตย-สุวพิชญ์ ผู้หญิงตัวเล็ก ที่เป็นที่พักพิงใจของ สุภาพบุรุษสายร็อค ปั๊บ โปเตโต้

เครื่องผลิตออกซิเจนสำคัญเช่นไร? “ปั๊ป โปเตโต้” พา “ใบเตย” ช่วยต่อลมหายใจชาวชนบท

The post หวาน ซึ้ง ฮา วิวาห์ ใบเตย & ปั๊บ-พัฒน์ชัย เจ้าบ่าวเปิดใจผู้หญิงคนนี้คือคู่ชีวิต appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เป็นหนุ่มฮ็อตที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ตลอดสำหรับ กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ล่าสุดหนุ่มคนนี้เพิ่งได้เข้าพิธีรับปริญญาบัตร คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ภาควิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งในงานวันนั้นนอกจากครอบครัวจะมาร่วมแสดงความยินดีแล้ว ยังมีแฟนคลับมากถึง 4,000 คนยินดีกับความสำเร็จอีกก้าวของเขาด้วย ซึ่งแต่ละคนไม่ได้ไปตัวเปล่าๆ แต่ละบ้านแฟนคลับจัดใหญ่จัดเต็มเอาดอกไม้ที่ทำงานมอบไปมอบให้กับหนุ่มคนนี้ด้วย ซึ่งในงาน งาน PRAEW Charity 2020 “Share the Love ส่งรัก…รักษาน้อง” ซึ่งจัดขึ้นที่ ชั้น 1  สยามพารากอน “กลัฟ” ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจ พร้อมเผยว่ารวมๆ แล้วช่อดอกไม้ที่ได้รับในครั้งนี้มีมูลค่าหลักล้านเลยทีเดียว

สายเปย์ที่แท้ทรู กลัฟ-คณาวุฒิ ได้รับช่อดอกไม้เงินล้านจากแฟนคลับ

ความรู้สึกหลังผ่านงานรับปริญญามาเป็นอย่างไรบ้าง?

“วันนั้นสภาพวันเหลือแต่ร่างครับ เราต้องตื่นเช้าตั้งแต่ตี 3 เพื่อมาแต่งหน้า และถึงที่ไบเทคประมาณ ตี 5 ครึ่ง แล้วก็ยาวถึง 2-3 ทุ่มยันจบงานเลยครับ วันนั้นก็คือจะเห็นว่าผมตาลอยๆ นิดหนึ่ง”

มีเซอร์ไพร้ส์จากน้าค่อมด้วย?

“ใช่ครับ อย่างน้าค่อมเรียกว่าเซอร์ไพร้ส์มากๆ ครับ เพราะเราไม่คิดเหมือนกันว่าน้าค่อมจะมาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญาของเราด้วย ก็คือไม่ได้มาแค่น้าค่อมนะครับ มีพี่บอลกับพี่เหน่งมาด้วย วันั้นก็สนุกมากเลยครับ”

“แต่แอบเสียดายนิดหนึ่ง ตรงที่น้าค่อมจะเป็นคนด่าสะใจมาก แต่เหมือนกับวันนั้นอยู่ในที่สาธารณะด้วย น้าค่อมเลยนิดเสียงลงมาหน่อย เพราะปกติที่เราติดตามก็คือน้าค่อมจะด่าสะใจ”

แล้วเซอร์ไพร้ส์จากพี่มิวล่ะเป็นยังไงบ้าง?

“พี่มิวเล่นใหญ่เหมือนกับหาเสียงมาเลยเดินถือตุ๊กตามาด้วย ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่ามาเซอร์ไพร้ส์เงียบๆ ที่หลังเวที แต่ว่านี่มีป้า มีตุ๊กตา และมีของขวัญมาให้พร้อมเลย”

“คือตอนแรกผมก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกันว่าเขาจะซื้อตุ๊กตาให้ ถ้าจำไม่ผิดผมเคยซื้อให้ตอนงานแสดงความยินดีอะไรสักอย่าง แล้วมันก็ผ่านมาประมาณ 5 เดือนได้ก็ค่อนข้างนาน ก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะไปหาซื้อมา ตอนนี้กระต่ายตัวนึงก็อยู่กับผม อีกตัวก็อยู่กับพี่มิวครับ”

ถามถึงของขวัญที่แฟนคลับให้ มีคนประเมินมูลค่าว่าเป็นล้านเลย?

“ถ้าเป็นล้านน่าจะเป็นเพราะช่อดอกไม้ครับ เพราะช่อดอกไม้ส่วนใหญ่ไม่ใช่ดอกไม้สด  จะเป็นช่อดอกไม้เงิน ที่มีสีแดงบ้าง สีฟ้าบ้าง สีเทาก็มีครับแต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบคล้องคอ”

ชอบสีอะไรที่สุด?

“ถ้าตอบจริงๆ ก็สีเทาครับ (หัวเราะ)”

“ถ้าดูคร่าวๆ น่าจะถึงครับ เพราะตอนนี้ที่บ้านก็ยังแกะไม่หมดเลย มีคุณแม่และคุณป้าช่วยกันอยู่”

รู้สึกอย่างไรบ้างที่แฟนคลับทุ่มเทให้เรามากมายขนาดนี้?

“ดีใจมากครับ ก่อนหน้านี้เรายังไม่ได้คิดเลยว่าวันรับปริญญาเราต้องมีอะไรขนาดนี้ แต่พอมานี้พี่แฟนคลับจัดใหญ่ให้เราเลยเราก็ดีใจ มันเหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดด้วย อยากขอบคุณมากๆ เลยครับทั้งชาวไทยและอินเตอร์แฟนทุกคนที่คอยสนับสนุนคอยทุ่มเทคอยจัดเซอร์ไพร้ส์ให้ต่างๆ นานา ยังไงก็ดีใจมากครับที่มีพี่แฟนคลับ”

เห็นว่ามีแฟนคลับไปร่วมงานถึง 4 พันคนเลย?

“ใช่ครับทางทีมงานเป็นคนจัดการเช่าฮอลล์ รอบละประมาณ 1,000 คน แฟนๆก็น่าจะเต็มอิ่มที่ได้เจอกัน เพราะวันนั้นเรามีเซอร์ไพร้ส์ให้พี่แฟนคลับถ่ายรูปหมู่ร่วมกันด้วย”

หลังจากนี้เรียนจบแล้วจะทำอะไร?

“ก็คงทำงานในวงการไปเรื่อยๆ ก่อน ก็อยากจะเต็มที่กับวงการให้มากที่สุด เพราะมันก็ยังมีอีกหลายบทบาทที่เรายังไม่ได้ทดลอง และอยากจะลองเล่นดูด้วย”

บัตรคอนเสิร์ตเดี่ยวตอนนี้เห็นว่า SOLD OUT ไปแล้ว?

“ใช่ครับ เปิดขายตอน 11 โมง ประมาณ 2 นาทีบัตรก็ SOLD OUT แล้ว เอาเป็นว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกแล้วกันครับเพราะปกติเราก็จะจัดเป็นแค่แฟนมีต แต่อันนี้จะออกแนวคอนเสิร์ตเป็นส่วนใหญ่ ธีมเป็นอีโมจิฝีมือผมวาดเอง ตอนนั้นต้องให้พี่ทีมงานหาเป็นครูที่วาดไอแพตเก่งๆ มาสอนด้วย สำหรับคอนเสิร์ตจะจัดขึ้นในวันที่ 6 ธันวาคมนะครับ แน่อนว่าความพิเศษมีเยอะ โดยเฉพาะแขกรับเชิญพิเศษที่คาดว่าทุกคนน่าจะรู้จักก็มาด้วยครับ”

ภาพจาก : ไนน์เอ็นเตอร์เทน

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

“กลัฟ คณาวุฒิ” ติดอันดับ 3 ผู้ชายหน้าสวยระดับเอเชีย รองจาก เซียวจ้าน-หวังอี้ป๋อ

The post สายเปย์ที่แท้ทรู กลัฟ-คณาวุฒิ ได้รับช่อดอกไม้เงินล้านจากแฟนคลับ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ถือเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่ได้คู่ขวัญ ไป๋ลู่-สวี่ข่าย ที่บรรดาแฟนคลับต่างลุ้นจิ้นให้เป็นคู่รักนอกจอกันจริงๆ สำหรับพระเอกหนุ่มสุดฮ็อต “สวี่ข่าย” และนางเอกสาวหน้าหวาน “ไป๋ลู่” ที่ล่าสุดจับคู่ลงจอด้วยกับกับซีรีส์แนวโรแมนติก-ดราม่า “Arsenal Military Academy วุ่นรักนักเรียนเตรียมทหาร” ซึ่งได้รับกระแสนิยม โด่งดังอย่างมากในแดนมังกร

เอาใจแฟนคลับคู่จิ้น ไป๋ลู่-สวี่ข่าย ในซีรีส์จีน วุ่นรักนักเรียนเตรียมทหาร

ล่าสุด “MONOMAX” (โมโนแมกซ์) ผู้นำดูหนังออนไลน์แบบถูกลิขสิทธิ์ ในเครือ โมโน เน็กซ์ เอาใจคอซีรีส์จีนและเหล่าแฟนคลับ “ไป๋ลู่-สวี่ข่าย” ด้วยการนำเสนอซีรีส์จีนแนวโรแมนติก-ดราม่า “Arsenal Military Academy วุ่นรักนักเรียนเตรียมทหาร” กับเรื่องราวของสาวสวย เซี่ยเซียง ปลอมตัวเป็นผู้ชายเข้าไปในกองทัพแทนที่พี่ชายของเธอ

ในสนามการฝึกฝนที่เข้มงวด เซี่ยเซียง ได้พบกับ กู้เยี่ยนเจิน ทายาทจากตระกูลใหญ่ และเสิ่นจวินซาน ชายผู้สุขุมเยือกเย็น ทั้งสามผ่านเรื่องราวทั้งดีและร้ายจนกลายเป็นเพื่อนรักร่วมเป็นร่วมตาย ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างประเทศที่กดดัน เซี่ยเซียง ต้องเก็บความลับเรื่องที่ตัวเองเป็นผู้หญิง รวมถึงเข้าร่วมสงครามต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นที่เริ่มเข้ามาขยายอำนาจทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและฝ่าฟันอุปสรรคความรักกับ กู้เยี่ยนเจิน อีกด้วย!

ภาพ : www.monomax.me

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ใครกันคือ อรพรรณ สายทอง ดาราลูกครึ่งไทย-จีน ที่ถูกเปรียบเทียบกับ หลิวอี้เฟย

ไม่รู้จักไม่ได้แล้ว หลัวอวิ๋นซี (Luo Yun Xi) พระเอกจีนสุดฮ็อต จากมณฑลเสฉวน

บทสัมภาษณ์ ดาร์เรน เฉิน พระเอกดังจากซีรีส์จีน “วุ่นรักสาวน้อยนักฮอกกี้”

The post เอาใจแฟนคลับคู่จิ้น ไป๋ลู่-สวี่ข่าย ในซีรีส์จีน วุ่นรักนักเรียนเตรียมทหาร appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เรียกว่าตั้งแต่ต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ทัพศิลปินนักร้อง ต่างทยอยฝากผลงานเพลง เพื่อสร้างความแปลกใหม่ และตื่นตาตื่นใจให้วงการบันเทิงบ้านเราได้ครึกครื้นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ ศิลปินตัวท็อป ไทย-ลูกครึ่ง มาแรงเป็นอย่างมากในปีนี้ ความสามารถไม่เป็นรองใคร และไม่ได้มีดีแค่ในไทย เพราะดังไกลถึงต่างแดน วันนี้เราเลยรวบรวม 8 ศิลปินไทยตัวท็อป ดังในต่างแดนโปรไฟล์เริ่ดๆ มาฝาก

ไม่ได้มีดีแค่ในไทย!! รวม 8 ศิลปินตัวท็อป ดังไกลถึงต่างแดน ฝากผลงานเพลงเข้าตา จนทั่วโลกต้องพูดถึง

1. Jannine Weigel (พลอยชมพู) เจ้าของตำแหน่งสาวน้อยร้อยล้านวิว

เปิดประเดิมด้วยศิลปินลูกครึ่งไทย-เยอรมัน Jannine Weigel หรือที่ทุกคนรู้จักเธอในชื่อ พลอยชมพู เธอคัมแบ็คสู่วงการเพลงอีกครั้งในฐานะศิลปินระดับโลก พร้อมเซ็นสัญญาเป็นศิลปินคนแรกภายใต้ค่าย “Red Records” ของประเทศมาเลเซีย ปล่อยซิงเกิลเอเชียนป็อปน่าฟังอย่าง “Passcode” ได้ Tommy Brown โปรดิวเซอร์คนเดียวกับ Ariana Grande มาทำเพลงให้ ชื่อเสียงของ Jannine Weigel เริ่มเป็นที่รู้จักหลังจากเธอปล่อยเพลง “ปลิว (Away)” เมื่อปี 2016 จนได้รับฉายา “สาวน้อยร้อยล้านวิว”

2. สร หนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้ วง CLC

คนที่สองที่ต้องพูดถึง สร หรือ ชลนสร สัจจกุล เธอคือน้องสาวแท้ๆ ของตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล เริ่มเดบิวต์เป็นศิลปินในนาม CLC (ซีแอลซี) เมื่อปี 2015 ความสามารถทางด้านการร้องเพลงทำให้เธอเป็นศิลปินไทยคนแรกที่มีโอกาสได้เซ็นสัญญากับค่าย Cube Entertainment และไม่นานมานี้เพิ่งปล่อยเพลง “HELICOPTER” เพลงสไตล์ Trap Pop ผสม EDM Powerhouse กับเนื้อเพลงที่วง CLC ตั้งใจถ่ายทอดออกมาในมุมของความมั่นใจของคนๆ หนึ่งในการก้าวผ่านความกลัว และอุปสรรคต่างๆ

3. Minnie (มินนี่) หนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้ วง (G)I-DLE

มาต่อที่คนที่สามอย่าง Minnie (มินนี่) หรือ ณิชา ยนตรรักษ์ เริ่มเดบิวต์เป็นศิลปินในนาม (G)I-DLE (จี-ไอเดิล) เมื่อปี 2018 มีความสามารถทั้งด้านการร้อง และการเต้น จุดนี้ทำให้เธอได้ไปยืนอยู่ตำแหน่ง Main Vocal ของวงเลยทีเดียว เมื่อไม่นานเธอได้ปล่อยซิงเกิล “DUMDi DUMDi” ที่ฮิตจนครองอันดับ 1 บน iTunes Charts ทั่วโลก

4. Lucas (ลูคัส) หนึ่งในสมาชิกของบอยแบนด์วง SuperM

ลูคัส ศิลปินลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง โดยมีคุณพ่อเป็นคนฮ่องกงและคุณแม่เป็นคนไทย เขาเกิด และเติบโตใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศฮ่องกง ปี 2017 เขาได้เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการเมื่อค่าย S.M. เปิดตัวชายหนุ่มคนนี้ในฐานะสมาชิกคนใหม่ของ SM Rookies กลุ่มเด็กฝึกซึ่งมีแผนการเดบิวต์เป็นศิลปินในอนาคต ด้วยความหน้าตาภาพลักษณ์ที่ดูเท่ และฝีมือการร้องและเต้น ทำให้ปัจจุบัน ลูคัส เป็นสมาชิกของ 3 วงดังด้วยกันได้แก่ SuperM, NCT U และ WayV ร่วมกับ Ten (เตนส์)

5. Ten (เตนส์) ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย

มาถึงคิวของศิลปินหล่ออปป้าพูดได้ถึง 5 ภาษาอย่าง Ten (เตนล์) หรือ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล คนนี้ดีกรีไม่ธรรมดา เพราะความสามารถเข้าตา และเป็นสมาชิกถึง 3 วงดังด้วยกันได้แก่ SuperM, NCT U และ WayV ถูกขนานนามให้เป็นศิลปินอัจฉริยะทางภาษา เพราะเจ้าตัวพูดได้ถึง 5 ภาษา ได้แก่ภาษาไทย เกาหลี อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น สุดยอดไปเลยคนนี้

6. Sunnee (ซันนี่) หรือ เกวลิน บุญศรัทธา

ศิลปินไอดอลสาวหล่อ สุดเท่ ลูกครึ่งไทย-ไต้หวัน Sunnee (ซันนี่) มีอีกชื่อเรียกภาษาจีนว่า หยางหยวินฉิง (Yang Yunqing) วัย 23 ปี เป็นศิลปินหน้าใหม่ที่มียอดขายอัลบั้มเยอะที่สุดใน Greater China ฟาดยอดขายกว่า 500,000 อัลบั้ม ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน

7. LYRA (ไลร่า) เกิร์ลกรุ๊ป T-POP มาแรงของ พ.ศ.นี้ ศิลปินผู้สร้างปรากฏการณ์เดบิวต์ซิงเกิลแรก 6 วัน 6 ล้านวิว

สำหรับเกิร์ลกรุ๊ปมาแรงที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ในวินาทีนี้ LYRA  (ไลร่า) ประกอบด้วยสมาชิก 6 คนจาก BNK 48 ที่ผ่านการออดิชั่นอย่างเข้มข้นไปเมื่อปลายปี 2562 ได้แก่ ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร, เนย-กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล, กระเต็น-เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ, นิว-ชัญญาภัค นุ่มประสพ, ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา และนิกี้-วรินท์รัตน์ ยลประสงค์ เดบิวต์ซิงเกิล Self-Titled ในชื่อ “LYRA” ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พวกเธอเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปไทยกลุ่มแรกที่สร้างปรากฎการณ์หลังเดบิวต์เพลง กวาดยอดวิวบน YouTube 6 ล้านวิว ภายใน 6 วัน และยังเป็นเกิร์ลกรุ๊ป T-POP กลุ่มแรกที่ถูก “Rolling Stone” สื่อดังจากต่างประเทศพูดถึง เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาระดับโลกจริงๆ ต่อมาเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา LYRA เพิ่งปล่อยซิงเกิลที่สองในชื่อเพลง “Vanilla” เพลงแนวป็อปที่สามารถเต้นหรือขยับตามได้ เหมาะกับการพักผ่อนและท่องเที่ยวในสไตล์ Road Trip

8. วิโอเลต วอเทียร์ ศิลปินลูกครึ่งไทย-เบลเยียม ที่ฝากผลงานเพลงสากลไว้มากมาย

ปิดท้ายที่ “วิโอเลต วอเทียร์” คือศิลปินที่ถูกยอมรับอย่างหนาหูในเรื่องของความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านดนตรีกับเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้แฟนเพลงของเธอ ยกให้เธอเป็นศิลปินไทยคนแรกที่มีกระแสตอบรับดีมาก ดังไกลระดับสากล เมื่อกลางปี 2020 เธอประกาศเปิดตัวอัลบั้มแรกในชีวิตชื่อว่า “Glitter and Smoke” ที่ถ่ายทอดทุกมุมมองของเธอลงในเพลงทั้ง 9 เพลง ได้ร่วมงานกับศิลปินรุ่นพี่อย่าง “แม็กซ์ เจนมานะ” และ “SYPS” รวมไปถึงยังได้ “โหน่ง-วิชญ วัฒนศัพท์” โปรดิวเซอร์ชื่อดังมาทำเพลงในอัลบั้มให้สมบูรณ์แบบ ไม่เพียงเท่านี้อัลบั้ม “Glitter and Smoke” กลายเป็นอัลบั้มที่ฮิตติดชาร์ตอันดับ 1 บน iTunes และ Apple Music อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเพลงในอัลบั้มดังกล่าวยังฮิตติดท็อปชาร์ตถึง 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย, ญี่ปุ่น, เบลเยียม, สิงคโปร์, มาเลเซีย , อินโดนีเซีย ,ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา, ศรีลังกา, และ ประเทศไทยอีกด้วย เล็กพริกขี้หนูจริงๆ

เชื่อได้ว่าหลายคนคงจะมองภาพศิลปินเหล่านี้ไม่ออกเลยในช่วงที่พวกเขา และพวกเธอยังอยู่ในวัยเด็ก แต่มาวันนี้ความสามารถผลักดัน นำพาโอกาส และความก้าวหน้า ให้ 7 ศิลปินตัวท็อปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย พร้อมพาผลงานเพลงดังไกลไปทั่วโลก ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ ส่วนใครที่อยากฟังผลงานเพลงสุดปังของพวกเขาทั้ง 8 คนสามารถฟัง “Playlist” ทั้งหมดได้ที่ ASIAN POP : https://AsianPop.lnk.to/Playlist   , INTER POP : https://InterPop.lnk.to/Playlist

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ใครกันคือ อรพรรณ สายทอง ดาราลูกครึ่งไทย-จีน ที่ถูกเปรียบเทียบกับ หลิวอี้เฟย

6 เรื่องที่ทำให้รู้ว่านางเอก จอนจีฮยอน และครอบครัว รวยระดับหมื่นล้าน

ลิซ่า แบล็กพิงก์ เผยความในใจ กงยู โอปป้า นี่แหละ! หนุ่มในสเปคของเธอ

The post ไม่ได้มีดีแค่ในไทย! รวม 8 ศิลปินตัวท็อป ผลงานเพลงปัง ดังไกลถึงต่างแดน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

การเลี้ยงเด็กสักคนหนึ่งไม่ใช่การทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่จะวางทุกอย่างไว้ตามระบบแบบเป๊ะๆ แต่ต้องมีองค์ประกอบร่วมด้วยหลายอย่าง โดยเฉพาะความเข้าอกเข้าใจจากคุณพ่อ-คุณแม่ ดังนั้น จึงทำให้แต่ละบ้านมีการอบรมเลี้ยงดูไม่เหมือนกัน โดยหนึ่งในประเด็นที่หลายบ้านยุคนี้ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องเกม ที่เข้ามาดึงความสนใจของลูกๆ จากพ่อ-แม่ ซึ่งแต่ละครอบครัวก็มีเรื่องราวที่แตกต่างกันไป แต่กับบ้านของนักแสดงและ กูรูด้านการเงิน ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช ดูเหมือนว่านอกจากไม่มีปัญหาแล้ว ลูกชายของเขายังได้พลิกให้เป็นโอกาสด้วย เพราะคุณพ่อคนนี้ได้เผยกับ “แพรวดอทคอม” ว่าลูกชายวัย 17 ปี  “น้องอชิ” ตอนนี้ทำเงินจากเกมได้เยอะมากๆ เลยทีเดียว

ตอนนี้น้องอชิโตมากแล้ว ความสัมพันธ์พ่อลูกเริ่มห่างจากเมื่อก่อนไหม?

“จริงๆ ความสัมพันธ์เราไม่ได้ห่างกันนะครับ เพียงแค่เวลามันน้อยลงเพราะเขามีบางอย่างที่ต้องดูแล เช่น เขาจะต้องสอบเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เหมือนเขามีหน้าที่รับผิดชอบเยอะขึ้น เลยอยู่กับพ่อได้น้อยลงมากกว่า”

เหงาไหมคะ ในวัยที่ลูกเริ่มโตขึ้น?

“เมื่อก่อนผมอยู่กับลูกอาทิตย์ละ 3-4 วัน และเวลาที่เราไปเมืองนอกกลับมาผมก็จะอยู่กับลูกทุกวัน พอหลังๆ ก็เปลี่ยน เป็นอยู่กับเราวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ แต่พอตอนนี้ไม่มีแล้ว จะกลายเป็นแค่วันเสาร์และวันอาทิตย์ เพราะวันศุกร์เขาก็จะต้องกลับไปทำอะไรบางอย่างของเขา พอวันเสาร์เราถึงค่อยไปรับลูก มันก็เลยทำให้วันที่จะอยู่ด้วยกันสั้นลง เดี๋ยวนี้วันศุกร์ผมก็จะว่างมากขึ้น เมื่อก่อนวันศุกร์และวันเสาร์ผมไม่เคยนัดกับเพื่อนเลย ตอนนี้นัดกับเพื่อนได้แล้ววันศุกร์ บอกตรงนี้ให้เพื่อนๆ รับรู้ด้วยนะ”

ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไป มีเรื่องเกมที่เข้ามาดึงความสนใจเขา วิธีการดูแลน้องอชิต้องปรับยังไงบ้าง?

“อย่างแรกต้องไม่ให้มันเว่อร์ไป เราต้องให้เขารู้ว่าความพอดีอยู่แค่ไหน อย่างแรกคือส่งไปเรียนหนังสือ ก็ต้องเรียนให้มันได้อันนั้นอย่างแรก เมื่อทำได้แล้วเราก็ต้องให้โอกาสเขาทดลองในสิ่งที่เขาชอบเพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ถ้าเก่งมันสามารถหาเงินได้ทั้งนั้น ตอนนี้เขาสตรีมเกมเขาก็สามารถสร้างเงินได้ คือมันไม่ใช่ว่าการเล่นเกม มันเหมือนกับสมัยที่เราเล่นตอนเด็กๆ ที่มันไม่มีประโยชน์อะไร ยกเว้นฆ่าเวลา ดังนั้นสมัยนี้มันไม่เหมือนเดิม”

“แล้วบางทีสิ่งที่เราไม่เข้าใจ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ใช่แล้ว และกำลังจะเกิดก็ได้ ซึ่งเราเองก็ไม่รู้มากก่อน ดังนั้นส่วนตัวผมคิดว่าผมจะปล่อยระดับหนึ่ง ให้อย่างน้อยได้ทำหน้าที่ในสิ่งที่ตัวเองควรทำ แล้วที่เหลืออยากทำอะไรก็ทำไป แต่ให้ก็ต้องให้เขารู้จักดูแลตัวเองและสุขภาพของตัวเองด้วย”

ดูแล้วน้องอชิน่าจะมีความสามารถทางด้านไหนเป็นพิเศษ?

“เรื่องอิเล็กทรอนิกส์ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีมากแค่ไหน เพราะด้วยยุคนี้เด็กทุกคนอาจจะเก่งแบบนี้ก็ได้ เพราะเราก็ไม่ได้ไปดูลูกคนอื่นว่าเก่งแค่ไหน แต่เราใกล้ชิดลูกเรา เขาสามารถเข้าใจระบบคอมว่าอันนั้นอันนี้จะต้องแก้ไขยังไง สมัยก่อนถ้าคอมพิวเตอร์ผมก็ส่งหาช่าง แต่กับอชิเขาจะลองทำดูเองก่อนโดยดูจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งเขารู้ว่าจะต้องเปลี่ยนแค่ส่วนไหน เป็นเราก็คงเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดไปแล้ว คือเราไม่รู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน แต่ดูแล้วที่แน่ๆ เขาเก่งกว่าเรา”

เลี้ยงลูกในสไตล์ ฟลุค-เกริกพล กูรูด้านการเงิน คุณพ่อรุ่นใหม่เข้าใจเกมเมอร์

มีโอกาสจะเข้าวงการบันเทิงเหมือนคุณพ่อไหม?

“ดูจากทรงแล้ว ก็ค่อนข้างยากนะ เขาเป็นคนขี้อาย แต่ถ้าถ่ายแบบก็อาจไม่แน่ต้องขึ้นอยู่กับตัวเขา แต่ผมคิดว่าไม่เอาเงินมาล่ออาจจะไม่ได้ผลแล้ว เพราะตอนนี้เขาขายของในเกม ตอนแรกเราก็ไม่ค่อยเข้าใจลอจิกนี้ แต่เขาทำได้ ล่าสุดเขาบอกว่าอยากลงทุนเราก็ให้ลงทุนแล้วแบ่งกำไรกัน โดยนอกจากผมแล้ว เขาก็เอาเรื่องนี้ไปขายกับปู่กับย่าด้วย ตอนนี้ก็ได้ผู้ลงทุนใหม่เป็นคุณย่า ได้กำไรกลับมา 30,000 บาท ในระยะเวลา 2 เดือน หลังจากที่ให้เงินลงทุนเขาไป 80,000 บาท ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้อย่างไร ผมเล่นหุ้นยังไม่ได้อย่างนี้เลย”

ทำมานานเท่าไหร่แล้ว?

“ทำมาประมาณ 2 ปีแล้วครับ ผมให้เงินเดือนเขาไป เขาใช้หมดตั้งแต่ต้นเดือนเลย พอผมถามเขาบอกผมว่าซื้อไอเทมในเกม อย่างซื้อมา 10,000 บาท ขายไป  20,000 บาท ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน สักพักก็เริ่มมาซื้อ 30,000-40,000 บาท ก็ขายได้ 60,000 บาท ซื้อพวก 80,000 บาท ขายได้ 120,000 บาท อะไรอย่างนี้”

รายได้การลงทุนแบ่งกันอย่างไรสำหรับพ่อ-ลูก?

“การลงทุนเราแบ่งกันตอนแรก 50 : 50 แต่ผมก็ไม่อยากเสียเงิน ผมก็ถามลูกว่าลูกการันตีไหมถ้าพ่อเสียเงินอชิต้องจ่ายให้พ่อนะ เขาก็การันตี ผมก็เปลี่ยนบอกลูกว่าอย่างนั้นพ่อเอา 30% เพราะมีการการันตี จนวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลย แต่มีเงินโอนเข้ามาตลอด เวลาผมจ่ายเงินผมก็จะมีคำถามเขาตลอดว่าทำไมต้องซื้ออันนี้ เขาก็ให้คำตอบได้ว่า ต้องซื้อตอนนี้เพราะเดี๋ยวช่วงคริสต์มาสมันจะขึ้น เพราะคนจะเล่นเยอะ อีกทั้งคนก็ได้เงินเยอะ ดังนั้นยังไงมันก็ต้องขึ้นแน่ๆ เขาค่อนข้างที่มีความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่มากพอสมควร”

อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นเราต้องเรียนรู้แล้วนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม

ภาพจาก IG @achirawat @fluke777

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ฟลุค-เกริกพล & นาตาลี เล่าโมเม้นต์ น้องอชิ น้ำตาคลอ ดีใจที่จะได้เป็นพี่ชาย

เผลอแป๊บเดียว น้องอชิ ลูก “พ่อฟลุค-แม่โบ” โตเป็นหนุ่ม หล่อพุ่งในลุคคูลๆ

น้องอชิ ยินดี! งานแต่งงานแห่งปี ฟลุค เกริกพล & นาตาลี หลานสาว เจ้าสัวซีพี

The post เลี้ยงลูกในสไตล์ ฟลุค-เกริกพล กูรูด้านการเงิน คุณพ่อรุ่นใหม่เข้าใจเกมเมอร์  appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ดาราหนุ่มผู้ล่วงลับ แชดวิก โบสแมน ได้เสียชีวิตลงจากโรคมะเร็งลำไส้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา นั่นทำให้แฟนหนังของเขาทั่วโลกต่างรู้สึกเศร้าโศกใจ แม้เขาจากโลกนี้ไปหลายเดือน แต่ชื่อของเขายังถูกพูดถึงโดยเฉพาะในฐานะนักแสดงฝีมือดีที่คนดูชื่นชอบ และเมื่อไม่นานมานี้โบสแมนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล นักแสดงนำชายดีเด่นจากงาน Gotham Awards จากผลงานเรื่อง “Ma Rainey’s Black Bottom” ผลงานเรื่องสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

สำหรับ เรื่อง “Ma Rainey’s Black Bottom” เป็นผลงานที่ดัดแปลงมาจากละครเวทีเมื่อปี1982 เล่าเรื่องราวของการต่อสู้ของนักร้องหญิงผิวสีในสังกัดค่ายเพลงของคนขาว โดยโบสแมนรับบทเป็นนักทรัมเป็ต (Trumpet) หนุ่มที่หวังจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน

ไม่เพียงแค่รางวัลจากเวทีนี้เท่านั้น เพราะแววว่านักแสดงหนุ่มผู้ล่วงลับอาจจะมีชื่อเข้าชิง นักแสดงสมทบชายจากภาพยนตร์เรื่อง Da 5 Bloods จากเวที ออสการ์ ครั้งที่ 93 ที่มีแผนจะจัดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน 2564 อีกด้วย ซึ่งหากผ่าน เขาจะเป็นนักแสดงคนที่ 3 ที่มีชื่อลุ้นรางวัลนี้หลังจากเสียชีวิต

ดาราหนุ่มผู้ล่วงลับ แชดวิก โบสแมน มีชื่อชิงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

แชดวิก โบสแมน ดาราหนุ่มผู้เติมเต็มรอยยิ้ม แม้ในช่วงท้ายของชีวิต

สาวกมาร์เวล กรี๊ดดด เจ้าชายทีชัลล่า แอ่วเหนือ เยือนเมืองเชียงใหม่

อ่าวเห้ย! เลิกแล้ว แบรด พิตต์ – นิโคล โพทูราสกี 3 เดือนรักสะบั้น

The post ดาราหนุ่มผู้ล่วงลับ แชดวิก โบสแมน มีชื่อชิงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ส่อง 4 หนุ่มหล่อสุดฮ็อตแดนไต้หวัน ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความหล่อจนสาวๆ กรี๊ดอย่างเดียวเท่านั้น! แต่ยังเป็นนักร้องน้ำเสียงทำให้สาวๆ เคลิ้มมาแล้วไม่พอ! โดดลงเล่นซีรีส์งานแสดงก็ปังอีกต่างหาก จะมีใครบ้างนั้น ไปชมกันเลยดีกว่า!

ส่อง 4 หนุ่มหล่อสุดฮ็อตแดนไต้หวัน! ร้องเพลงก็ดีเล่นซีรีส์ก็ปัง!

คนแรกหนีไม่พ้น “แจสเปอร์ หลิว” หรือ “หลิวอี่หาว” อดีตมือกีตาร์วง Morning Call เจ้าของฉายาเรนแห่งเกาะไต้หวัน ที่ได้โดดมาเล่นซีรีส์ “My Goddess ปลูกหัวใจให้รักผลิบาน” กับบทบาท เหยียนตงหมิง นักแต่งเพลงตกอับที่จับผลัดจับผลูมาทำงานเป็นชาวไร่เพื่อชดใช้หนี้สินเป็นเวลา 1 เดือน การแสดงของ แจสเปอร์ หลิว ในเรื่องถือว่าโดนใจสาวๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว!

คนที่สองหลายคนอาจจะรู้จัก “โจวถังหาว” ในฐานะแร็ปเปอร์หนุ่มสุดเท่ แต่เมื่อเขามาชิมลางงานแสดงบทพระเอกเต็มตัวในซีรีส์ “Love, Timeless ขอให้รักนี้ดีกว่าเมื่อวาน” ก็กลายเป็นที่รักของแฟนๆ มากขึ้น เพราะไม่เพียงแค่หล่อ, เท่ห์, ดูดีทุกมุม แต่เขายังมีความสามารถที่ทำให้สาวๆ คลั่งไคล้ได้ไม่น้อยเช่นกัน

คนที่สาม “จอร์จ หู” หรือ “หูอวี่เว่ย” นักร้องหนุ่มงานดีชาวไต้หวัน เป็นทั้งนักร้องนักแสดงชื่อดัง เขาเคยมีผลงานการแสดงร่วมกับสาวเกาหลีชื่อดังอย่าง พัคชินฮเย ในภาพยนตร์เรื่อง Hayate the Combat Butler แถมยังมีผลงานซีรีส์ “Art in Love ภวังค์รักต้องมนต์” ที่ทำให้สาวๆ ทั้งเกาะไต้หวันตามกรี๊ดเขาเป็นแถว

คนที่สี่ “หวังตงเฉิน” หรือ “จิโร่ หวัง” หนุ่มหล่อชาวไต้หวัน อดีตสมาชิกบอยแบนด์วงฟาเรนไฮต์ ปัจจุบันเขาทำงานเป็นศิลปินเดี่ยว, โปรดิวเซอร์และนักแสดงชื่อดังในวงการบันเทิงจีน ผลงานซีรีส์เด่นๆ ของหนุ่มสุดเท่คนนี้ก็คือซีรีส์เรื่อง “Rakshasa Street เพชฌฆาตสับอสูร” ที่เขารับบทเป็นขุนพลส่งวิญญาณ ผู้คุมเขตแดนถนนหลั่วซานั่นเอง!

เห็น 4 หนุ่มหล่อเสียงเพราะงานดีขนาดนี้แล้ว! เห็นทีต้องไม่พลาดติดตามผลงานแสดงของพวกแล้วล่ะ

เอาใจแฟนคลับคู่จิ้น ไป๋ลู่-สวี่ข่าย ในซีรีส์จีน วุ่นรักนักเรียนเตรียมทหาร

แบซูจี นางเอกผู้ทรงเสน่ห์ กับ 4 พระเอกตัวท็อป แห่งเกาหลี ที่ตกเป็นข่าวลือด้วย

ใครกันคือ อรพรรณ สายทอง ดาราลูกครึ่งไทย-จีน ที่ถูกเปรียบเทียบกับ หลิวอี้เฟย

The post ส่อง 4 หนุ่มหล่อสุดฮ็อตแดนไต้หวัน! ร้องเพลงก็ดีเล่นซีรีส์ก็ปัง! appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

คู่รักหลายคู่เลิกรากันไปแล้วก็แทบมองหน้ากันไม่ติด แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เลิกรากันไปก็ยังสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ โดยหนึ่งในนั้นก็คืออดีตคู่รักนักร้อง นิโคล เทริโอ และ แมว-จิรศักดิ์ ปานพุ่ม คุณพ่อคุณแม่ของหนุ่มน้อยรูปหล่อ ทิกเกอร์ -อชิระ เทริโอ โดยล่าสุด แม่ลูกได้มาเป็นแขกรับเชิญสุดพิเศษในรายการ  Club Friday Show ผลิตโดย เช้นจ์2561 ซึ่งนิโคลได้ย้อนเล่าไปถึงชีวิตแต่งงาน พร้อมเปิดใจถึงบิ๊กแฟมิลี่ ครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรัก

นิโคล เทริโอ เปิดใจถึงบิ๊กแฟมิลี่ ครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรัก

ชีวิตแต่งงานเป็นไปอย่างที่คิดหรือเปล่าหลังจากแต่งงานแล้ว?

“เป็นค่ะ จนกี้มีทิกเกอร์ การแต่งงานก็เป็นอย่างที่คิด เพราะทิกเกอร์เขาเป็นส่วนที่มาเติมเต็มหัวใจเรา (นี่เป็นน้ำตาของความสุขเป็นอะไรที่ดีที่สุด) คือ หลายๆ คนมักถามเราว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากจะเปลี่ยนอะไรไหม เราไม่เคยมีความคิดนั้นแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเราได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมาก็คือ ลูก”

 ในวันที่ตัดสินใจว่าจะเดินออกมา ตัดสินใจที่จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนเดียวคิดหนักไหม?

“คิดหนักค่ะ แต่เราก็พยายามเท่าที่ทำได้แล้ว มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเรามีสติ นึกถึงลูกเป็นหลัก ความรู้สึกของลูกสำคัญที่สุด ความรู้สึกทั้งกี้ และ พ่อของเขา ออกไปก่อนเลย ยิ่งตอนนี้ ยิ่งรู้ว่าเราตัดสินใจถูกต้อง เพราะเราไม่ได้เป็นคู่ชีวิตของพี่แมว จริงๆ แหนวกับพี่แมว คือ เนื้อคู่กัน ซึ่งเรากับพี่แมว ตอนนี้เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน ยังเป็นครอบครัวที่ดีต่อกัน”

ซึ่งบางคนอาจจะรู้สึกแปลกที่ทำไมกลับมาสมัครสมานสามัคคีกันได้ เราใช้เวลานานไหมกว่าจะมาเป็นเพื่อนกัน

“กี้ รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกตินะคะ เพราะเราไม่ได้ใช้เวลาที่จะเป็นเพื่อนกันเลยเพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตลอด แม้แต่ต้องมาเซ็นใบถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าทุกชีวิตมันไม่เหมือนกันอันนี้เป็นทางออกแล้วตอนนั้นดีที่สุด แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆพี่แมว ไปเจอเนื้อคู่ของเขาจริงๆ กี้ไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่แมว แต่ฟ้าลิขิตมาให้เราใช้ชีวิตร่วมกันระยะหนึ่ง แล้วก็ได้มีลูก คือ ทิกเกอร์ นี่คือฟ้าลิขิตมาและขอบคุณมากๆ จำได้เลยวันที่ แจ๊สเปอร์ เกิด กี้ กับ ทิกเกอร์ คือ ตื่นเต้นมากแล้ว ทิกเกอร์ ได้อุ้มน้อง เราไม่เคยมีอะไรที่แบบบางคนจะคิดว่ามันมีอะไรหรือเปล่า ไม่มีเลย แหนว เป็นผู้หญิงที่น่ารักมากและดูแลพี่แมวดีมาก และรัก ทิกเกอร์ เพราะฉะนั้นเป็นอะไรที่เราโชคดีที่มีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นและรักกัน”

ข้อมูลจาก : Club Friday Show 

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

งานดีได้พ่อได้แม่! เปิดใจ “ทิกเกอร์-อชิระ เทริโอ” ความเป็นศิลปินอยู่ในสายเลือด

ในวันที่หัวใจอ่อนแอ นิโคล ได้ลูกชาย น้องทิกเกอร์ เป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจ

มีความสุขกับชีวิตโสด “นิโคล เทริโอ” สวยเด้งแบ๊วขึ้น ดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

The post นิโคล เทริโอ เปิดใจถึงบิ๊กแฟมิลี่ ครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรัก appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อไม่นานมานี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง BURBERRY ได้เปิดแคมเปญล่าสุดที่นำเสนอการรวบรวมความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันระหว่างโลกของ แฟชั่น การเต้น รำ และกีฬา ความหลากหลาย และอิสรภาพ หล่อหลอมในบริบทเดียวก็คือจักรวาลของ BURBERRY

โดยในแคมเปญล่าสุดของ BURBERRY กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในเมืองไทย เนื่องจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำได้เลือกนายแบบหนุ่มสายเลือดไทยมาร่วมในแคมเปญนี้ด้วย

Zak Srakaew หรือ ศักดิ์ สระแก้ว นายแบบเชื้อสายไทย-ลาว เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด แต่เติบโตและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษกับคุณแม่ “ศักดิ์” สารภาพว่าเขาพูดภาษาไทยได้แต่ไม่สามารถเขียนได้ นั่นเป็นเพราะว่าตอนที่อยู่เมืองไทยยังไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เมื่อมีแฟนชาวไทยส่งคอมเม้นต์หรือข้อความหาหนุ่มคนนี้ก็มักจะตอบกลับด้วยข้อความ “ขอบคุณครับ” เกือบทุกครั้ง

ทั้งนี้นอกจากใบหน้าที่โดดเด่นแบบหนุ่มเอเชียแล้ว เขายังเป็นคนที่รักการออกกำลังกาย ดังนั้นรูปร่างของเขาจึงดูดีและเฮลตี้อยู่เสมอ นั่นจึงทำให้ได้รับเลือกให้เป็นนายแบบในแบรนด์กีฬามากมายไม่ว่าจะเป็น Adidas, Nike, Fila ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ “ศักดิ์” ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของเขา หลังวจากที่แม่ตัดสินใจที่จะย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย

“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันนี้แม่ของฉันย้ายกลับบ้านที่ประเทศไทย กลับไปยังที่ที่เธอจากมา ตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม่มักพูดถึงการย้ายกลับไป ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้ที่แม่ยังไม่ตัดสินใจกลับก็เพราะว่าแม่คงอยากให้แน่ใจว่าฉันโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว  ฉันแค่อยากจะกล่าวขอบคุณจากก้นบึ้งหัวใจสำหรับสิ่งที่แม่ทำให้เสมอ  ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ฉันคงไม่ได้เป็นฉันในวันนี้ หรือบางทีฉันอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ ขอบคุณแม่ที่ทำทุกๆ อย่างเพื่อฉัน ฉันหวังว่าแม่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในการเดินทางและมีความสุข รักแม่ตลอดไป ฉันหวังว่าแม่จะสนุกกับบ้านหลังใหม่”

ภาพในวัยเด็กของ Zak Srakaew หรือ ศักดิ์ สระแก้ว นายแบบเชื้อสายไทย-ลาว

ภาพจาก : zakyeah

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

The post ย้อนภาพวัยเด็ก นายแบบเชื้อสายไทย-ลาว โมเดลสุดฮ็อตในแคมเปญ BURBERRY appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

1. ฉายแววหล่อแต่เด็กเลยสำหรับ น้องพอล ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน ของอั๋น ภูวนาท และจ๋า อลิสา ล่าสุดนั้นคุณพ่อพิธีกรคนเก่งก็ได้มาอัพเดตพัฒนาการของลูกชายว่าหลังเข้าโรงเรียนน้องพอล แฮปปี้ มีพัฒนาการที่ดีมาก

นอกจากจะเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในบ้านแล้ว น้องพอล ยังเป็นขวัญใจเหล่าชาวโซเชียลที่ตามดูความน่ารักสดใสตั้งแต่เกิดจนตอนนี้อายุ 2 ขวบ 5 เดือน คุณพ่ออั๋น ภูวนาท ได้พา น้องพอล และป้าเอ๋ พี่สาวสุดที่รักมาอัพเดตความน่ารักและพัฒนาการหลังจากที่ น้องพอล ได้เข้าโรงเรียน ซึ่งทั้งแด๊ดดี๊อั๋นและคุณป้าเอ๋ถึงกับเอ่ยปากยอมรับในพัฒนาการของ น้องพอล เลยว่าเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมากๆ

อั๋น ภูวนาท เล่าหลังลูกชายเข้าโรงเรียน น้องพอล แฮปปี้ มีพัฒนาการที่ดี

ช่วงนี้เข้าโรงเรียนแล้ว เห็นว่าตอนเช้าจะร้องไห้เป็นพิธี

อั๋น ภูวนาท : ผมคิดว่าเด็กคนอื่นๆ เป็นแบบนี้เหมือนกันนะ แต่ข้อดีของเขาคือ รู้หน้าที่ของเขาอย่างชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่รู้เลยว่าตัวน้องพอลติดจีพีเอสหรือว่าอะไรเพราะเขายังไม่เห็นรถเราเลย เขาจะเริ่มแบะปากไว้รอเป็นอัตโนมัติเลย ซึ่งเราก็งงมากว่ารู้ได้ไงว่าเป็นเลี้ยวนี้ ซึ่งมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก

ช่วงนี้ก็ลุ้นวันต่อวันแล้วว่าเช้านี้จะยังไงจะร้องไหม แต่จริงๆ เขาไม่เคยเกลียดโรงเรียนเลย แต่เขาอยากให้เราเข้าไปด้วยเท่านั้นเอง ต่อให้เขาร้องหนักแค่ไหนก็ตามนะ แต่ถ้าพอครูเดินมา จะโผไปหาครูเสมอ และพออยู่กับครูแล้วจะหยุดร้องเลย แล้วพอหันมาหาเราแล้วก็บ๊ายบาย

ที่ผ่านมาคือมีคนส่งข้อความมาเยอะมาก ทำไมให้น้องพอลไปโรงเรียนเร็ว แต่ผมอยากจะบอกว่าเราเห็นการเปลี่ยนแปลงจากการที่ น้องพอลไปโรงเรียนเยอะมาก แล้วคือการไปโรงเรียนครูเขาจะบอกอะไรเรามาเยอะว่าเขามีอะไรตรงไหนที่น่ากังวลและเราต้องฝึกร่วมกันแล้วเราไม่เคยคิด เช่น น้องพอลกินข้าวเองไม่เป็น (ซึ่งเราเองเราฟังยังตกใจว่าลูกเรากินข้าวเองไม่เป็นเหรอ) ด้วยเหตุผลว่าเพราะเราอยากให้เขากินเยอะ เราเลยป้อน และ น้องพอลไม่เก็บของ เราก็จะไม่ทันสังเกตว่าเขาไม่เก็บเพราะว่าผมแย่งเก็บของตลอด เพราะเป็นคนกลัวรก เราก็จะเก็บๆ เขาไม่มีโอกาสได้เก็บ เขาเลยไม่รู้ และน้องพอลใช้คนอื่นเก่ง เช่น เขาเจอกระติ๊บ เขาจะบอกว่าอยากเอาอันโน้นเก็บให้หน่อย

ป้าเอ๋ : คืออย่างเวลาเขาอยู่กับเรา เขาก็จะชี้ว่าจะเอาอันนั้น อันนี้ เราก็ไปหยิบมาให้เขา เพราะเป็นการที่เราซัพพอร์ตเขาตลอดเวลา

อั๋น ภูวนาท : อย่างขึ้นรถเขาจะถอดรองเท้า เขาก็จะพูดขึ้นมาว่าถอดรองเท้า แต่เขาไม่ถอดเองนะ เขาพูดเพื่อให้คนอื่นถอดให้ เหมือนเขาสั่งทุกอย่าง

แล้วเมื่อไปโรงเรียนแล้วคุณครูเขาปรับน้องพอลแล้วคุณพ่อก็ต้องปรับไปด้วยไหม

อั๋น ภูวนาท : ใช่ครับ คืออย่างตอนนี้ เวลาเขาพูดขึ้นมาว่าจะถอดรองเท้า เราก็จะบอกเขาว่า น้องพอลก็ถอดสิครับ เขาก็พยายามที่จะถอดรองเท้าเอง

ป้าเอ๋ : คือจริงๆ เราอยู่กับเขาจนชิน จนเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำสิ่งไหนคือปัญหา แต่การที่น้องพอลไปโรงเรียน พอครูมาพูดว่าการที่เขาเขวี้ยงของแล้วเรามาเก็บ รู้สึกว่าเขาเขวี้ยงแล้วเขาไม่ผิด เพราะคนอื่นมาตามเก็บ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าจะมีวิธียังไงให้เขาเก็บของ เพราะพอน้องไปโรงเรียนเร็วจะทำให้เรามองเห็นปัญหาที่เราไม่เห็น เพราะเราเองอยู่กับเขาทุกวันมันจะเป็นพฤติกรรมที่ชิน น้องเองก็ชิน เลยกลายเป็นแบบนั้น

ตอนนี้เห็นว่า น้องพอล มีนิสัยอย่างหนึ่งเหมือนคุณพ่อยืนชมตัวเองหน้ากระจก

อั๋น ภูวนาท : ไม่จริง !!!  

ป้าเอ๋ : ไม่ชมตัวเองหน้ากระจก ก็ยืนคุยกับตัวเอง ครูเขาเล่าให้ฟัง พอเรารับน้องพอลเรียบร้อย ครูก็จะมาบรีฟให้ฟังว่าเขามีพัฒนาการ หรือมีปัญหาด้านไหน คือเขาก็บอกว่ามาน้องพอลเขาชอบไปยืนหน้ากระจกแล้วบอกว่าตัวเองหล่อ (หัวเราะ)

อั๋น ภูวนาท : ต้องขอบอกก่อนว่าการที่เขาชมตัวเองเพราะว่าเราเอาเสื้อผ้า เอาหมวก เอาอะไรมาให้เขาเล่น หรือเขาใส่แว่นแล้วบอกว่า น้องพอลวิ่งไปดูกระจกสิ พอเขาวิ่งไปดูเราก็บอกเขาว่าหล่อไหม เขาก็จะมองแล้วบอกว่าหล่อ เพราะมันเจอคำถามนี้ไง เขาเลยจำคำตอบแบบนี้ ตอนนี้ก็มีเลือกเสื้อผ้าเองแล้วบ้าง แต่ส่วนใหญ่เขาจะบอกว่าเขาไม่ใส่อะไร

ป้าเอ๋ : ถามว่าเหมือนอั๋นไหม คิดว่าเหมือนนะ แต่อั๋นเขาไม่เคยบอกว่าหล่อ แต่จะแสดงออกทางสีหน้าว่า โอเค!!! ผ่าน

เพราะมีหลานชายน่ารักแบบนี้ เลยทำให้ติดหลานมาก ต้องตื่นหกโมงเช้าทุกวันเพื่อมาเล่นกับน้องพอล

ป้าเอ๋ : ติดมากค่ะ คือเป็นอย่างเดียวที่เรายอมทำที่ต้องตื่นมาเล่นกับเขา เพราะตอนหกโมง เจ็ดโมง เขามาเคาะเรียกที่หน้าห้องล่ะ คือถ้าเป็นคนอื่นเราก็จะหงุดหงิดนิดนึงทำไมมาปลุกตอนเช้า แต่สำหรับหลานง่วงยังไงเราก็ต้องเล่นกับเขา เพราะเรารักเขามาก น้องพอลทำให้เราเปลี่ยนไปมากๆ เพราะตั้งแต่มีน้องพอล คือเขาทำให้เราไม่เคยนอนตื่นสายเลย

น้องพอล นอกจากเป็นจุดศูนย์กลางของบ้านนี้แล้ว สร้างความสดใสให้ที่บ้านแล้ว ยังสร้างการทะเลาะเบาะแว้งให้ พี่อั๋น กับ พี่เอ๋ เรื่องการเลือกชุดให้ น้องพอลเพราะอะไร 

อั๋น ภูวนาท : อย่าเรียกว่าทะเลาะเลย ด้วยธรรมชาติของแต่ละคนเราจะมีความชอบที่แตกต่างกัน ซึ่งพี่ได้เรียนรู้สิ่งนี้เพราะเราได้อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ความสวย ความดูดีของแต่ละคน มันจะไม่เหมือนกันโดยรายละเอียด เพราะพี่เอ๋ เป็นผู้หญิงที่คิขุมาก

ป้าเอ๋ : อย่าเรียกว่าเราชอบความคิขุเลย เพราะเราคิดว่าเด็กในวัยนี้ควรที่จะใส่แบบสีสัน แต่ อั๋น เขาชอบสีที่คุมโทน จนเรารู้สึกว่า น้องพอลเขาแต่งตัวเกินวัยไปมาก

อั๋น ภูวนาท : คือเหมือนเราอยู่ใกล้ใครเราก็จะแต่งตัวแบบเขา อย่างเมื่อก่อนเราแต่งตัวเปรี้ยวกว่านี้ แต่พอเราอยู่กับ จ๋า เขาแต่งตัวแบบนี้ไง แต่พอมีลูกสิ่งที่เราเป็นสิ่งที่เราชอบก็ไหลไปหาลูกไง เมื่อก่อนตอนที่ น้องพอลคลอดมาตอนแรกๆ เรายังเลือกสีเลยว่าต้องเป็นสีนี้ สีนั้นเท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้ไปจำกัดอะไรขนาดนั้นนะ อะไรที่มันลงตัวในแบบของมันเราก็ปล่อยไป เพราะเดี๋ยวน้องพอลจะไม่รู้จักสี แต่เราไม่ชอบเลยการ์ตูนของน้องพอล ก็เลยจะไม่มีลายการ์ตูน

น้องพอล จะเป็นเด็กที่มีแผนสูงมาก ขี้แกล้ง แล้วก็จะมีประโยคเด็ดที่จะต่อรองกับครอบครัว

ป้าเอ๋ : คือ เขาเป็นคนที่รู้ว่าถ้าจะขออันนี้จะต้องไปขอจากใคร อย่างถ้าเขาขอพ่อแม่ไม่ได้แล้ว เขาจะต้องขอใครต่อ และถ้าเขาขอทุกคนแล้วไม่ได้ คนสุดท้ายของเขาคือ คุณย่า ซึ่งขอคุณย่า คือได้แน่นอน เพราะคุณย่า ประกาศไว้ว่าพวกเธอจะยังไงก็ช่าง ฉันไม่สนใจนะ แต่ถ้า น้องพอลมาขอเขา เขาให้ทุกอย่าง

คุณหญิงย่าให้ทุกอย่าง รวมถึงมรดกหมื่นล้านด้วยหรือเปล่า

อั๋น ภูวนาท : เราไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าได้ในขณะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ฉันก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก (หัวเราะ)

แล้วใครในบ้านที่น้องพอลฟังมากที่สุด 

ป้าเอ๋ : เขาฟังเป็นเรื่องๆ มากกว่าค่ะ และต้องเป็นใครห้ามและต้องฟังใคร เพราะทุกเรื่อง น้องพอลบังคับยากมากเพราะเขาจะมีความคิดของเขา เราก็ต้องอธิบาย อย่าคิดว่าเด็กวัยนี้แค่นี้เขาไม่ฟังนะคะ เขาเก็บข้อมูลในหัวอยู่ที่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ

อั๋น ภูวนาท : เราอธิบายให้เขาฟังมากเหมือนกัน และไม่ฝืนเขา ต้องให้เวลาเขาให้เขาอยากทำเอง เพราะทุกอย่างในโลกถ้าเรายิ่งไปสั่งเขาจะทำตรงข้าม เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ ทำค่อยๆ ไป

แล้วสำหรับ พี่อั๋น คิดว่าตอนนี้ตัวเองเปลี่ยนไปไหม

อั๋น ภูวนาท : เราเคยดูหนังโฆษณาว่าเด็กเลียนแบบเราเราไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ เช่น อยู่ที่โรงเรียนครูจะบอกว่าวันนี้ น้องพอลเก็บของแล้วนะ เพราะหลังๆ เราไม่เก็บ เพราะเราบอกเขาว่าน้องพอลต้องเก็บนะ (แต่มีครั้งหนึ่งที่ครูบอกว่าน้องพอลเก็บของแล้วนะ แต่ใช้เท้าเก็บ (หัวเราะ) เพราะบางครั้งเรารีบๆเราก็ใช้เท้าเก็บ เพราะเราขี้เกียจก้มเพราะเราคิดว่าเขาไม่เห็น แต่จริงๆ แล้วเขาเห็นเขาดูเราหมดทุกอย่าง เลยทำให้เรารู้เลยว่าเรื่องเล็กที่สุด ที่ละเอียดที่สุด

ป้าเอ๋ : ส่วนเราก็เปลี่ยนการใช้ชีวิตเหมือนกันค่ะ เพราะอย่างที่ อั๋น บอกเพราะเราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาการพูดจา ท่าทางทุกอย่างเพราะเราต้องเป็นโมเดลที่ดีให้เขา อยากจะบอกว่าน้องพอล คือ สิ่งมหัศจรรย์ของที่บ้านเลย เพราะว่าเราอยู่ในทุกๆ ช่วงเวลาชีวิตของ อั๋น กับ จ๋า รักๆ เลิกๆ จนเขาแต่งงานกันและเราก็คิดว่าเราคงไม่มีหลานเลย แต่อยู่ๆ วันหนึ่งที่มีน้องพอลขึ้นมา วันที่รู้ว่า จ๋า ท้องคือแทบจะกรี๊ดเลย

อั๋น ภูวนาท : เพราะที่ทุกคนได้รู้พร้อมกัน คือเราส่งคลิปที่เป็นรูปหัวใจเต้นของ น้องพอลเข้าไปในไลน์กลุ่มครอบครัว และพิมพ์บอกว่านี่คือครั้งแรกที่เราได้ยินเสียงหัวใจของ น้องพอล เต้น ส่วนอีกคนเราก็พยายามอยู่เนอะ แต่เขายังไม่มา แต่ที่พี่เอ๋ พูดว่าอยู่ดีๆ เธอก็มีลูกเนอะ เพราะเขารู้มาตลอดว่าเราไม่ชอบเด็ก รำคาญ

ป้าเอ๋ : ไม่ใช่แค่ อั๋น ตัวเราก็เหมือนกัน ขึ้นเครื่องบินเจอเด็กเราก็จะบ่นในใจว่า ตายล่ะ แต่ตอนนี้เราเจอเด็กคือ เอ็นดู เข้าใจเขา บางทีอยากจะเข้าไปช่วยเขาเลยด้วยซ้ำไป เขาทำให้เราเปลี่ยนไปมากจริงๆ

อั๋น ภูวนาท : ไม่ได้เกลียดเด็กนะ แต่เราแค่ว่าเขาคอนโทรลไม่ได้ ซึ่งในตอนนี้เหมือนกัน น้องพอลนอกจากเติมเต็มให้ครอบครัวเราสมบูรณ์แล้ว ยังทำให้เราใจกว้าง ใจเย็น ก็เลยแฮปปี้ไปหมดเลย

อั๋น ภูวนาท : ยังไงฝากรายการ อั๋น จ๋า เดอะเรียลลิตี้ รายการนี้เริ่มตั้งแต่ที่เราเดินเข้าห้องคลอด น้องพอลคลอดก่อนกำหนดสองอาทิตย์ได้ ซึ่งรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เช้นจ์2561 จนมาถึงวันนี้ก็ 4 ซีซั่นแล้ว เห็นตั้งแต่น้องพอล คลอดจนวันนี้น้องพอลโตพูดได้ขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าเขาโตขึ้นมาพร้อมๆ กับสายตาของทุกคนที่รักและเอ็นดูเขา อยากฝากทุกคนด้วยนะครับ

หวังว่าจะเป็นรายการหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์แล้วผมเจอกับคุณพ่อ คุณแม่ เขาบอกว่าเขาติดตามดูแล้วเหมือนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน เพราะสิ่งที่ผมเจอ หรือสิ่งที่ลูกเป็นมันจะเกิดขึ้นตามวันและวัยที่เราได้ประโยชน์ไปพร้อมๆกันจากที่เราได้ดูอั๋น จ๋า เดอะเรียลลิตี้

นอกจากความสนุกแล้ว เรายังแฝงไปด้วยว่าคุณหมอพูดอะไร คุณครูสอนอะไร ของที่ต้องใช้ในแต่ละวัย อะไรที่ต้องจำเป็น แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องจำเป็นเราก็เอามาบอกกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่ดูในรายการเรา ก็เป็นอีกหนึ่ง เรียลลิตี้ จริงๆ เพราะมันก็ไม่มีสคริปจริงๆ ฝากด้วยนะครับ และขอบคุณทุกคนที่ติดตามพวกเรานะครับ

CR : รายการต้มยำอมรินทร์, @unpuwanart, @jatiffany

จากใจคนดังเหยื่อบูลลี่ ‘อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน’ ดึงสติรับมือสู้คำวิจารณ์

“พ่ออั๋น-แม่จ๋า” เคลียร์ชัด! ทำไม “น้องพอล” ถึงใช้แต่ของแบรนด์เนม

The post อั๋น ภูวนาท เล่า หลังลูกชายเข้าโรงเรียน น้องพอล แฮปปี้ มีพัฒนาการที่ดี appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

กระแสตอบรับดีไม่น้อย สำหรับละครโรแมนติกดราม่าเรื่อง รหัสริษยา ผลงานการผลิตจากค่ายดาราวิดีโอ ทาง ช่อง 7HD เพราะนอกจากจะมีแฟนละครชมแน่นโซเชียลว่า เป็นละครภาพสวย เนื้อหากระชับ แถมทีมนักแสดงชายในเรื่องยังงานดี ทำให้เอฟซีกรี๊ดไม่หยุด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ แบงค์-อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ พระเอกของเรื่อง ที่คะแนนนำโด่ง กับบท ศิวา

ที่ว่าคะแนนนำโด่งไม่ใช่แค่เพราะฝีมือการแสดงที่ถูกเอาถูกใจแฟนๆ เท่านั้น แต่ดันมีฉากถอดเสื้อโชว์ล่ำอาบน้ำตั้งแต่ต้นเรื่อง แย่งซีนให้แฟนได้ฟินกับกล้ามแน่นๆ ของหนุ่มแบงค์-อาทิตย์ แฟนละครชื่นชมขนาดนี้ เจ้าตัวเลยฝากขอบคุณมาว่า

กล้ามแน่นจนแย่งซีน! แบงค์-อาทิตย์ ยิ้มรับฟีตแบ็ค ‘รหัสริษยา’ โกยคะแนนจากโลกโซเชียล

​            “ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ครับที่ติดตามชมละคร ได้ดูฟีดแบ็กจากแฟน ๆ ในโซเชียลบ้าง เห็นแฟน ๆ ชอบบทบาท ศิวา ในเรื่องนี้ ก็ดีใจครับ แต่เดี๋ยวหลังจากนี้เส้นเรื่องของศิวา เขาจะเริ่มมีเรื่องดราม่าขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่านางเอกของเรา ซึ่งก็คือ พาไล หรือ น้องพิ้งค์พลอย (ปภาวดี ชาญสมอน) เขาจะเข้ามาใช้เราเป็นหมากตัวหนึ่งในการแก้แค้น ทำให้ศิวาต้องจำใจยอมเดินตามหมากของนางเอก เพราะนางเอกเขากำความลับของพ่อศิวาไว้ บอกเลยว่าเรื่องนี้ผมได้ปล่อยของเยอะมาก ผมอ่านบททุกตอนแล้วสนุกมากจริง ๆ  มันมีความซับซ้อน มีการโยงเรื่องราวให้ร้อยเรียงได้น่าสนใจ และน่าติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนจบ ซึ่งต้องชื่นชมคนเขียนบทที่เขียนบทได้ดีมาก แล้วที่สำคัญกระจายบทให้กับทุกตัวละครได้มีเส้นเรื่องของตัวเองที่ชัดเจน ที่สำคัญต้องขอชมผู้กำกับรุ่นใหม่อย่าง คุณฬอน สังวริบุตร ที่มีมุมมองใหม่ ๆ ในการทำงาน รวมถึงรับฟัง และแชร์การทำงาน กับนักแสดงเต็มที่ อยากฝากติดตามชมกันนะครับ เรียกว่าแต่ละตอนห้ามพลาดเลย สนุก ไม่ผิดหวังแน่นอน”

ติดตามชมละคร “รหัสริษยา”  ได้ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และ Facebook Live Fanpage: Ch7HD ชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อที่นี่

6 เรื่องที่ทำให้รู้ว่านางเอก จอนจีฮยอน และครอบครัว รวยระดับหมื่นล้าน

ชีวิตยิ่งกว่าละคร ซามีน่า MUT2020 อยู่ห้องเช่าเดือนละ 1,500 บาท แต่สู้ชีวิตยิบตา

ถอดแบรนด์มาให้รู้! ส่องคอสตูม มุกดา นรินทร์รักษ์ จากละครโซ่เวรี

The post กล้ามแน่นจนแย่งซีน! แบงค์-อาทิตย์ ยิ้มรับฟีตแบ็ค ‘รหัสริษยา’ โกยคะแนนจากโลกโซเชียล appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาสาวๆ LYRA (ไลร่า)  มาเยือนกองบรรณาธิการทั้งทีเราจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร วันนี้แพรวเลยมีภาพสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ 5 สาว  ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร, เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ, เนย-กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล ,ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา, นิกี้-วรินท์รัตน์ ยลประสงค์ (ขาด 1 สมาชิก นิว-ชัญญาภัค นุ่มประสพ ที่ภารกิจด้านการศึกษา) มาให้ได้ชมกัน ขอบอกเลยว่าตัวจริงแต่ละคนนั้นน่ารักกว่าภาพถ่ายหลายเท่าเลยจ้า #PraewXLYRA

สำหรับ LYRA (ไลร่า) คือเกิร์ลกรุปมาแรงของวงการT-POP ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Independent Artist Management หรือ iAM ต้นสังกัดศิลปินไอดอลหญิง BNK48 และ Universal Music Thailand เดินหน้าปล่อยเพลงที่ 2 ภายใต้ชื่อ “Vanilla” (วานิลลา) เพลงที่มีท่วงทำนองไม่ช้าไม่เร็วแต่ฟังแล้วเข้าถึงง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็มีเนื้อหาที่ลึกซึ้ง

อย่างไรก็ตาม “Vanilla” นับเป็นอีกเพลงที่จะสร้างปรากฏการณ์เพลงคุณภาพแก่วงการเพลงไทยอีกหนึ่งผลงานจาก เกิร์ลกรุป “LYRA” ด้วยการทำงานจากคนเพลงระดับแถวหน้าเมืองไทย อาทิ คุณเจ -มณฑล จิรา และคุณ ริชาร์ด เครเกอร์ รวมทั้งได้แร็ปเปอร์ นักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง “AUTTA” มาร้อยเรียงถ้อยคำที่ถ่ายทอดความรู้สึกของเมมเบอร์ทั้งหกคนอย่างชนิดที่ว่าต้องโดนใจและตรงกับชีวิตของใครหลายๆ คนแน่นอน

#PraewXLYRA ละมุนมากเว่อร์ LYRA เกิร์ลกรุ๊ปมาแรงของวงการT-POP

ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร

กระเต็น-เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ

เนย-กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา

นิกี้-วรินท์รัตน์ ยลประสงค์

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

‘ฉลามปัญ’ สาวเท่แห่ง BNK48 แย้มแผนในอนาคต และเป้าหมายในวงการบันเทิง

คิวต์จนโอตะยอมใจ! “เนย” BNK48 น่ารักกว่านี้ก็นางฟ้าแล้ว

ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา เทพีแห่งความถูกต้องแห่ง BNK48

The post ละมุนมากเว่อร์ LYRA เกิร์ลกรุ๊ปมาแรงของวงการT-POP #PraewXLYRA appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.