Quantcast
Channel: People – Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach
Viewing all 6621 articles
Browse latest View live

ส่องไอเดียมิกซ์แอนด์แมทช์ แฟชั่นยีนส์ ของเพื่อนบัณฑิต

$
0
0

เอาใจเพื่อนบัณฑิต พาส่องไอเดียมิกซ์แอนด์แมทช์ แฟชั่นยีนส์ ในงานรับปริญญานางเอกสาวชื่อดัง “คิมเบอร์ลี่ -แอน โวลเทมัส เทียมศิริ”

แฟชั่นยีนส์

ตั้งใจเรียนอย่างเดียวว่ายากแล้ว แต่การเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยยากกว่า เพราะต้องใช้ทั้งความพยายาม,ความอดทน และความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องนับถือและชื่นชมหัวใจของน้องๆ เหล่านี้จริงๆ

โดยหนึ่งในคนดังที่เรียนไปด้วยและทำงานในการบันเทิงไปด้วยก็คือนางเอกสาวชื่อดัง “คิมเบอร์ลี่ -แอน โวลเทมัส เทียมศิริ” ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เธอเพิ่งจบการศึกษา ระดับปริญญาตรี ศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาศิลปะการแสดง เอกการแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ จาก วิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดง SCA (Superstar College of Arts) มหาวิทยาลัยสยาม ซึ่งเธอได้เข้าพิธีประทานปริญญาบัตรจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ

ทั้งนี้ในวันแห่งความสำเร็จนี้มีเพื่อนดาราและแฟนๆ มาร่วมยินดีคับคั่ง ซึ่งหนึ่งคนพิเศษที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ พระเอกหวานใจ “หมาก-ปริญ สุภารัตน์”ไม่พลาดกอบดอกไม้ช่อโตมาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย โดย “คิมเบอร์ลี่” เผยว่า “เขาก็ดีใจและภูมิใจกับเรา”

มองไปรอบๆ งานแล้ว แพรวดอทคอม ก็สังเกตเห็นว่าเพื่อนๆ ของ “คิมเบอร์ลี่” ที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันนี้ ส่วนใหญ่แต่งตัวมาในสไตล์ แฟชั่นยีนส์ เสื้อสีขาวกับกางเกงยีนส์สุดเซอร์ ซึ่งแต่ละคนก็มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป แพรวดอทคอมคิดว่าน่าจะเป็นไอเดียดีๆ ในการหาชุดเก๋ๆ ให้เพื่อนบัณฑิตทั้งหลายอีกด้วย เช่นนั้นแล้วเราไปซูมชุดแต่ละคนกันใกล้ๆ เลยดีกว่า


ณเดชน์ คูกิมิยะ

เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ แบบเรียบๆ ที่เติมความเก๋ไปอีกแบบด้วย เสื้อม่อฮ่อม ใส่ผ่าไทยเก่งจริงหนุ่มคนนี้

แฟชั่นยีนส์

ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์

นางเอกสาวคนดังที่ปกติแต่งตัวจัดเต็ม เป๊ะตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าวันนี้เธอก็มาในสุคสบาย สดใส เป็นธรรมชาติ

แฟชั่นยีนส์

ป๊อก-ภัสสรกรณ์ และ มาร์กี้-ราศรี จิราธิวัฒน์

สำหรับคู่นี้แม้การแต่งตัวจะง่ายๆ แต่เครื่องหัวนั้นแน่นมาก!

แฟชั่นยีนส์

หมาก-ปริญ สุภารัตน์

เรียบๆ คูลๆ แต่เท่ระเบิดเลยนะ หนุ่มหมาก

แฟชั่นยีนส์

เก้า-ศุภัชญา รื่นเริง และ โบว์-เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์

สองนักแสดงสาว เก้า และ โบว์ มาในลุคชิคๆ

แฟชั่นยีนส์

opallis

opallis พกพาความทะมัดทะแมงและความสดใสมาเต็มเปี่ยม

แฟชั่นยีนส์


 

The post ส่องไอเดียมิกซ์แอนด์แมทช์ แฟชั่นยีนส์ ของเพื่อนบัณฑิต appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.


รู้จัก 4 ดีเจ Line up ใหม่ ที่จะมาระเบิดความสนุกในงาน SENSATION RISE

$
0
0

มาทำความรู้จัก 4 ดีเจ Line up ใหม่ Headhunterz, Matisse & Sadko, Chuckie และ Dirtcaps ที่จะมาร่วมแจมใน SENSATION RISE

Sensation ปรากฏการณ์ดนตรีระดับโลกที่โด่งดังในเรื่องโปรดักชั่นอันอลังการ และธีมการแต่งกายสีขาวล้วน หลังจากมีการประกาศ Lineup ใหม่ ที่จะมี 4 ดีเจชื่อดังมาร่วมการแสดงในงาน Sensation ‘RISE’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ณ ไบเทค บางนา ซึ่งก็คือ Headhunterz, Matisse & Sadko, Chuckie และ Dirtcaps นั้น ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันเบื้องต้นกันก่อน


Matisse & Sadko

 SENSATION RISE

คู่หูดีเจชาวรัสเซียที่ฮอทที่สุดในขณะนี้ ประกอบด้วยพี่น้องสองคนคือ Aleksandr & Yury ตลอดอาชีพดีเจของพวกเขา ได้รับความนิยมสูงมากในวงการได้ทำเพลงหลายๆแนว และยังสร้างสรรค์ให้เพลงติดตลาดอย่างมากไปทั่วโลก พวกเขาได้ร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น Steve Angello (“SLVR”), Arty (“Trio”, “Riot”) และ Martin Garrix (“Break Through The Silence”, “Dragon”, “Together”) และมีหลายผลงานที่ติดชาร์ตและขึ้นเป็นศิลปินชั้นนำ

ในปี 2013 Matisse & Sadko ได้เปิดตัวผลงานเพลง “SVLR” ที่ทำร่วมกับ Steve Angello ตามด้วยการนำเสนอผลงานผ่าน SPINNIN ‘Records และต่อมาได้ทำงานร่วมกับ Martin Garrix ในเพลง Break Through the Silence EP ซึ่งเพลงนี้มียอด Streaming ทะลุถึง 42.3 ล้าน จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ ปล่อยเพลง Lock’N’Load บนชาร์ต Beat’ng Electro House ก่อนที่จะกลับมาร่วมงานอีกครั้งกับ Martin Garrix ในเพลง “Together” ซึ่งมีการเล่นสะสมหลายล้านครั้ง ท่ามกลางผลงานที่ออกมาในปี 2016

ทั้งสองได้ทำรีมิกซ์เพลงของ Afrojack และ Fais ในเพลง HEY และ Galantis ในเพลง “In My Head ก่อนที่จะได้รับหน้าที่ให้แต่งเพลง “GO” เพลงประกอบการแข่งขันชิงแชมป์โลกฮอกกี้น้ำแข็ง 2016 โดย “Jank’N’Gank” ในรายการ SPINNIN ‘ และมีผลงานขึ้นมาบนสำนักพิมพ์ของ Steve Aoki ใน Dim Mak ในปีพ. ศ. 2560 HNDZ ในเดือนตุลาคมปีพ.ศ. 2017

และพวกเขาได้กลับมาทำเพลงอีกครั้งกับ Martin Garrix ในชื่อเพลง “Forever” ซึ่งเป็นแนวเพลง Progressives house โดยแนวเพลงนี้เป็นที่โด่งดังทั่วโลก และนิยมอย่างมากในปี 2017

ในปี 2018 พวกเขาร่วมมือกับศิลปิน Tiesto เพลง Dawnbreaker ของพวกเขาได้รับการเปิดตัวในเดือนมีนาคมปี 2018 ใน Tiesto’s Musical Freedom พี่น้องคู่นี้ยังมีการแสดงในทุกเฟสติวัลใหญ่ระดับโลกเช่น Tomorrowland และ Ultra และคลับระดับโลกอื่นๆเช่น Omnia Las Vegas, Ushuaia Ibiza, Octagon Seoul และ Zouk Singapore


Chuckie

SENSATION RISE

เจ้าของรางวัลชนะเลิศ ดีเจและโปรดิวเซอร์ ชาวอเมริกาใต้ในงาน MOBO AWARD ติดกันถึงสองครั้ง เขาได้โชว์ความสามารถทางด้านการมิกซ์ดนตรี และพลักดันโปรดักส์ชั่นด้วย ฮิปฮอปที่เฉียบแหลม จากดนตรีลาตินและดัชต์เฮาส์ เขายังถูกดึงมาทำงานกับ 50 Cent, Trinidad James, Lupe Fiasco และToo Shot

เขาได้มีชื่อเสียงมากขึ้นในสายดนตรีอันรวดเร็วทำให้เขาถูกขนานนามว่าเป็น “เป็นราชาแห่งการมิกซ์ดนตรี” และเขาได้ทำเพลงขึ้นมาใหม่จากเพลงของศิลปินชั้นนำเช่น P.DIDDY, MICHAEL JACKSON, ENRIQUE IGLASIAS, JESS GLYNN,RIHANNA, SEAN PAUL และอีกมากมาย อีกทั้งรางวัล Gold and Platinum Discs จากเวที MTV AWARDS

เขาได้ขึ้นปกนิตยสาร และยังได้เดินทางไปทั่วโลก เราสามารถรู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้ได้ อีกมากมาย เพราะความจริงเป็นเรื่องง่ายในยุคของเทคโนโลยีนี้และ SYNC’s DJ กว่า 99% ที่เขาสามารถยืนหยัดมาได้ มาจากความสามารถของ Chuckie เอง และเขาได้ถูกขึ้นชื่อว่าเป็นดีเจที่สามารถดึงฝูงชนมาจากทุกผู้ทุกวัยได้ ในฐานะ Producer และความสามารถพิเศษในการมองเหล่า Raver ออก จึงบอกได้ว่า Chuckie ไปได้ไกลกว่าหลายๆ คน ความสามารถเขานั้นได้การสังเกตแนวโน้ม ความเปลี่ยนแปลงทางดนตรีและการเห็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถผ่านเข้ามา รวมถึงการอบรมศิลปินในอีกหลายแง่มุม

ผ่านมาในปี 2018 นี้เป็นเหมือนปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด Chuckie เริ่มต้นปีด้วยการเป็นโค โปรดิวเซอร์อย่างยิ่งใหญ่กับคนที่เคยร่วมงานกันมาแล้วหลายๆ ครั้งจาก Netherlands Childplay และได้ทำเพลงฮิตระดับโลก “Mi Gente” ของ J Balvin’s ที่รวมกับ Willy William และได้อยู่ในทุกๆขั้นตอนการรีมิกซ์เพลงของ Beyonce และได้ปลดปล่อยพลังดนตรีใจกลางอเมริกา โดยมี J Balvin Production ชื่อ Machik ร่วมด้วย ทั้งนี้ยังมี Anitta และ Aruban ซุปเปอร์สตาร์ชาวบราซิลและสมาชิกใหม่อย่าง JEON ร่วมงานด้วย

และนั่นจึงเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้วว่าความสามารถของ Chuckie เป็นที่น่าประจักษ์ต่อทุกสายตาบนโลก JOEN ได้เซ็นต์สัญญากับบริษัทของ Chuckie และได้ทำบริษัทให้มีอนาคตที่สดใส เพลงของเขาได้ถูกปล่อยไปทั่วโลกดนตรีแห่งลาติน Chuckie ยังคงมีชื่ออยู่ในปี 2018 นี้ จากเพลงHip-hopในยุค90, โฆษณา Dance, bubbling และลาตินสู่ในเมือง มีไม่กี่คนที่จะกล้านำเสนอดนตรีรูปแบบใหม่อย่างเช่นเขาอีกแล้ว


Dirtcaps

SENSATION RISE

คือกลุ่มดีเจและเอ็มซีที่มีเอกลักษณ์และฮอตที่สุดในฮอลแลนด์ ซึ่งประกอบด้วย Max Oude Weernink, Danny Groenenboom และ Tim Haakmeester พวกเขาได้รับการยอมรับในฮอลแลนด์ และทั่วยุโรปมาหลายปีแล้ว.

พวกเขาสามคนคอยมอบความสนุกให้พวกเราอยู่หลังบูมดีเจมาก็มากและ Tim เป็น MC ของกลุ่ม รวมทั้งเป็น All-around Playboy ขึ้นไปบนเวทีเพื่อสร้างความสนุก และความบันเทิงให้กับผู้เข้าร่วมงาน เมื่อ Dirtcaps เข้าไปในคลับพวกเขามีภารกิจเพียงอย่างเดียวในชีวิต: “ทำให้คุณเต้น”

สไตล์ไดนามิกของพวกเขาสามารถอธิบายได้ดีที่สุดว่าเปรียบเสมือนเป็นผู้หญิงที่เป็นมิตรและกระตือรือร้นตลอดเวลา คุณจะปลดปล่อยอารมณ์ไปกับ Set เพลงของพวกเขา ซึ่งพวกเขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมและเพลงยอดนิยมมากที่สุดตอนนี้ และนั่นคืออาวุธของพวกเขา! Dirtcaps เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มศิลปินที่ได้รับการคัดเลือก และได้รับการนิยมของทุกคนในวงการนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาเล่นเพลงทุกประเภทของพวกเขา แต่พวกเขาสามารถทำเพลงของตัวเองออกมาได้เช่นกัน ทำให้ Dirtcaps มีชื่อเสียงแข็งแกร่งในด้านความอิสระของเพลงและมีเอกลักษณ์. พวกเขาไม่เคยหยุดการทำเพลงสดใหม่ๆ และมักจะใช้เวลาอยู่ในสตูดิโอ เมื่อใดก็ตามที่ทำได้

ในปี พ.ศ 2012 เพลง ‘Money on My Mind’ ออกมาร่วมกับ The Million Plan. ผลงานวิดีโอที่แสดงบน YouTube ได้รับยอดวิวมากกว่าล้านวิว


HeadHunterz

SENSATION RISE

ดีเจและโปรดิวเซอร์ชื่อดังผู้ถือได้ว่าเป็นตำนานของวงการ Hardstyle เลยก็ว่าได้ เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการดีเจ เขาเป็นดีเจชาวดัตช์ หรืออีกชื่อ “Willem Rebergen” ในฐานะโปรดิวเซอร์เขาได้เล่นดีเจได้อย่างน่าทึ่ง และเป็นที่น่าหลงใหลออกมาให้ทุกคนได้ดู เขามีใจที่เปิดกว้าง และความปรารถนาที่เป็นแรงผลักดันในการทำเพลงขึ้นมา และการทำเพลงจึงกลายมาเป็นสนามเด็กเล่นของเขา

หลายปีที่ผ่านมา HeadHunterz โลดแล่นอยู่ในวงการมายอดเยี่ยม กับพื้นฐานของเขาที่ทำให้เขาแข็งแกร่งและมั่นคงตั้งแต่เริ่มต้น จากอารมณ์ที่หลั่งไหลและเสียงที่หนักแน่นแถมมีสีสันมากของเพลง Hardstyle อีกทั้งการดัดแปลงประเภทดนตรีให้มีเอกลักษณ์ที่เด่นมากยิ่งขึ้น เคยมีคำแนะนำจากโลกดนตรี เขาว่ากันว่ามันไม่มีข้อจำกัดของเส้นทางแห่งแรงบันดาลใจนี้

ดนตรีของ Heady สะท้อนความเป็นตัวตนของเขา การผสมผสานและการเรียบเรียง ความโด่งดังจากฐานแฟนคลับที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงผลงานชิ้นเอกของเขาใน Ultra Music ‘Colores’ ft.Tatu และสุดยอดเฟสติวัลของ Hardstyle อย่าง Defqon.1 เส้นทางดนตรีเขามีผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Krewella, W&W, Carnage, Crystal Lake, Hardwell, Reunify, R3hab และ Steve Aoki นอกจากนี้ผลงานที่โดดเด่นในสตูดิโอของเขายังมี ‘The Universe Is Ours’ ‘The Power of Now’, ‘To Be Me’, ‘Won’t Stop Rocking’ และ ‘Live Your Life’ รวมถึงเพลงฮิตติดชาร์ตของเขาที่ได้ทำงานร่วมกับคนดังต่างๆ อาทิ Kaskade, Hardwell, Armin van Buuren, Zedd และ Avicii

นี่คือสิ่งที่การันตีความดังของ Headhunterz และทำให้เขาสร้างสรรค์ผลงานเพลงใหม่ๆที่ท้าทายและก้าวต่อไปไม่หยุดยั้งในเส้นทางดนตรีนี้ บางคนอาจกล่าวไว้ว่าเขาเหมือนคนพเนจรที่กำลังค้นหาแนวทางด้านดนตรีที่ไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาอาจพูดถูก แต่นี่คือสิ่งที่ William มักพูดเสมอว่า “ฉันก็แค่อยากจะเป็นอิสระในเส้นทางดนตรีที่ฉันรัก”


 

The post รู้จัก 4 ดีเจ Line up ใหม่ ที่จะมาระเบิดความสนุกในงาน SENSATION RISE appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

อูยยยลูก! น่ารักคูณ 2 น้องเรซซิ่ง และ น้องพลอยเจ

$
0
0

น่าเอ็นดู 2 หนูน้อยซุป’ตาร์ฟันน้ำนม น้องเรสซิ่ง และ น้องพลอยเจ รวมพลังความน่ารักจนเกือบทำห้างแตก

น้องพลอยเจ

ความน่ารักและความสดใสของ 2 หนูน้อย

ถึงจะไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ระดับตัวพ่อ-ตัวแม่ แต่เกือบทำห้างแตกเลยสำหรับ น้องเรซซิ่ง ด.ช.อัครนันท์ วรโรจน์เจริญเดช ลูกชายสุดน่ารักของคุณแม่คนเก่ง แพท-ณปภา ตันตระกูล และ น้องพลอยเจ ด.ญ.พลอยเจดาริน แวนดิว นางฟ้าตัวน้อยของคุณพ่อ เจจินตัย อันติมานนท์ ที่รวมพลังความน่ารักมาอวดโฉมในงานเปิดประสบการณ์ใหม่ มหัศจรรย์ ลูกหมีขาวผจญภัยขั้วโลกเหนือ ที่ ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิลด์ ศูนย์การค้าพารากอน

โดยงานนี้ 2 หนูน้อยซุป’ตาร์ฟันน้ำนมเดินทางสู่ดินแดนมหัศจรรย์ซีไลฟ์ แบงคอก จำลองขั้วโลกเหนือ บอกเล่าเรื่องราวการดำรงชีวิตของหมีขาว ผ่านเทคโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟแบบ Augmented Reality เป็นครั้งแรก พร้อมถ่ายทอดสัมผัสเสมือนจริงผ่าน หุ่นลูกหมีขาวจำลอง (Animatronic) ในภารกิจพาลูกหมีขาวกลับบ้าน ซึ่งทั้งสองหนูน้อยได้เผยความสดใสและถ่ายภาพร่วมกับพี่หมีอย่างน่ารักน่าเอ็นดู

น้องพลอยเจ

2 หนูน้อยซุป’ตาร์ฟันน้ำนม 

อย่างไรก็ตามสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ “มหัศจรรย์ ‘ลูกหมีขาว’ ผจญภัยขั้วโลกเหนือ” นำเสนอพื้นที่จำลองบรรยากาศขั้วโลกเหนือผ่านมุมมองนักสำรวจเพื่อการเรียนรู้ ภายในโลกใต้ทะเล ของ ซีไลฟ์ แบงคอก โดยเริ่มจากการช่วยลูกหมีขาวที่พลัดหลง ด้วยการแกะรอยเท้าเพื่อตามหาแม่หมี เพราะพายุหิมะกลบรอยเท้าจนมิด ไปจนถึงดินแดนขั้วโลก เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของครอบครัวหมีขาว ผ่าน วิธีการหาอาหารในน้ำแข็ง (Time To Eat) จากนั้นเดินกันต่อไปจนพบกับ เพื่อนนักสำรวจ (A Fellow Explorer) และ โชว์พิเศษเล่าเรื่องราวของนักสำรวจ (Explorer Talk) ที่ค้นพบตัวลูกหมีขาวในที่สุด โดยนักสำรวจทุกท่านจะได้สัมผัสและร่วมถ่ายรูปกับ หุ่นลูกหมีขาวจำลอง (Animatronic) ที่เคลื่อนไหวอยู่ในอ้อมแขนของเพื่อนนักสำรวจ ต่อจากนั้น ปิดฉากภารกิจการพาลูกหมีขาวกลับบ้านด้วยภาพเทคโนโลยี Augmented Reality ของ การกลับมาเจอกันอีกครั้งของแม่-ลูก (Reunite At Last) ที่มีแม่หมีขาวเดินมารอรับลูกหมีแล้วเดินเคียงคู่กันกลับไปยังดินแดนขั้วโลกอย่างพร้อมหน้า ซึ่งน้องๆ ได้เล่นและสัมผัสลูกหมีขาวผ่าน เทคโนโลยี Augmented Reality ท่ามกลางบรรยากาศแสงเหนืออีกด้วย


ด.ญ.พลอยเจดาริน แวนดิว

น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ น้องพลอยเจ


ด.ช.อัครนันท์ วรโรจน์เจริญเดช

น้องพลอยเจ น้องพลอยเจน้องพลอยเจน้องพลอยเจ


 

The post อูยยยลูก! น่ารักคูณ 2 น้องเรซซิ่ง และ น้องพลอยเจ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เปิดบ้าน ชีวิต ธรรมะ และศิลปะ ของ ดุ๊ก ภาณุเดช

$
0
0

“อย่าอยู่ห่างจากวัดมากเกินไป เพราะอย่างไรพระพุทธศาสนาก็เป็นศาสนาของประเทศเรา อย่าให้เสื่อมสลายไปเพราะตัวเราเอง  ถ้าเราไม่ปฏิบัติหน้าที่ของศาสนิกชน เราทุกคนก็มีส่วนทำให้ศาสนาเสื่อมทั้งนั้น อย่าไปโทษพระสงฆ์อย่างเดียวครับ  เพราะพระสงฆ์ มีทั้งดีและไม่ดี พระดีๆ ก็มีอีกเยอะ เพียงแต่บางทีเราไม่ได้เข้าไปหาท่านเท่านั้นเอง” …หนึ่งในประโยคกระแทกใจจากบทสัมภาษณ์ของดุ๊ก ภาณุเดช ที่ได้ให้แง่มุมน่าสนใจเกี่ยวกับพุทธศาสนา

 แพรวได้มีโอกาสไปอัพเดทชีวิตของนักแสดงรุ่นเก๋าคนนี้ ในหลากหลายบทบาท ทั้งการทำงานเบื้องหลังเป็นปรึกษาให้กับบริษัท ชลลัมพี ในการผลิตละคร พร้อมกับการเปิดบ้านที่ทำเป็นสตูดิโอแสนสวย ในชื่อ Bangkok house of style

   

Bangkok house of style

“นอกจากการพักอาศัยแล้ว บ้านหลังนี้เป็นบ้านรับแขกครับ เวลานัดเจอเพื่อนก็มักจะมากันที่นี่ จึงเป็นบ้านที่ทำกิจกรรมตลอด พอเข้ามาอยู่สักระยะหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่า ที่นี่สร้างประโยชน์ได้มากกว่าการพักอาศัย แล้วผมก็ชอบการปรับเปลี่ยนลุคบ้านไปเรื่อยๆ ตามแรงบันดาลใจ เกิดไอเดียว่า อยากสร้างบ้านในฝัน ที่ใช้ประโยชน์ได้ จึงคุยกับหลานชายว่า เราน่าจะทำบ้านหลังนี้เป็นสตูดิโอไว้ถ่ายงานควบคู่กันไปเลย เริ่มจากตัวผมเอง ที่ทำรายการ ‘ครัวแล้วแต่คริต’ ก็อยากได้ห้องครัวที่มีการตกแต่งง่ายๆ เหมือนครัวที่ใช้งานจริง ไม่ต้องเป๊ะเหมือนครัวในร้านเฟอร์นิเจอร์  จึงตัดสินใจทำบ้านเป็นสตูดิโอ ในชื่อ Bangkok house of style มีความหมายตรงตัวว่า บ้านที่มีสไตล์และปรับเปลี่ยนได้ไม่รู้จบ สามารถใช้ห้องนั่งเล่น ห้องครัว สวน ไว้ถ่ายงานได้เต็มที่ ซึ่งผมสะสมพร็อบแต่งบ้านไว้เยอะด้วย บ้านนี้จึงได้เปลี่ยนลุคไปเรื่อยๆ เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่ได้ออกแบบบ้านใหม่ตลอด (ยิ้ม)”

ชีวิตเกิดใหม่จากการบวช

“ก่อนหน้านี้ผมไม่คิดว่าจะต้องบวช คิดเองว่าไม่จำเป็นต้องพาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับศาสนาก็ได้ เคยเป็นคนหนึ่งที่หลงตัวเองว่าเราดีอยู่แล้ว ช่วงนั้นชีวิตจึงห่างวัดมาก ทำบุญน้อย เพราะรู้สึกว่ามีพระบางรูปที่ทำให้เราเสียศรัทธาในพระพุทธศาสนา กลายเป็นว่า มีช่วงหนึ่งที่ชีวิตหลงไปทำสิ่งที่ไม่สมควร ที่สุดถูกเตือนโดยคนรอบข้าง เลยตั้งสติใหม่ พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่า จริงอย่างที่ทุกคนบอก ทำไมตัวเราถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ จึงตัดสินใจบวชเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาพร้อมกับอาร์ต พลังธรรม ซึ่งก่อนหน้านั้นผมเคยคุยกับเขามาสักพักแล้วว่า ถ้าจะบวชเราควรบวชเป็นเพื่อนกัน เพราะผมอายุเยอะแล้ว จะได้มีเพื่อนคอยดูแล

“ผมบวชอยู่หนึ่งเดือน ช่วงแรกอยู่ที่วัดราชบพิตร จากนั้นไปอยู่ที่วัดป่าถ้ำขาม ที่จังหวัดสกลนคร การไปอยู่วัดป่า เป็นช่วงเวลาที่ผมได้เรียบเรียงวิธีคิดด้วยธรรมะ และทำให้มีสติมากขึ้น เพราะต้องปลีกวิเวก ไปอยู่กุฏิไม้เก่าๆ คนเดียว กลางคืนมืดมาก บรรยากาศหลายอย่างชวนหลอน ทั้งเสียงใบไม้ร่วงตกหลังคา เสียงลมพัดคล้ายคนเคาะประตู เสียงสัตว์เดิน แต่ครูบาอาจารย์ที่วัดราชบพิตรได้เตรียมผมให้จัดการกับสติและวิธีคิดมาบ้างแล้ว ผมจึงเป็นพระที่สำรวม ซึ่งทำให้มีสติที่จะคิด พูด หรือทำ เกิดเป็นปัญญา ทำให้ความคิดดีๆ ที่เคยคิดได้ก็ผุดกลับคืนมาด้วย

“หลังจากสึก ศิษย์วัดราชบพิตรได้รับการสั่งสอนว่า ไม่ใช่แค่บวชจบแล้วจบ แต่ต้องเป็นทิดที่ดีด้วย ซึ่งหมายถึงผู้จบการศึกษาจากการบวชเรียนต้องทำหน้าที่เผยแพร่พุทธศาสนาในมุมของเรา ผมจึงนำสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาถ่ายทอดลงในไอจี duke_bhanudej เป็นการเล่าความคิดในแบบฆราวาสที่เข้าใจง่าย พยายามเชิญชวนให้คนกลับมาเข้าวัดอีกครั้ง อย่าอยู่ห่างจากวัดมากเกินไป เพราะอย่างไรพระพุทธศาสนาก็เป็นศาสนาของประเทศเรา อย่าให้เสื่อมสลายไปเพราะตัวเราเอง  เนื่องจากเราทุกคนมีส่วนทำให้ศาสนาเสื่อม ถ้าเราไม่ปฏิบัติหน้าที่ของศาสนิกชน  ก็อย่าไปโทษพระสงฆ์อย่างเดียวครับ  เพราะพระสงฆ์ มีทั้งดีและไม่ดี ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้จากการอยู่ในวัด ว่าจริงๆ ยังมีพระที่ดีอีกเยอะ เพียงแต่เราไม่ได้พาตัวเองเข้าไปหา …การบวชทำให้ผมมั่นใจในตัวเองมากขึ้นว่าเราสามารถกลับมาเป็นคนที่ดีได้ ภูมิใจตัวเอง หลังจากที่เคยทำลายความภาคภูมิใจของตัวเองลงไป ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์แล้วบอกว่า ตัวเองเป็นคนดี แต่จะพูดเสมอว่า ผมเป็นคนสีเทา เพราะรู้ตัวว่ามีทั้งดีและไม่ดี และเชื่อว่าไม่มีใครดีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือเลวร้อยเปอร์เซ็นต์ ขึ้นกับว่าอะไรเป็นฝ่ายชนะ”

บุญในศิลป์

“หลังจากสึก ผมมีเป้าหมายว่าจะเป็นศิลปินเต็มตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันเพราะชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก ตอนนี้จึงขยันวาดรูปใหญ่เลยครับ ตอนนี้ทยอยวาดสะสมผลงานไปเรื่อยๆ  วาดเกือบทุกวันเพื่อพัฒนาฝีมือ และผมได้ใช้งานศิลปะที่ตัวเองรัก มาช่วยเหลือผู้คนด้วย เคยชวนเพื่อนๆ นักแสดงมาวาดรูปในโครงการ ‘ภาพนี้เพื่อน้อง’ หารายได้ไปช่วยเหลือเด็กๆ เคยจัดงานศิลป์ในสวนเพื่อนำรายได้จากการขายรูปไปช่วยเหลือมูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส รวมทั้งมีโอกาสเขียนรูปร่วมกับศิลปินชื่อดังหลายท่าน เพื่อนำรายได้ไปช่วยสร้างตึก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่โรงพยาบาลมหาราชที่จังหวัดโคราช ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขจังที่ได้ทำงานศิลปะแล้วนำไปช่วยเหลือใครได้ ตอนนี้กำลังวางแผนว่า คัดเลือกผลงานดีๆ ไปจัดแสดงช่วงปลายปี นำรายได้ไปช่วยผู้พิการครับ”

ติดตามกันได้เร็วๆ นี้

เรื่อง : Fai ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี  แต่งหน้า ปราชญา แก้วพรม (บี)

 

 

 

 

The post เปิดบ้าน ชีวิต ธรรมะ และศิลปะ ของ ดุ๊ก ภาณุเดช appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

หลอกหลอนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว Top 6 เมียสายโหด ของ ป้อง-ณวัฒน์

$
0
0

ย้อนดูบรรดาเมียสายโหดของ ป้อง-ณวัฒน์ เจ้าของสมญานาม “เจ้าชายแห่งวงการนอกใจเมีย” จากละคร 6 เรื่อง ขอบอก! หลอกหลอนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

บทเจ้าชู้ประตูดินเป็นภาพที่ติดตัวจนแกะไม่ออกไปแล้ว สำหรับนักแสดงชายชื่อดังของเมืองไทย ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ซึ่งโด่งดังเป็นพลุแตกจากบทบาทของหนุ่มเจ้าชู้ในละครสุดฮิต “สงครามนางฟ้า” จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 10 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารสลัดภาพลักษณ์เจ้าชู้ออกไปได้ กระทั่งล่าสุดได้ฉายาใหม่ล่าสุดว่า “เจ้าชายแห่งวงการเจ้าชู้” เพราะบทบาทในละครเรื่อง “เมีย2018” นี่แหละ

พูดถึงบรรดาเมียๆ ของหนุ่มป้องในละครแล้ว ก็ไม่ได้มีดีไปหมดแบบ “พิมาลา” เพราะหลายครั้งต้องเจอกับ เมียสายโหด ที่รักแรงแค้นแรงเยอะมาก วันนี้ “แพรวดอทคอม” เลยจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Top 6  เมียสายโหด ของ ป้อง-ณวัฒน์ กันเลยค่ะ

ตบเก่ง  “เชอร์รี่” จาก “สงครามนางฟ้า”

บทบาทของ “เชอร์รี่” ในละครเรื่อง “สงครามนางฟ้า” แสดงโดย “เป้ย-ปานวาด เหมมณี” ซึ่งในเรื่องเธอต้องเล่นเป็น “แอร์โฮสเตส” น้องใหม่ที่มาหลงรักหนุ่ม “ป้อง” และยอมเป็นภรรยาลับๆ กับบทบาทนี้ไม่ใช่แค่ “เป้ย” ต้องเซ็กซี่เก่ง เอาอกเอาใจเท่านั้น แต่ยังต้องตบเก่งด้วย เพราะ“เชอร์รี่”มักเลือกแสดงความไม่พอใจด้วยวิธีนี้ โดยผู้ที่เธอเคยเปิดศึกมาก็มีทั้ง แม่สามี ,น้องสามี,ภรรยาเก่า,เพื่อน ตบเก่งขนาดที่ว่านักวอลเลย์บอลยังแพ้เลยจ้า

เมียสายโหด

เมียสายโหด


หลอกเก่ง “คุณอุบล” จาก “พิษสวาท”

แค่เปิดเรื่องก็ทำเอาหลอนแล้วสำหรับ “พิษสวาท” ละครแนวลึกลับสยองขวัญที่ว่าด้วยเรื่องราวของ “คุณอุบลหรือสโรชินี” แสดงโดย “นุ่น- วรนุช ภิรมย์ภักดี” ผีสาวที่ถูกสามี “ขุนอรรค หรืออัคนี” รับบทโดย “ป้อง” ฆ่าตายเพื่อให้เป็นผีเฝ้าสมบัติหลวง ซึ่ง “นุ่น”แสดงออกมาได้อย่างน่ากลัวมาก ทั้งสีหน้าแววตาชวนขนหัวลุกสุดๆ ยิ่งฉากที่ต้องฆ่าคนที่มาขโมยสมบัติดูแล้วทำเอานอนไม่หลับไปหลายคืนเลย

เมียสายโหด

เมียสายโหด


ทำให้ผวาเก่ง “มายด์” จาก “เสน่หา Diary ตอน กับดักเสน่หา”

อีกคนที่ต้องติดโผก็คือ “ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย” รับบทเป็น “มายด์”จากเรื่อง “ เสน่หา Diary ตอน กับดักเสน่หา” สำหรับในเรื่องนี้เธอรับบทเป็นเมียเก็บของ “ป้อง” ซึ่งไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นผู้ป่วยทางจิตมาก่อน โดยอาการจะแสดงออกมาตอนที่เธอไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งตอนพีคที่สุดก็คือตอนที่ “ป้อง”รู้สึกผิดต่อภรรยาและขอเลิกกับเธอ แต่เธอไม่ยอมจึงจับ “ป้อง”ขังไว้ เรียกว่าเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ

เมียสายโหด

เมียสายโหด


โมโหเก่ง “ใจเริง” จาก “เพลิงบุญ”

ตกโผไปไม่ได้เลยสำหรับเธอคนนี้ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” รับบท “ใจเริง” จากละครเรื่อง “เพลิงบุญ” เมียโมโหเก่งเจ้าของวลีฮิต “อย่าขัดใจเริง” สำหรับในเรื่องนี้เธอแสดงเป็นอดีตหญิงคนรักของ “ป้อง” ที่หนีไปแต่งงานกับผู้ชายที่รวยกว่า และเมื่อชีวิตเธอตกต่ำลง เธอก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เขาเองมีภรรยาอยู่แล้ว เรื่องราวจึงดำเนินไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน งานนี้นอกจาก “เริง” จะโมโหเก่งแล้ว ก็ยังใช้เงินเก่งอีกด้วย เรียกว่าโมโหปุ๊บช้อปปั๊บหายเครียดทันที

เมียสายโหด

เมียสายโหด


ฆ่าเก่ง “พะนอนิจ” จาก “กาหลมหรทึก”

อีกหนึ่งคนที่ต้องขอกาดอกจันใหญ่ไว้ให้กับความน่ากลัวก็คือ “พะนอนิจ” จากละครเรื่อง “กาหลมหรทึก” แสดงโดย “วิว-วรรณรท สนธิไชย” ภรรยาของ “สารวัตรเวทางค์” แสดงโดย “ป้อง” ภาพที่หลายคนเห็นคือคุณครูสาวใจดีผู้เป็นนางฟ้าของเด็กๆ แต่จริงๆ แล้ว เธอนั่นแหละที่อยู่เบื้องหลังฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่สามีของเธอ

เมียสายโหด

เมียสายโหด


โหดเก่ง “กันยา”จาก “เมีย2018”

และสุดท้าย เมียสายโหด ที่กำลังเป็นที่พูดถึงก็คือ “กันยา” จากละครเรื่อง “เมีย2018” แสดงโดย “มารี เบิร์นเนอร์”  สาวนักเรียนนอกที่บินกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เธอได้มาขออาศัยอยู่ “อรุณา” (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ) ลูกพี่ลูกน้อง  ที่แต่งงานแล้ว ซึ่งการอาศัยใต้ชายคาเดียวกันทำให้ “กันยา”และ “ธาดา” แสดงโดย ป้อง หลงรักกันจนเกิดการนอกใจ ซึ่ง “ธาดา”ไม่เคยรู้มาก่อนว่า “กันยา” มีอดีตที่น่ากลัว สมัยที่เธอดูใจกับ “วศิน” เธอทำร้ายเขาจนเกือบถึงแก่ชีวิต

เมียสายโหด

เมียสายโหด

และนี่คือทั้งหมดของ Top 6 เมียสายโหด ของป้อง-ณวัฒน์ อ่านแล้วกลัวใครมากที่สุด อย่าลืมคอมเมนต์บอกกันบ้างในเพจ “นิตยสารแพรว” นะคะ


 

 

The post หลอกหลอนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว Top 6 เมียสายโหด ของ ป้อง-ณวัฒน์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

บอสวศิน “ผมเคยตกหลุมรักผู้หญิงอายุมากกว่า 15 ปี”

$
0
0

บอสวศิน ผู้กุมหัวใจสาวๆ เกือบค่อนประเทศ เปิดใจถึงเรื่องความรัก ชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่า เคยคุยกับผู้หญิงที่อายุห่างกันถึง 15 ปี 

“ ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ” หรือ บอสวศิน หนุ่มหล่อผู้กุมหัวใจสาวๆ เกือบค่อนประเทศ จากบทบาทบอสปากร้ายใจดีแห่งละครเรื่อง “เมีย2018” โดยปัจจุบันเขายังเป็นเจ้าของแฮชแท็ก #สามี2018 ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ ล่าสุดนักแสดงหนุ่มได้เปิดใจผ่านรายการ “คุยแซ่บShow” ถึงความสำเร็จต่างๆ พร้อมยังเปิดใจถึงเรื่องผู้หญิงที่หลายๆ คนอยากรู้อีกด้วย

บอสวศิน

โด่งดังภายในข้ามคืนกับบทบาทบอสหนุ่มในละครเรื่อง “เมีย 2018”

“ผมไม่ได้คิดว่าจะดังขนาดนั้น แต่รู้สึกได้ว่ามีคนชื่นชอบ เวลาเดินไปไหนมาไหนเขาจะเดินเข้ามาถ่ายรูปเลย จริงๆ ไม่ได้คาดหวังขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เราได้รับตอนนี้มันคือรางวัลของเรามากกว่า แต่สิ่งที่เราทำจริงๆ มันคือการที่เราตั้งใจที่จะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกไปให้ได้มากที่สุดและให้คนดูรับรู้ให้ได้มากที่สุดมากกว่า ซึ่งเราคิดว่าถ้าเราทำดีแล้ววันหนึ่งมันจะมีรางวัลเป็นของเราเอง”

ก้าวเข้าสู่วงการตั้งแต่ตอนอายุ 14 ปี

“อยากทำงานเบื้องหน้าตั้งแต่เด็กๆ เป็นความฝันของตัวเอง แต่คิดว่าชีวิตเรามันไม่ได้มีแค่เราคนเดียว มันมีที่บ้านที่เราต้องดูแล เราต้องคิดถึงคนข้างหลังเราว่าถ้าเรามาทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แล้วหน้าที่ของลูกคนหนึ่งที่ต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ถ้าเรามัวแต่ทำตามความฝันแล้วไม่ประสบความสำเร็จเลยจะทำอย่างไร”

“จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแรกครับ ผลงานแรกที่เขาวงการคือถ่ายโฆษณาตอนอายุ 14 ปี แต่จากนั้นก็หายไป เพราะด้วยความที่ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด แล้วเวลามาแคสติ้งมันต้องมาแคสในกรุงเทพ ก็เลยรู้สึกว่าไปๆ กลับๆ มันไม่ใช่เวลาของเราเลยหยุดพอก่อน และกลับมาตั้งใจเรียน พอเข้ามหาวิทยาลัย มีเพื่อนก็ชวนไปถ่ายโฆษณาอีกครั้งก็เหมือนการหวนคืน หลังจากนั้นก็เริ่มประกวดเวทีต่างๆ และได้เข้ามาแคสติ้งซีรีส์รักฝุ่นตลบ และชนะได้เล่นซีรีส์ จากนั้นก็ได้เล่นกับดักเสน่ห์หา , เรือนเบญจพิษ และเมีย 2018 ครับ”

ดังเป็นพลุแตกพพร้อมแฮชแท็ก #สามี2018 

“รู้สึกขอบคุณทุกคน ขอบคุณแฟนๆ เมีย 2018 ที่ชื่นชอบในตัวบอสวศิน ก็เป็นความรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่ให้โอกาส ชื่นชอบเรา แล้วก็ติดตามเรา ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำว่าขอบคุณ มันปลื้มใจมากๆ ”

บอสวศิน

ลาออกจากการเป็นสจ๊วตแล้วหันหน้าเข้าสู่วงการบันเทิง

“ตอนนั้นรู้สึกว่าใบปริญญามันแพง เกือบครึ่งล้าน ถ้าเราเอาใบปริญญาไปสมัครงานทั่วไปมันก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่มันอาจต้องใช้เวลา ก็เลยรู้สึกว่าหาอาชีพที่สามารถทำตามความฝันตัวเองได้ด้วย แล้วสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้เลยทันที ก็เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่ตัวเองเก็บไว้ไปเรียนภาษาอังกฤษประมาณครึ่งปี แล้วพอไปสมัครแล้วก็ได้  แต่ผมอยากทำตามความฝันของตัวเองมากกว่า คือผมอยากทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าในเมื่อโอกาสมันเข้ามาอยู่ในมือเราแล้ว ทำไมเราถึงไม่คว้าไว้”

หน้าตาดีขนาดนี้ แต่ก็เคยโดนหักอกมาก่อน

“เป็นช่วง ม.4 ผมชอบรุ่นพี่ ม.6 แล้วก็ได้คบกันเกือบปี ตอนนั้นยังเด็กก็เลยคิดว่าความรักคือการเป็นเจ้าของ ทุ่มให้เค้าทุกอย่าง ถึงขั้นที่เขาบอกว่าไม่ต้องมาหาเขาบ้างได้ไหม แบบเขาอยากใช้เวลาอยู่กับเพื่อนบ้าง ตอนนั้นเราตัวติดกันเลย คือเราอยากใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุด แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยทุกอย่างเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ตามระยะทาง คือผมเรียนต่างจังหวัดแล้วเขาเรียนเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ สุดท้ายมันก็พัง”

บอสวศิน

นี่แหละ! ผู้หญิงของบอส

“ผมเป็นคนตกหลุมรักผู้หญิงอายุเยอะกว่า ผมรู้สึกว่าเวลามองเขาแล้วมันมีอะไรบางอย่างที่คนอายุน้อยกว่าไม่มี มันเหมือนมีเสน่ห์บางอย่างที่ผมก็บอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้ามีผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเข้ามาจะปิดกั้นนะ แต่ส่วนใหญ่ที่ผมตกหลุมรักจะเป็นผู้หญิงที่อายุเยอะกว่า แต่ไม่ได้ห่างกันเกินไป อย่างที่เคยคุยมาเยอะสุดคือ 15 ปี ครับ”


 

The post บอสวศิน “ผมเคยตกหลุมรักผู้หญิงอายุมากกว่า 15 ปี” appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ฟลุค Advice! ตอบชัด 10 คำถาม รู้เท่าทันบัตรเครดิต

$
0
0

สำหรับแฟนๆ แพรวดอทคอมที่เป็นขาช้อปปิ้งสายรูดปรื๊ดๆ (รูดบัตรเครดิต) ขอบอกเลยว่าต้องดู Celeb Blog Fluke Advice EP. 3 กับเทคนิคการใช้ บัตรเครดิต อย่างรู้เท่าทัน ซึ่ง “ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช” จะมาตอบสารพัดคำถามเรื่องบัตรเครดิตที่หลายคนน่าจะสงสัยใคร่รู้กันอยู่ เรียกว่าเป็นประโยชน์ทั้งสำหรับคนที่ใช้บัตรเครดิตอยู่แล้ว และคนที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะมีบัตรเครดิตดีหรือเปล่า รับรองว่าได้คำตอบจาก Fluke Advice อีพีนี้แน่นอน

ฟลุค Advice! ตอบชัด 10 คำถาม รู้เท่าทันบัตรเครดิต

บัตรเครดิตดีกว่าเงินสดยังไง

การใช้บัตรเครดิตดีกว่าเงินสดทุกอย่าง อย่างผมเคยทำเงินสดหาย หรือบางคนโดนขโมย ดังนั้นการมีเงินสดในต่างประเทศควรมีไว้แค่พอประมาณ อย่าพกเงินสดเพื่อไปซื้ออะไร เพราะนอกจากจะมีโอกาสหายแล้ว ยังไม่คุ้มอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าเราซื้อของแล้วหายหรือโดนขโมย ถ้าซื้อด้วยเงินสดก็จบ แต่ถ้าซื้อด้วยบัตรเครดิต ส่วนใหญ่บัตรจะมีประกันให้ประมาณ 30 วัน เราจะได้คืนประมาณ 70-80 % ของราคาของที่ซื้อมา เท่ากับว่าได้เงินคืนแถมยังได้พอยท์ด้วย

 

บัตรเครดิตทำให้เราใช้เงินเกินตัวหรือเปล่า

จริงครับ เพราะอย่างที่รู้กันว่าบัตรเครดิตทำให้เรามีวงเงินมากกว่าเงินเดือน 4-5 เท่า แต่ต้องจำไว้เสมอว่าการที่เรามีวงเงินเท่านี้ ไม่ได้หมายความว่าเรามีเงินเท่านี้ แค่หมายความว่าเรารูดได้เท่านี้ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ต้องจ่ายอยู่ดี ดังนั้นเราต้องรู้ตัวเองก่อนว่ามีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ก่อนที่จะใช้บัตรเครดิต หลักๆ คือเราต้องชนะใจตัวเองให้ได้นั่นเอง

 

ข้อควรรู้ในการเลือกบัตรเครดิตใบแรก

เราต้องรู้ไลฟ์สไตล์ตัวเองก่อนว่ามีรายจ่ายประมาณเท่าไหร่ ซึ่งรายจ่ายในที่นี้หมายถึงรายจ่ายทั้งหมดที่สามารถใช้บัตรได้ ทั้งนี้เพราะไม่มีบัตรอะไรที่ดีกว่าอะไร มีแต่บัตรอะไรจะเหมาะกับเรามากกว่ากัน

 

Visa กับ MasterCard ต่างกันยังไง

Visa กับ MasterCard มีการยอมรับใกล้เคียงกันมาก แต่ Visa จะแพร่หลายและใช้ง่ายที่สุด รองลงมาเป็น MasterCard ซึ่งทั้งสองแบบนี้มักจะมาควบคู่กัน คือถ้าร้านไหนรับ Visa ก็จะรับ MasterCard ด้วย

 

เราควรมีบัตรเครดิตกี่ใบ

ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้บัตรแต่ละใบได้คุ้มไหม สำหรับคนที่มีรายได้ประมาณ 30,000-100,000 บาท มีแค่ใบเดียวก็พอ แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังในกรณีถ้าบัตรใบเดียวที่มีเกิดรูดไม่ผ่านขึ้นมา ดังนั้นมีสำรองไว้อีกสักใบก็โอเค

 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต

ไม่ว่าจะเป็นบัตรดีแค่ไหน ยังไงก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งพอเราใช้ครบจำนวนหนึ่งก็จะได้พอยท์คืนมาเป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งนั่นทำให้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตจะไม่มีผลเลยถ้าเราใช้คุ้ม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้ไม่คุ้ม แนะนำว่าควรเลิกใช้บัตรใบนั้น เพราะมันไร้ประโยชน์ หรืออีกอย่างคือมันไม่เหมาะกับเรานั่นเอง

 

ประสบการณ์โดนแฮ็กบัตรเครดิต

ปกติบัตรเครดิตกับโทรศัพท์จะลิงค์กัน เวลาใช้บัตรก็จะมี SMS แจ้งเตือน เช่น ถ้าอยู่อังกฤษแล้วอยู่ดีๆ ก็มี SMS แจ้งเตือนว่ามีการใช้บัตรที่อเมริกา แบบนี้บอกเลยว่าคุณไม่มีทางที่จะต้องจ่ายล้านเปอร์เซ็นต์ แถมคุณยังจะได้พอยท์ด้วย ผมได้ตลอด เพราะเขายังไม่มีระบบหักพอยท์คืน บอกแล้วว่าบัตรเครดิตมีแต่ดีกับดี ถ้าเรามองในแง่ดีหรือถ้าเราใช้เป็น

 

ถ้าจ่ายบัตรเครดิตไม่ครบจะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าจ่ายไม่ครบแม้แต่บาทเดียวก็จะถูกคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเต็ม เช่น ถ้ารูดไป 500,000 บาท แต่มีเงินจ่ายแค่ 490,000 บาท ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยจาก 500,000 บาท ไม่ใช่ 10,000 บาท ดังนั้นทางเดียวที่จะไม่เสียดอกเบี้ยคือต้องจ่ายทั้งหมด แต่ถ้าจ่ายไม่ได้จริงๆ ก็ให้จ่ายขั้นต่ำไปก่อน แล้วยอมเสียดอกเบี้ย เมื่อมีเงินเมื่อไหร่ค่อยโปะให้หมดเกลี้ยงทันที ไม่ต้องจ่าย 490,000 บาท เพราะยังไงก็ถูกคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเต็มอยู่ดี แนะนำให้เอาเงินไปทำอย่างอื่นที่ได้กำไรมากกว่า

 

ถ้าจ่ายบัตรเครดิตหลังวันที่กำหนดจะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าแค่วันสองวันหรือครั้งสองครั้ง คงไม่น่าเกลียด น่าจะคุยกันได้ เขาคงลดให้ หรือคงไม่คิดดอกเบี้ย แต่ถ้าทำเป็นนิสัย เขาคงไม่ยอม ดังนั้นอย่าทำให้เขามีสิทธิ์มาเก็บดอกเบี้ยเราได้ เพราะมันแพง

 

การใช้บัตรเครดิตคือการรักษาเครดิตหรือเปล่า

ใช่ครับ แล้วเครดิตของคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ถ้าจ่ายครบ จ่ายตรงเวลา เขาก็ปรับเพิ่มวงเงินให้เองโดยไม่ต้องขอเพิ่ม นั่นหมายความว่าคุณเป็นคนเครดิตดี ซึ่งไม่ใช่แค่เครดิตด้านนั้นด้านเดียว เพราะจริงๆ แล้วเครดิตต่างๆ ลิงค์กันหมด ในอนาคตถ้าคุณจะกู้บ้านหรือผ่อนรถก็จะผ่าน หรือในกรณีที่บ้านหรือรถแพงเกินรายได้ คุณก็อาจจะผ่าน เพราะเครดิตที่ผ่านมาของคุณดีมาก ทำให้เขาพิจารณาว่าโอเค ดังนั้นเราต้องรักษาเครดิตของเรา มีเครดิตดีกว่าไม่มีครับ

 

นอกจาก 10 คำถามนี้ที่แพรวดอทคอมคัดคำตอบมาแบบเน้นๆ กระชับๆ แล้ว ใน Fluke Advice EP. 3 ยังมีหลากหลายเรื่องน่ารู้และเทคนิคในการใช้บัตรเครดิตอย่างรู้เท่าทันอีกมากมาย สามารถติดตามแบบเต็มๆ กันได้ในคลิปนี้เลย

The post ฟลุค Advice! ตอบชัด 10 คำถาม รู้เท่าทันบัตรเครดิต appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

8 เรื่องไม่ลับของนางเอกที่มีเสน่ห์เป็นธรรมชาติ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์

$
0
0

ทำความรู้จัก เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นักแสดงสาวฮอลลีวู้ดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ และมีเสน่ห์อย่างเป็นธรรมชาติ

เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์

ด้วยฝีมือการแสดงบวกกับเสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติ ทำให้แฟนๆ ทั่วโลกหลงใหล เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นักแสดงสาวฮอลลีวู้ดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เธอเป็นนักแสดงอายุน้อยที่เคยรับรางวัลออสการ์ และ รางวัลลูกโลกทองคำ มาแล้ว

“ลอว์เรนซ์” เป็นผู้หญิงที่มีความเป็นธรรมชาติสูง มีความคิดเป็นของตัวเองและเป็นคนตรง และมีหลายเหตุการณ์ที่เธอทำเรื่องไม่น่าเชื่อลงไปด้วย วันนี้จึงได้รวบรวม 10 เรื่องไม่ลับของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ มาให้ได้อ่านกันค่ะ

1. เมื่อตอนอายุ 14 ปี “ลอว์เรนซ์” แวะมาที่ นิวยอร์ก ร่วมกับครอบครัว เธอได้พบกับแมวมองในวงการนางแบบเขาได้เข้ามาทักทายเธอกับคุณแม่ พร้อมถ่ายภาพของเธอเก็บเอาไว้ โดยที่แม่ ลอว์เรนซ์ ให้เบอร์โทรศัพท์ของเธอกับคนๆ นั้นด้วย และหลังจากนั้น เส้นทางสู่ดวงดาวของเธอจึงได้เริ่มต้นขึ้น

2. นางเอกสาวเติบโตมาใน เคนตั๊กกี้ ทำให้ครอบครอบครัวของ ลอว์เรนซ์ มีฟาร์มม้าเป็นของตัวเอง ในตอนเด็กเธอมักจะขี่พวกมันอยู่บ่อยๆ โดยม้าตัวแรกของเธอชื่อว่า มัฟฟิ่น ซึ่ง ลอว์เรนซ์ พูดถึงมันว่า “เธอน่ารักมาก แต่ก็เป็นม้าที่ดุนิดๆ เหมือนกัน”

เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์

3. “ลอว์เรนซ์”ถูกมองแมวพบเจอโดยบังเอิญ ทำให้เธอต้องเริ่มต้นอาชีพนักแสดงแบบปัจจุบันทันด่วนก่อนที่จะมีโอกาสได้ฝึกปรือฝีมือด้านการแสดงอย่างเป็นทางการ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอทำได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งโค้ชแอคติ้งบอกกับเธอว่าไม่ต้องเข้าคลาสเรียนแล้วเพราะพวกเขาจะทำให้เธอแสดงเหมือนกับคนอื่นๆ

4. ขณะที่คนดังหลายคนตัดสินใจหันหลังให้กับการเรียนเพื่อมุ่งมั่นกับอาชีพนักแสดงเต็มตัว แต่“ลอว์เรนซ์”กลับมีแนวคิดที่ตรงกันข้าม เธอสำเร็จการศึกษาในระดับไฮสคูลเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น แถมเกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.9 เลย

5. นักแสดงสาวเกือบปฏิเสธบทบาท แคทนิส เอเวอร์ดีน ในภาพยนตร์สุดฮ็อต Hunger Games ที่สร้างชื่อให้กับเธอ เนื่องจากเธอไม่ชอบร่วมงานกับค่ายสตูดิโอยักษ์ใหญ่ แต่สุดท้ายเธอจำเป็นต้องมีส่วนรวมกับบรรดาพวกค่ายหนังยักษ์ใหญ่ และตัดสินใจที่จะแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ หลังจากที่มีปัญหากับแม่ของเธอนั่นเอง

เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์

6. “ลอว์เรนซ์”เคยไปออดิชั่นบท “เบลล่า”ในภาพยนตร์เรื่อง Twilight แต่สุดท้ายตกเป็นของ “คริสเท่น สจ๊วร์ต” ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกเสียดายที่เธอไม่ได้รับบทนี้ เพราะยังไงซะเธอก็โด่งดังจากบทบาทอื่นได้

7. เจ้าชายแฮร์รี่ ทรงเคยตรัสว่าพระองค์หลงรัก“ลอว์เรนซ์”จากนั้นสื่อก็ประโคมข่าวเพื่อช่วยขอให้เธอได้พบกับพระองค์ที่พระราชวังเคนซิงตัน ทว่าเธอปฏิเสธท่ามกลางข่าวว่าขณะนั้นกำลังปลูกต้นรักกับ “คริส มาร์ติน” นักร้องวง Coldplay

8. “ในภาพยนตร์เรื่อง Winter’s Bone เธอต้องทำทุกอย่างให้สมบทบาท และต้องทำจริงๆ ทั้งการฆ่า และการถลกหนังกระรอก แน่นอนว่าการแสดงของเธอโดนวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มพีต้า หรือองค์กรพิทักษ์สิทธิสัตว์


 

The post 8 เรื่องไม่ลับของนางเอกที่มีเสน่ห์เป็นธรรมชาติ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.


คอนเฟิร์มฤกษ์แต่งงาน มิกกี้ และ เจนี่ จะจูงมือเข้าประตูวิวาห์ ต.ค.นี้

$
0
0

มิกกี้ คอนเฟิร์มฤกษ์แต่งงานกับ เจนี่ ต.ค. ปีนี้ ปลื้ม พ่อ-แม่ เห็นคนรักเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ให้รักและเอ็นดูมากกว่าลูกชายแท้ๆ  ยืนยันไม่เคยขอแฟนเก่าแต่งงานที่เดียวกับนางเอกหวานใจ

เจนี่

จริงอยู่ที่ว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อคู่รักคิดจะขยับสถานะจากคนรักเป็นคู่ชีวิต ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครอบครัวก็สำคัญมากเช่นกัน หากเข้ากับของคุณพ่อ-คุณแม่ของต่างฝ่ายไม่ได้ ชีวิตคู่ก็ยากที่จะราบรื่นจนบางคนถึงกับบอกว่าการได้แฟนดีว่าเป็นโชคแล้ว แต่ที่ครอบครัวคนรักที่เอ็นดูเรานั้นถือเป็นโชคยิ่งกว่า

สำหรับในช่วงนี้ข่าวคราวของคู่รักที่ฮ็อตที่สุดคงหนีไม่พ้นคู่ของนางเอกคนดัง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ วัย 36 ปี ที่กำลังจะมีคิววิวาห์กับหนุ่มรุ่นน้อง มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร วัย 27 ปี ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ท่ามกลางความเซอร์ไพร้ส์ ขณะที่หลายคนไปกังวลแทนว่าเรื่องการแต่งงานที่ล้มเหลวและข่าวฉาวที่ผ่านมาของนางเอกดังก่อนหน้านี้อาจจะทำให้ครอบครัวฝ่ายชายไม่ยอมรับหรือเปล่า? ทว่ามันไม่มีผลกระทบเลยเพราะคุณแม่ของมิกกี้ได้ให้สัมภาษณ์กับ แพรวดอทคอม ว่า “ครอบครัวอ้าแขนรับเจนี่เป็นสะใภ้อย่างเต็มใจ” ซึ่งเป็นข่าวที่น่ายินดีมากๆ

ล่าสุด มิกกี้ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวต่างๆ พร้อมอัพเดทงานวิวาห์ระหว่างเปิดแคมเปญ “สมหวัง ฮุคเต็มหมัด จัดเต็ม Max” ณ สนามแม็กซ์ มวยไทยสเตเดี้ยม พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งหนุ่ม มิกกี้ ได้ตอบเกี่ยวกับข้อซักถามต่างๆ

ถึงจะใช้เวลาคบหากันไม่นานแต่อย่าเอาอดีตมาตัดสินอนาคต

“ผมเชื่อว่าหลายๆ คนเวลาได้เกิดมา คุณแม่จะเป็นรักแรกที่รู้สึกว่าอบอุ่นและทะนุถนอมเรา เวลาผมอยู่กับเจนี่สิ่งที่เขาให้ผมคือความรักที่เขามีให้ เป็นสิ่งที่อ่อนน้อม ทะนุถนอม และเขาดูแลผมดีมากครับ ผมไม่เคยคุยกันเรื่องอดีตที่ผ่านมาของเขาเลยเพราะเราอยู่กับปัจจุบันและมองแต่อนาคต เรื่องอดีตเอามาคุยก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรครับ เลยไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย สำหรับผมเจนี่เหมือนผมตรงที่ว่าใครเป็นอย่างไร แล้วเขารู้ว่าตัวเขาต้องการอะไร ถ้าเขามั่นใจที่ตอบตกลงกับผม ผมก็เชื่อใจเขาว่า เขามองเห็นได้ว่าเราทั้งคู่ไปด้วยกันได้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็รักและเอ็นดูเจนี่เหมือนลูกแท้ๆ บางทียังมีโมเมนต์รักมากกว่าผมอีก ผมรู้สึกว่าตรงนี้เราก็ดีใจนะครับ ที่เขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา และเข้ากับที่บ้านได้ทุกคน”

เจนี่

ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล ณ ป้อมเพชร จะปรากฏในการ์ดแต่งงานครั้งนี้

“เราทำทุกอย่างเองครับ อย่างที่เจนี่พูดไปเราไม่มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะเขาเป็นคนที่ละเอียดและเลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง ทุกอย่างในงานมีความหมาย รวมถึงการ์ดก็จะมีสัญลักษณ์ประจำตระกูล คือจริงๆ เรามีตราประจำตระกูลมานานแล้ว แต่พอมีเรื่องแต่งงานเข้ามา ทำให้ผมเพิ่งได้รู้ประวัติอะไรหลายๆ อย่างของครอบครัวเหมือนกัน แม้กระทั่งตราประจำตระกูลก็เพิ่งเห็นเมื่อปีที่แล้ว เพราะตอนที่คุณตาเสีย เราก็เพิ่งได้เห็นตราประจำตระกูลครับ ผมก็อยากให้เจนี่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกับเราครับ”

งานแต่งงานสุดหวานชื่นจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2561 

“เรามีดูไว้แล้วครับ  เป็นช่วง ต.ค.  ส่วนสถานที่แต่งก็จัด 2 ที่ครับ ที่แรกคือ กทม. ส่วนอีกที่จะจัดที่ต่างจังหวัด ตอนนี้กำลังดูโรงแรมอยู่ว่าที่ไหนสะดวกที่สุด ที่จัดก็จะมีจะจัดงานเกี่ยวกับครอบครัวและญาติผู้ใหญ่ จากนั้นก็จะจัดเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนเราเองที่สนิทๆ เรียกว่ากลุ่มงานเลี้ยงเด็กๆ ครับ”

มิกกี้พร้อมมีทายาททันทีหลังแต่งงาน

“ก็โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนชัดเจนกับตัวเองมาตลอดว่าต้องการอะไร ทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว แม้กระทั่งเรื่องบวช และผมอยากมีครอบครัวก่อนอายุ 30 ปี ซึ่งก็อีกไม่กี่ปี เราก็กำลังคุยๆ กันอยู่ครับ ถามว่าแต่งแล้วจะมีลูกเลยไหม เราก็หวังว่าแบบนั้นแต่ต้องดูคิวละคร แล้วก็งานอื่นๆ ของทั้งตัวผมเองและเจนี่ด้วย กลัวเดี๋ยวไม่มีคนดูแลลูก (ยิ้ม)”

เจนี่

อย่างไรก็ตาม มิกกี้ ยังได้ชี้แจงประเด็นที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับแฟนเก่าว่ามีการคบซ้อนก่อนที่จะมาคบกับนางเอกสาวหรือเปล่า และล่าสุดก็มีกระแสข่าวลือว่าก่อนหน้านี้ มิกกี้ก็ได้ขอแฟนเก่าแต่งงานสถานที่เดียวกับที่ขอเจนี่เลย เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่?

“ผมไม่เคยขอแฟนเก่าแต่งงานนะ แล้วแฟนเก่าก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ชิดกับที่บ้านผม ซึ่งตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าข่าวมาจากไหน สำหรับการที่คนขุดข่าวเก่ามาโจมตีผม ผมก็ไม่สามารถห้ามเขาได้ แต่อยากให้เขาให้เกียรติกับคนที่เขาเขียนถึง อยากให้เขาให้ความเคารพเพราะเวลาเราทำงานในวงการเราจะได้ทำงานด้วยกันง่ายๆ ไม่ต้องมีเรื่องที่ไม่เกิดสาระขึ้นมาครับ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมกล้าพูดได้ว่าผมหยุดกับแฟนคนเก่าก่อนจะมาเริ่มใหม่ เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ผมสอนมาให้เป็นลูกผู้ชาย ให้ให้เกียรติ ให้ยกย่อง ให้ความเคารพผู้หญิงทุกคน แม้กระทั่งเพื่อนด้วยกันเองครับ”


The post คอนเฟิร์มฤกษ์แต่งงาน มิกกี้ และ เจนี่ จะจูงมือเข้าประตูวิวาห์ ต.ค.นี้ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

อุทาหรณ์ ฟิล์ม – กัปตัน พระเอกจำเลยสังคม ดราม่าทำสาวท้อง กระฉ่อนโซเชียล

$
0
0

ชีวิตที่คล้ายอย่างบังเอิญของ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ และ กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง ต่างเวลาแต่ความรู้สึกเดียวกัน

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวดังข่าวหนึ่งในวงการบันเทิงที่ประชาชนให้ความสนใจติดตามเป็นอย่างมาก คือกรณีของนักแสดงหน้าใส กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง ที่ตกเป็นข่าวว่าทำหญิงสาวท้อง โดยในเวลาต่อมามีการเปิดเผยว่าหญิงคนดังกล่าวคือ มิ้ง-ศวภัทร สุนทรนันท์ สาวคนดังในโลกออนไลน์ ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้ออกมาเปิดใจพร้อมๆ กัน ท่ามกลางเสียก่นด่าฝ่ายชายอย่างหนัก เนื่องจากมีการขอให้มีตรวจดีเอ็นเอเสียก่อนที่จะมีการรับผิดชอบในขั้นตอนต่อไป

เกี่ยวกับกรณีนี้ทำให้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันเมื่อ 8 ปีที่ กรณีของนักร้องและพระเอกหนุ่มคนดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ที่เสียงาน เสียเงิน และเสียชื่อเสียง ภายหลังถูกพาดพิงว่าเป็นพ่อของลูกชาย แอนนี่ บรู๊ค ซึ่งทั้งสู้ต่อสู้กันทางกฏหมายมานานแรมปี กระทั่งมีการให้พิสูจน์ตรวจ DNA ซึ่งผลได้ออกมาอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ใช่พ่อของเด็ก แต่ในเวลานั้นเขากลับเสียโอกาสในวงการบันเทิงไปหมดแล้ว ขณะที่ กัปตัน-ชลธร โชคดีกว่าหนุ่ม ฟิล์ม มากเพราะพลังชาวโซเชียลมีเดียยุค 4 จี ทำให้เขาสามารถหลุดข้อครหาได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องเสียงาน เสียโอกาส หรือเสียคนที่รักเขา

อันที่จริงจะว่าไปแล้วชีวิตของ ฟิล์ม และ กัปตัน ก็มีเรื่องที่คล้ายกันหลายอย่าง แพรวดอทคอม ขอยกเป็นข้อๆ เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายๆ ดังนี้


1.เป็นพระเอกเหมือนกัน

กัปตัน เป็นพระเอกดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่ซีรี่ส์เรื่องแรก “เลิฟซิคเดอะซีรีส์ รักวุ่น วัยรุ่นแสบ ” และมีผลงานทยอยออกมาอีกหลายเรื่อง ขณะที่ ฟิล์ม นอกจากการเป็นนักร้องเขายังประสบความสำเร็จกับงานละครอย่างมากมีผลงานเป็นที่จดจำหลายเรื่อง อาทิ ปีศาจแสนกล, สวย เริ่ด เชิด โสด

ฟิล์ม-รัฐภูมิ


2. เป็นนักร้องเหมือนกัน

ฟิล์ม เป็นนักร้องในสังกัดอาร์เอสมีผลงานอัลบั้มเดียวถึง 6 อัลบั้ม ขณะที่ กัปตัน เมื่อเร็วๆนี้เขาเพิ่งได้ร่วมงานกับทีมนักแสดงชายของ โฟโนล็อค นาดาวบางกอก และ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ในโปรเจกต์ 9by9 ที่จะผลิตผลงานเพลงและซีรี่ส์

ฟิล์ม-รัฐภูมิ


3.กำลังจะโกอินเตอร์เหมือนกัน

ก่อนที่ ฟิล์ม จะมีข่าวที่ไม่ดีออกมาเขากำลังวางแผนโกอินเตอร์เกาหลีใต้ และได้โอกาสขึ้นโชว์ในงานเอเชีย ซอง เฟสติวัล 2010 แต่ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน ทำให้ต้นสังกัดจำใจที่จะต้องงดส่ง “ฟิล์ม”ไปทำการแสดง ด้าน กัปตัน เป็นที่ทราบว่านอกจากเขาจะมีชื่อเสียงในเมืองไทยแล้ว เขายังได้รับความนิยมมากๆในเมืองจีนอีกด้วย ซึ่งหากไม่ได้รับการคลี่คลายเรื่องการทำงานของเขาก็คงยากลำบาก


4.ตกเป็นข่าวทำสาวท้องเหมือนกัน

ในวัย 25 ปี ฟิล์ม-รัฐภูมิ นักร้องหนุ่มอนาคตไกล ต้องเจอกับมรสุมชีวิตเมื่อเขาตกเป็นข่าวทำนักแสดงสาวที่เคยร่วมงานกัน “แอนนี่ บรู๊ค” ท้อง โดยที่ฝ่ายหญิง “อุ้ม” ลูกที่เพิ่งคลอดออกมาตามหาพ่อผ่านรายการโทรทัศน์ ขณะที่ “กัปตัน-ชลธร” ตกเป็นข้อครหาเกี่ยวกับเรื่องเดียวกันนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่า มิ้ง-ศวภัทร สุนทรนันท์ อดีตแฟนสาวที่เลิกรากันไปแล้วตั้งครรภ์

ฟิล์ม-รัฐภูมิ


5.ถูกตัดสินว่าเป็นตัวร้ายตั้งแต่แรกเหมือนกัน

หลายคนเสพดราม่าเหมือนดูละครที่ต้องมีคนดีและคนร้าย ดังนั้นเมื่อคนที่อ่อนแอรับบทคนดี จึงไม่แปลกที่บทตัวร้ายต้องตกเป็นของทั้งสองหนุ่ม ดังนั้นไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรออกมา ก็ไม่พ้นถูกวิจารณ์อย่างเสียหายทั้งที่ยังไม่มีการเริ่มพิสูจน์

ฟิล์ม-รัฐภูมิ


อย่างไรก็ตามถึงปัญหาของทั้งคู่จะคล้ายกันนั่นคือทำผู้หญิงท้อง แต่จุดจบกลับต่างกัน ด้วยเวลาและความคิดของคนที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนชอบเสพดราม่า ไม่มีใครเชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างปักใจ แต่จะมีเปิดเผยข้อมูลของทั้งสองฝ่ายและนำมาชั่งน้ำหนักกัน เอาเป็นว่าเสพดราม่าอย่างมีวิจารณญาณดีกว่า

 

The post อุทาหรณ์ ฟิล์ม – กัปตัน พระเอกจำเลยสังคม ดราม่าทำสาวท้อง กระฉ่อนโซเชียล appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

อย่าทิ้งความฝันเพียงเพราะเป็นคุณแม่ ตั๊ก บงกช กับชีวิตที่บาลานซ์ได้

$
0
0

บาลานซ์หน้าที่ทุกอย่างได้อย่างลงตัว ตั๊ก บงกช ไม่ทิ้งความฝันเพียงเพราะการเป็นคุณแม่ นี่แหละ! แรงบันดาลใจผู้หญิงยุคใหม่

ตั๊ก บงกช

เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนทราบเป็นอย่างดีว่าลูกรักฝันอยากเป็นอะไร แต่ในทางกลับกันคุณแม่หลายคนลืมความฝันหรือทิ้งความฝันของตัวเอง เพราะต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับครอบครัว ทว่ามีเหล่าคุณแม่ส่วนหนึ่งที่บาลานซ์หน้าที่ทุกอย่างได้อย่างลงตัวและสามารถเดินตามความฝันของตัวเองต่อไปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ นักแสดงสาวมากฝีมือ “ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล”อดีตนางเอกชื่อที่มีผลงานภาพยนตร์ดังมากมาย อาทิ อีสา, บางระจัน, ไอ้ฟัก, อำมหิตพิศวาส

โดยเมื่อปี 2012 เธอได้ประกาศหมั้นและแต่งงานกับนักธุรกิจใหญ่ “เจ้าสัว บุญชัย เบญจรงคกุล” และมีลูกชาย 1 คนเป็นโซ่ทองคล้องใจ “น้องข้าวหอม-ด.ช.ชีวกิตติ์ เบญจรงคกุล” หลังจากที่เธอมีทายาทก็กลายเป็นคุณแม่แบบฟลูไทม์ ภาพของตั๊กเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ตั๊ก บงกช

ชีวิตตั๊กเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว เธอได้บาลานซ์ชีวิตใหม่ให้กับตัวเอง หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รูปร่างเปลี่ยนความกระฉับกระเฉงก็ปลุกไฟในตัวเธออีกครั้ง เธอลุกขึ้นมาทำตามฝันของตัวเองคือการเป็นผู้กำกับ แม้จะต้องมีภาระหน้าที่ของแม่แต่เธอก็ทำทุกอย่างอย่างตั้งใจ

ไม่ใช่ประสบความสำเร็จในบทบาทของคุณแม่เท่านั้น แต่ล่าสุด ตั๊กยังประสบความสำเร็จในฐานะผู้กำกับด้วย เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพยนตร์ “Sad Beauty เพื่อนฉัน ฝันสลาย” ที่เธอเป็นผู้กำกับได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ New York Asian Film Festival 2018 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเทศกาลภาพยนตร์ Bucheon International Fantastic Film Festival 2018 ที่ประเทศเกาหลีใต้

ตั๊ก บงกช

Subway Cinema และ Film Society of Lincoln Center เป็นเทศกาลภาพยนตร์เอเชียที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ โดยภาพยนตร์ได้ฉายในวันที่ 14 กรกฎาคม ที่โรงภาพยนตร์ SVA Theater แม้ว่าเธอจะไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยตัวเองเพราะติดนำภาพยนตร์ไปประกวดในอีกเทศกาลที่เกาหลี แต่ก็ได้ ก้องเกียรติ โขมศิริ โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ ที่เดินทางไปร่วมงานในฐานะกรรมการตัดสินภาพยนตร์สายประกวด ขึ้นเวทีเพื่อแนะนำภาพยนตร์ Sad Beauty ก่อนการฉาย

ตั๊ก บงกช

ส่วนตั๊กได้ลัดฟ้าไปงานเทศกาล Bucheon International Fantastic Film Festival เพื่อฉายภาพยนตร์ถึง 3 รอบฉาย พร้อมเดินพรมแดงร่วมพิธีปิดเทศกาลด้วยชุดผ้าไหมไทยสีทองดอกจำปาของปักธงชัย ที่ทอสลับดิ้นทองทั้งผืน จากร้านผ้าไหมบงกช ที่เป็นร้านของตัวเธอเอง และเข้าลุ้นในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไทยเพียงเรื่องเดียว ที่ได้รับคัดเลือกจากทั่วโลก ให้เข้าชิงรางวัลใหญ่ที่สุด 4 สาขารางวัลคือ Best of Buchoen, Best Director Choice, Jury’s Choice และ Audience Award

ตั๊ก บงกช

สำหรับเทศกาลภาพยนตร์แฟนตาสติคนานาชาติบูชอน (Bucheon International Fantastic Film Festival) หรือ BIFAN เป็นเทศกาลภาพยนตร์ขนาดใหญ่หนึ่งในสามของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองบูชอน (Bucheon) เป็นเทศกาลภาพยนตร์สำคัญที่มีบุคลากรในวงการภาพยนตร์จากทั่วโลกเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่งในทุก ๆ ปี โดยในปี 2018 เทศกาลนี้ มีภาพยนตร์เข้าฉายถึง290 เรื่อง จาก 53 ประเทศทั่วทุกมุมโลก โดยคัดเลือกจากภาพยนตร์หลายพันเรื่องที่ส่งเข้ามา

ตั๊ก บงกช

ทั้งนี้ตั๊ก ได้เล่าให้ฟังว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณทุกกำลังใจจากคนที่รักหนังของเธอจากทุกมุมโลก “ตั๊กขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ทุกคนส่งมาให้ตั๊กในทุกๆ ช่องทางนะคะ และรู้สึกดีใจที่หนังเรื่องนี้ที่ตั๊กตั้งใจทำ กำลังเดินทางไปตามเทศกาลต่างๆ ทั่วโลก ทั้งฉายโชว์ และเข้าประกวด ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีมากสำหรับตั๊ก เปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้มีโอกาสดูหนังตั๊ก พร้อมยังได้แสดงความคิดเห็นจากนักวิจารณ์ และผู้ชม เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการทำหนังเรื่องต่อๆ ไป และยังได้พบเจอบุคคลสำคัญตามเทศกาลหนังต่างๆ ซึ่งตั๊กหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกันกับพวกเขาในซักวันหนึ่ง

ทั้งนี้ ภาพยนตร์ “Sad Beauty เพื่อนฉัน ฝันสลาย” กำกับภาพยนตร์โดย “ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล” ยังคงเดินหน้าอวดสายตากับชาวโลกต่อไป โดยในเดือนกันยายนนี้ เข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Asian Pop-Up Cinema เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และอยู่ในช่วงพูดคุยกับประเทศสเปน และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบลำดับต่อไป

ตั๊ก บงกช

และนี่คือหนึ่งในแรงบัลดาลใจดีๆ ของคุณแม่ผู้ไม่ละทิ้งความฝัน ที่สามารถบาลานซ์หน้าที่ทุกอย่างได้อย่างลงตัว มีความภาคภูมิใจในตัวเองและยังมีความสุขกับชีวิตคุณแม่อีกด้วย


 

The post อย่าทิ้งความฝันเพียงเพราะเป็นคุณแม่ ตั๊ก บงกช กับชีวิตที่บาลานซ์ได้ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

บทนี้ไม่ต้องกำกับ! “พลอย เฌอมาลย์”ขอชัดเจน ถูกผิดเอาที่สบายใจ

$
0
0

หากบอกว่านี่คือ การสัมภาษณ์นักแสดงหญิงที่มีลักษณะการตอบคำถามคล้ายผู้ชายมากที่สุด ก็คงไม่ผิดจากนั้น ตรง ชัดเจน ไม่ต้องถามซ้ำ ยังใช้ได้เสมอเวลาคุยกับ พลอย – เฌอมาลย์ นักแสดงมากฝีมือ ที่หากอยู่ในโลกของละคร เธอสามารถเล่นเป็นใครก็ได้ แต่ในชีวิตจริง พลอยไม่เคยเล่นตามบทใคร ไม่เคยเปลี่ยนตัวเองในสิ่งที่คนอื่นอยากเห็น เธอเลือกเขียนบทและกำกับชีวิตในแบบที่ต้องการ ส่วนใครจะถูกใจหรือไม่…ไม่เป็นไร เอาที่สบายใจ

ถ้าคุณอยากอ่านชีวิตของนักแสดงที่ตอบคำถามตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ชีวิต ความรัก จนถึงข่าวคราวต่างๆ แบบไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือผ่านก้นกรอง จะมีใครชัดเจนกว่านี้อีกล่ะ

ที่ผ่านมาน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราเห็นข่าวพลอยตามสื่อน้อยมาก

“ไม่ดีตรงไหน พลอยว่าดีนะ” (ยิ้ม)

นี่คือสิ่งที่ตามมา หลังจากเมื่อหลายเดือนก่อน พลอยโพสต์ในไอจีว่า หลังจากนี้จะสัมภาษณ์เฉพาะช่อง 3 สื่อบันเทิงบางช่อง และนิตยสารเท่านั้น

“ใช่ จริงๆ เป็นความตั้งใจนานแล้ว ประมาณปีกว่าๆ ที่ไม่ค่อยได้ออกสื่อ แต่แบบนี้ดีนะคะ ชีวิตไม่วุ่นวาย สงบมาก ไม่มีใครมาคอยกล่าวหาว่าพลอยไม่มากองถ่าย เดี๋ยวไปขโมยเงินคนนั้น แย่งผัวคนนี้ ตบดารา ไปทำแท้งในวัด หรือทำโน่นนี่นั่น ไม่ต้องตอบในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ให้ตัวเอง กับคนที่ติดตามผลงานของพลอย รวมถึงคนที่ติดตามวงการบันเทิงด้วย

พลอยทำงานในวงการนี้มาตั้ง 22 ปีแล้ว พอแล้วกับการเจอเรื่องแบบนั้น ไม่อยากเป็นข่าวไร้สาระ ดราม่า พลอยอยู่ตรงที่ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีกระแสอะไรมากมายนัก แบบนี้แฮ็ปปี้กว่า”

หมายความว่า การเป็นกระแสไม่ได้จำเป็นสำหรับพลอยอีกแล้ว

“ใครให้ค่าพลอย พลอยอยู่ตรงนั้น ถ้าใครไม่ให้ค่า พลอยก็ไม่อยู่ แค่นั้นเอง อย่างการให้สัมภาษณ์สื่อ ถ้าเป็นสิ่งพิมพ์ พลอยจะให้สัมภาษณ์นิตยสารมากกว่าแนวแท็บลอยด์ เพราะดูเป็นเรื่องเป็นราวกว่า ดีกว่ามาพูดไร้สาระ และไม่ต้องโดนจ่อไมโครโฟนถามเหมือนเราเป็นนักโทษ อย่างเมื่อคืนก่อน พลอยดูข่าวของ…(นักแสดงชายคนหนึ่ง) ที่ต้องตอบผู้สื่อข่าวในงานอีเว้นต์ว่า “ไม่ครับ…ไม่จริงครับ ผมไม่ได้คุยแล้วครับ…ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ได้ยุ่งครับ ไม่ได้ซื้ออะไรให้เขาครับ” พลอยสงสารมาก เขาพยายามเบือนหน้าหลบแล้ว แต่ก็ถูกถามคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมา”

ดูแล้วเห็นภาพตัวเองในอดีตใช่ไหม

“ใช่ พลอยเห็นใจหลายคนที่โดนอะไรแบบนี้อยู่ พลอยจึงตัดสินใจไม่ให้สัมภาษณ์สื่อบันเทิง ไปอีเว้นต์ก็ขอไม่สัมภาษณ์ ไม่เดินไปที่แบ็กดร็อป ซึ่งคนจัดงานรู้ตั้งแต่แรกเพราะเราคุยกันชัดเจน เขาบอกว่าไม่เป็นไร ยังอยากจ้างพลอยอยู่ ขอให้มา คือเขาไม่ได้จ้างเราเพราะอยากได้กระแส แต่จ้างเพราะให้เกียรติจริงๆ อยากให้พลอยไปทำงานด้วย

จริงๆ พลอยยังมีงานอีเว้นต์เยอะเหมือนเดิมนะ แค่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในวงสัมภาษณ์ ตอนนี้นักข่าวทุกคนรู้ว่า ถ้าเป็นทีวี พลอยให้สัมภาษณ์เฉพาะช่อง 3 เท่านั้น ถ้าเป็นหนังสือแท็บลอยด์จะไม่มีคำสัมภาษณ์จากพลอย บางทีมีเรื่องที่เราเป็นข่าว แล้วเขาขอสัมภาษณ์ พลอยก็ไม่ให้ ใครจะพูดอะไรก็พูด ว่าอะไรก็ว่า เราไม่มีความเห็นอะไรทั้งสิ้น อยากคิดอะไรก็คิด เอาที่สบายใจ หลังๆ ก็เหมือนเขาเหนื่อยๆ กันไปเอง

จริงๆ แล้วพลอยไม่ใช่คนเยอะ มีช่วงหนึ่งที่ถามพลอยได้ทุกเรื่อง ตอบได้หมด ให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่พอง่ายก็โดนเหยียบหัว เขาแค่อยากใช้เราในจุดหนึ่งเท่านั้นเอง จึงทำให้พลอยคิดว่า แล้วทำไมต้องไปง่ายกับเขา เราทำดีแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็น เพราะฉะนั้น อย่าเสียเวลาเลย ไม่อยากให้ใครมาทำอย่างนั้นกับเราอีก เพราะฉะนั้นก็อย่าเอาตัวเข้าไปยุ่ง ตัดเลย ขอทำงานและอยู่ในที่ที่เราควรอยู่ดีกว่า”

ถ้าอย่างนั้น ช่วงที่เงียบหายไป ชีวิตพลอยเป็นอย่างไรบ้าง

“สะดุดเยอะเหมือนกันค่ะ มีเรื่องของงานที่ไม่ลงตัว ทำให้หลายคนอาจคิดว่าพลอยหายไปไหน ซึ่งจริงๆ ก็ทำงานแทบทุกวัน ถ้าไม่นับอีเว้นต์ ก็มีถ่ายภาพยนตร์ แต่ฉายปีหน้า เพราะรอเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รวมถึงละครอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งจริงๆ ต้องเปิดกล้องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน แต่นักแสดงคนหนึ่งหายไปไหนไม่รู้ ไม่มากองเลย ทีมงานต้องใช้เวลากว่า 2 เดือนหานักแสดงใหม่ ตารางจึงถูกเลื่อนออกไป แล้วตอนนี้ละครถ่ายทำด้วยระบบเอชดี ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากเหมือนถ่ายภาพยนตร์ กว่าจะปิดกล้องก็คงเดือนกุมภาพันธ์นี้ คือครบรอบหนึ่งปีพอดี งานของพลอยจึงเหมือนดีเลย์ออกไป ซึ่งไม่ใช่ความผิดของพลอยนะ

สำหรับช่วงนี้มีถ่ายละครวันจันทร์ อังคาร พุธ นอกจากนี้มีถ่ายแฟชั่น อีเว้นต์ ซึ่งพลอยจะอัพเดตชีวิตผ่านอินสตาแกรม แต่ไม่ถึงขนาด
ว่าโพสต์ทุกอย่างแบบสด ๆ ตามเวลานั้น”

ชอบแฮชแท็คในอินสตาแกรมของพลอยมาก เช่น #สวยที่สุดในโลกส่วนตัว #อดีตเคยแรง #ตลกสายดาร์ก ทั้งหมดนี้สื่อถึงตัวตนได้ไหม

“(หัวเราะ) เป็นตัวพลอยในมุมขำๆ ที่เขียนแฮชแท็คแบบนั้นตั้งใจให้สนุก เป็นคำที่พลอยกับเพื่อนๆ เล่นกันมา 6 – 7 ปีแล้ว อารมณ์เหมือนสติ๊กเกอร์ติดท้ายรถบรรทุก สมัยก่อนเรานำคำพวกนี้ไปตัดสติ๊กเกอร์แล้วมาแจกกันเอง แปะตามคอมพิวเตอร์บ้าง อย่างเช่น อดีตเคยแรง ทิ้งกูละน่าดู (หัวเราะ)

พอตอนนี้เป็นยุคของโซเชียลมีเดีย พลอยจึงเขียนแฮชแท็คขำๆ บางทีเราเขินด้วย อย่างเวลาโพสต์รูปถ่ายเซลฟี่ จะให้พลอยพิมพ์ว่าอะไรล่ะ…วันนี้แต่งตัวดีจัง สวยไหมคะ ก็ไม่ใช่เนอะ (หัวเราะ) พลอยขอเขียนขำๆ ให้คนอ่านได้หัวเราะดีกว่า ซึ่งการมีอินสตาแกรมก็ดีนะ แฟนคลับของนักแสดงสามารถรู้ชีวิตส่วนตัวของศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบได้ว่าเขาทำอะไรบ้าง มีเรื่องไหนจริงหรือไม่จริงก็เปิดดู ไม่ต้องมานั่งอ่านจากหนังสือแท็บลอยด์ เพราะเป็นโลกของเราจริงๆ แม้กระทั่งหนังสือพวกนั้น ยังต้องมาเอารูปจากอินสตาแกรม เอาเรื่องราวของเราไปเป็นข่าวเลย เพราะฉะนั้นจุดที่พลอยเลือกอยู่ตรงนี้ถือว่าดีแล้ว โคตรมีความสุขเลย หลังจากก่อนหน้านั้นเจอเรื่องหนักมากมาตลอด”

ภาพหนักๆ ที่คนภายนอกเห็นคงเป็นการที่พลอยโพสต์รูปตัวเองร้องไห้ผ่านอินสตาแกรมเมื่อต้นปี 2558 หลังจากเจอข่าวแย่ๆ ต่อเนื่อง แต่ในสิ่งที่คนไม่เห็น…หนักกว่านั้นไหม

“ถ้าเป็นดาราบางประเทศคงฆ่าตัวตายไปแล้ว อย่างที่เล่าว่า พลอยต้องเจอข่าวอะไรมาบ้าง หรือเวลาเสิร์ชชื่อตัวเองในกูเกิล จะมีคำอะไรตามมาบ้าง ช่วงนั้นหดหู่มาก พอเห็นข่าวดาราต่างชาติฆ่าตัวตาย จึงเข้าไปหาอ่านในอินเทอร์เน็ตว่า ทำไมเขาตัดสินใจอย่างนั้น ต้องเจอเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งพออ่านก็มีทั้งพออายุมากขึ้นแล้วไม่ได้เป็นที่ยอมรับ รับไม่ได้กับข่าวเสียหาย โดนผู้ใหญ่รังแกบ้าง หรือทำผิดนิดเดียว แต่ประชาชนกล่าวโทษเยอะ”

ไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดีใช่ไหม

“ไม่ค่ะ เพียงแต่ช่วงนั้นจิตตก อยากรู้ว่าทำไมคนต้องฆ่าตัวตายและสงสัยว่าทำไมพลอยยังอยู่ได้ เราอึดเหมือนกันนะ…แต่นิสัยพลอย ถ้าอยากรู้อะไรจะหาคำตอบ แล้วไม่กลัวด้วย เปิดดูเลย บางครั้งดูภาพศพ จนแฟนพลอยต้องพูดว่า พอเถอะ อย่าดูได้ไหม แต่พลอยบอกว่า ไม่ อยากรู้ เพราะพลอยจะได้ไม่ทำแบบนั้น หรือตอนพี่สาวผ่าท้องคลอด พลอยก็เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนในห้องผ่าตัด คนรอบตัวยังบอกว่า เดี๋ยวไปเป็นลมในห้อง แล้วจะดูแลพี่ได้หรือ พลอยก็บอกว่า ได้ค่ะ เพราะก่อนหน้านั้นซ้อมดูการผ่าตัดทำคลอดในอินเทอร์เน็ตมา 6 – 7 รอบแล้ว (พลอยเล่าเรื่องประกอบกับการเปิดยูทูบที่เคยดูในโทรศัพท์มือถือ หัวข้อคือ ผ่าตัด คุณลูกๆ ดูไว้ 20+ ด้วยนะ) พอเพื่อนรู้ก็บอกว่า พลอยโรคจิตมาก อ้าว…ทำไมเราต้องกลัวความจริงล่ะ ต้องเผชิญหน้าสิว่า เราจะอยู่กับมันได้หรือเปล่า”

แล้วอะไรที่ทำให้พลอยผ่านเรื่องราวหนักๆ ทั้งหมดมาได้

“พลอยคิดว่าตัวเองโชคดีนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ทั้งที่เจอเรื่องหนักมาก แต่ไม่ตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ผิด ถ้าจิตไม่แข็งพอ คงฆ่าตัวตายไปแล้ว พอผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ ก็ต้องขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณเบื้องบนที่ทำให้แข็งแรง ให้พลอยยังสู้ไหว เพื่อนสนิทยังบอกว่ามึงนี่ฆ่าไม่ตาย พอฟังแล้วก็ได้คิดว่า…นั่นสิ”

แต่วันที่อ่อนแอมากกว่าเข้มแข็งก็มีใช่ไหม

“มี พลอยทรุดหลายทีเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้บอกใคร ไม่ให้คนที่บ้านเห็น ทั้งที่ความจริงเหนื่อยมาก เคยนั่งร้องไห้เป็นวัน ตั้งแต่บ่ายสามถึงเที่ยงคืน จิตตกโดยไม่รู้สาเหตุ นั่งตาลอย ไม่ออกจากบ้าน ไม่พูดกับใคร บางทีดื่มไวน์เมามากๆ ก็ร้องไห้กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแบบจะเป็นจะตาย เพิ่งกลางปีก่อนนี้เองที่กลับมาร่าเริงสดใสได้ หลังจากดาร์กมาเกือบ 2 ปี”

แล้วดึงตัวเองกลับมาได้อย่างไร

“จู่ๆ ก็หาย อาจเพราะสองปีที่ผ่านมา พลอยพยายามจัดการระบบความคิดและจิตใจของตัวเองให้ดีขึ้น จริงๆ คนไม่ค่อยรู้ว่าพลอยหดหู่กับข่าวที่เกิดขึ้นมาก และพยายามรักษาตัวเองด้วยการดูโน่นดูนี่ อ่านๆทำไมเขาฆ่าตัวตาย เฮ้ย…เรื่องแค่นี้เองหรือ ไม่ได้สิ เราอยู่มาขนาดนี้ แล้วจะตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้ ต้องแข็งแรง มีคำที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสอนว่า “พลอย…ให้ค่าเฉพาะคนที่ให้ค่าเรา ใครไม่ให้ค่าก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เขาจะว่าอะไร หนูก็หันหลังกลับ ปิดหู ปิดตา” ซึ่งพลอยก็ทำตาม เพราะบางทีโลกก็ไม่ยุติธรรม แต่พลอยคิดว่าถ้าโลกที่อยู่ตรงหน้าไม่ยุติธรรม เราก็แค่หันหลังให้มัน แล้วเดินต่อไปไม่ต้องไปยุ่งหรือเกี่ยวข้องด้วย”

ดาราบางคนยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่ออยู่ในวงการได้นานๆ เช่น ลดความแรง ไหลตามน้ำบ้าง แต่เหมือนพลอยเลือกเป็น
ตัวเองตลอดเวลา

“เอาจริงๆ ที่ผ่านมา พลอยปรับเยอะนะ บางเรื่องที่ทำผิดก็ขอโทษ เพราะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่เหมือนสิ่งที่พยายามปรับโดยที่ไม่เสียความเป็นตัวเองจะไม่เวิร์ค เพราะสังคมมักมองเราอีกแบบ แต่พลอยเชื่อว่าพอเวลาผ่านมา หลายๆ อย่างในสังคมเปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ที่คนไทยไม่ได้เสพข่าวบันเทิงแบบเก่าๆ หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าบางเรื่องก็เกินไป หรือบางทีก็ไม่เป็นเรื่องอะไรเลย
แล้วเรื่องเป็นตัวเอง พลอยก็เป็นแบบนี้มาตลอด แฟนคลับยังเคยบอกว่า เวลาอ่านสัมภาษณ์พี่พลอย ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน เล่มแรกตอบแบบไหน เล่มอื่นๆ ก็ตอบแบบนั้น พูดเหมือนกันทุกเล่ม นั่นเพราะพลอยไม่มีการสร้างคำพูดที่สวยงามหรือให้ดูดี คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ค่อนข้างซื่อสัตย์กับความคิดของตัวเองมาตลอด”

วันนี้พลอยไม่มีผู้จัดการส่วนตัว ดูแลตัวเองอย่างไร

“พลอยทำเองทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ว่าละคร อีเว้นต์ ธุรกิจอาหารเสริม งานเอกสาร บัญชี ขับรถ วุ่นวายเหมือนกัน แต่ลงตัวมากกว่า ต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีผู้จัดการ แต่เขาไม่ได้ดูแลปกป้องเราจริงๆ เวลาเกิดปัญหา เพราะเขาคงกลัวโดนคนเกลียด จึงไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราตรงๆ ทำให้เกิดปัญหาที่หน้างาน แต่พอใช้ระบบจัดการด้วยตัวเอง พลอยเคลียร์ทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น ทำให้ปัญหาน้อยลง ยกตัวอย่างถ่ายแฟชั่น พลอยจะถามละเอียดว่า ถ่ายประมาณไหนคะ โลเกชั่นที่ไหน ช่างหน้าช่างผมคือใคร เคลียร์เช็คกับใคร จะทำทุกอย่างเป็นขั้นตอน เวลาทำงานจะได้รู้ว่าเราต้องเจออะไรบ้าง แล้วพลอยได้ยินทุกอย่างเองกับหูด้วย เวลาที่เขาถามรายละเอียดด้านต่างๆ จึงตอบได้ทันทีว่า อันนี้โอเคค่ะ เรื่องนั้นไม่โอนะ แต่พอรับงานเองก็เหนื่อยเหมือนกัน บางทีวันอาทิตย์ตอนเที่ยงคืนมีโทรศัพท์เข้าว่า ขอคิวพี่พลอยหน่อยค่ะ แล้วก็เงียบ พลอยต้องถามกลับว่า ต้องให้พลอยถามต่อไหมคะว่า ทำอะไร ที่ไหน อะไร อย่างไร บอกมาสิคะว่าทำอะไรบ้าง ทำไมหนูไม่พูดล่ะ เลยกลัวพลอยเป็นแถวเลย พลอยโหดไง”

ถามจริงๆ ตอนที่ตอบกลับไปแบบนั้น โมโห หงุดหงิด หรืออะไร

“จริงๆ ไม่เลยนะ (ยิ้ม) แต่พลอยเป๊ะไง เป็นสายเมเนเจอร์ที่ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ถึงที่ผ่านมาจะมีผู้ช่วยคอยประสานงาน แต่พลอย
ตัดสินใจเองว่า จะเลือกรับ หรือไม่รับงานไหน พลอยเป็นบอสตัวเองมาตลอด แต่ไม่เคยคิดว่าเราเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับบอสซี่ อยากเอาโน่น อยากได้นี่ ไม่ใช่ ไม่เคยรีเควสต์ขนาดนั้น แต่อยากคุยทุกอย่างให้ชัด จึงถามตรงๆ แต่จะให้ดัดจริตพูดหวานๆ ก็ไม่ใช่นิสัย บุคลิกพลอยชัดเจน ไม่ตอแหล ไม่ปากหวานไปทั่ว แต่สุดท้ายก้นเปรี้ยว”

วงการบันเทิงยังเป็นพื้นที่ที่ทำให้พลอยมีความสุขอยู่ไหม

“มีค่ะ ถ้าได้ทำงานพลอยก็มีความสุข ถ้าทำแล้วเหนื่อยคงไม่อยากทำ แต่จริงๆ เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เพราะอยู่มานานเกิน อยากมีโมเม้นต์ที่ได้ใช้ชีวิต หรือทำสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้าง อย่างตอนนี้พลอยกำลังวางแผนเรียนต่อปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงนี้พลอยสอบ CU-tep (การทดสอบความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการศึกษาทางทักษะการอ่าน การเขียน การฟัง และการพูด) ตั้งใจยื่นสมัครภายในปีนี้ จึงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษอยู่ด้วย”

ทำไมอยากกลับไปเป็นนักเรียนครับ

“เพราะสมัยเด็กพลอยไม่มีโอกาสเรียนหนังสือเหมือนนักแสดงสมัยนี้ ในยุคพลอย ถ้าเลือกทำงานในวงการบันเทิงก็แทบไม่มีโอกาสเรียน เพราะเวลาทั้งหมดจะถูกบีบให้การทำงาน แต่พอหลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป พลอยจึงอยากเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไป ส่วนจะใช้ความรู้ต่อยอดทำอย่างอื่นไหมก็เป็นอีกเรื่อง เพราะความตั้งใจแรกคือ อยากมีชีวิตที่ได้เรียนหนังสือบ้าง หลังจากที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จเรื่องงานมาเยอะแล้ว อยากเรียนปริญญาโทอีกสักใบ ให้คุณยายชื่นใจด้วย ตอนนี้คุณยายพลอยอายุจะ 90 ปีแล้วนะ (ยิ้ม)

ช่วงหลังพลอยมีเวลาให้ตัวเองกับครอบครัวมากขึ้น ทุกคนแฮ็ปปี้มาก แม่บอกว่า แม่ดีใจนะ ปกติเวลาพลอยเลิกงานดึกๆ จะไปกินข้าวกับเพื่อน แล้วโพสต์รูปลงไอจี แต่เดี๋ยวนี้พลอยพาแม่ไปกินข้าว มีเวลาได้นั่งคุยกับยาย ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่น้อยมาก ในหนึ่งหรือสองเดือนจะมีวันพักแค่หนึ่งวัน เป็นแบบนี้มา 20 ปีแล้ว เพิ่งมามีเวลาให้ตัวเองเมื่อสองปีมานี้เอง”

ไม่ได้หมายความว่าพลอยจะรับงานน้อยลงใช่ไหม

“ไม่รู้…ตอบไม่ได้ ถ้ามีโอกาสที่ดีอยู่ก็ยังทำ แต่ถ้าวันหนึ่งไม่มีแล้วก็ไม่เป็นไร ทุกคนต่างมีช่วงเวลาของตัวเอง พลอยอยู่ด้วยตัวเองมาได้ขนาดนี้ถือว่านานกว่าคนอื่น ครองแชมป์แล้วนะ หลังจากนี้ก็ให้เป็นไปตามอนาคต ชีวิตคงไม่ได้ดีหรือพีคอย่างนี้ไปตลอดหรอก แล้วทางในวงการนี้ก็ไม่ได้ง่ายเลย อย่างน้อยก็ดีใจที่ทำมาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่มีหลายคนที่เข้ามาแล้วก็ออกไป แต่เรายังอยู่ตรงที่เดิม พลอยโชคดีที่ได้สัมผัสกับความสำเร็จมาเยอะ ทั้งเรื่องอาชีพและชีวิต แค่นี้ก็น่าดีใจมากแล้ว

แล้วจริงๆ ช่วงหลังมีงานเสนอเข้ามาเยอะ แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่างทำให้รับไม่ได้ เสียดายเหมือนกัน แต่พลอยมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่นะ คือพลอยอยู่มานานแล้ว คนรู้จักเรา ยังไงก็มีที่ยืน แต่ถ้าเป็นคนที่นิสัยไม่ดี ทำงานไม่เก่ง แล้วยังโน่นนี่นั่น หลงไปกับชื่อเสียง วันหนึ่งก็ถูกลืม จบแค่นี้”

พลอยล่ะ เคยเฉียดกับความเหลิงหรือลืมตัวบ้างไหม

“มีบ้างค่ะ แต่โชคดีที่แม่คอยเตือนตลอด แม่จะคิดไปข้างหน้าให้พลอยหลายสเต็ป ท่านจะเน้นเรื่องความอดทนมาก ซึ่งพลอยก็บอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงนะ พลอยยังเหมือนเดิมแน่นอน ไม่มีอะไรทำลายตัวตนพลอยได้ หรือช่วงหลังที่ใช้เงินเยอะขึ้น แม่ก็ห่วงว่า เก็บไว้เผื่ออนาคตบ้าง พลอยก็ตอบว่า เก็บมาเยอะมากแม่ พลอยให้แม่ดูแลเงิน ไม่น่าห่วง แล้วพลอยคิดว่า ถ้าไม่ใช้เงินเลย ตอนแก่จะมีเรี่ยวแรงนำเงินที่สะสมมาทั้งหมดไปใช้จ่ายให้ตัวเองมีความสุขได้ไหม ในเมื่อตอนนี้ยังมีแรงทำงาน มีพลังเดินทางไปต่างประเทศไกลๆ ก็ควรให้รางวัลตัวเองบ้าง”

ช่วงนี้ใช้เงินหนักไหม

“กลางๆ นะ แต่ถามว่า ใช้ไหม…ใช้ค่ะ เสื้อผ้าหรือของแบรนด์เนมก็มีบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นซื้อถล่มทลาย พลอยมองถึงอนาคตเหมือนกันว่าต้องเก็บเงินไว้เผื่อบ้าง ส่วนมากจะใช้ไปกับสิ่งที่มีคุณค่าทางใจมากกว่า แล้วก็เป็นของที่มีคุณค่า อย่างนาฬิกาที่ซื้อเป็นของขวัญให้ตัวเอง หลังจาก 20 ปีมานี้ทำงานทุกวัน บางปีมีทั้งละครกับภาพยนตร์ถ่ายติดกัน 4 เรื่อง เวลาเกือบทั้งหมดอยู่แต่ในกองถ่าย แทบไม่มีเวลาให้ใครเลย มีแฟนก็ต้องเลิก”

แสดงว่าสองปีที่กระแสน้อย แต่พลอยมีความสุขมากขึ้น

“แฮ็ปปี้! แต่เอาจริงๆ งานไม่ได้น้อยลงเลย ยุ่งจะตาย เปิดสมุดงานมาจะเห็นคิวแน่นทุกวัน เพียงแต่พลอยคิดว่า งานอะไรที่บีบหัวใจหรือบังคับมากเกินไปก็ไม่อยากทำ เน้นความสบายใจดีกว่า จะได้นำเวลามาใช้กับคนที่เรารัก คนที่เรารู้สึกดี อย่างปีนี้ได้ไปร่วมงานแต่งเพื่อนเป็นสิบงานแล้ว ซึ่งถ้าเป็นชีวิตปกติของสมัยก่อนไม่ค่อยได้ไปหรอก ไม่เคยว่างเลย”

พูดเรื่องแต่งงาน ก่อนเจอกันวันนี้ พลอยถามทางโทรศัพท์ว่าจะสัมภาษณ์อะไรพลอยบ้าง แต่เรื่องแต่งงานไม่ตอบนะ เบื่อแล้ว

“ใช่ (ยิ้ม) พลอยตอบเรื่องนี้มาตลอด ตั้งแต่อายุ 24 จนปีนี้จะ 34 แล้ว จะให้พูดอะไรล่ะ ก็ตอบเหมือนเดิม และก็ไม่ได้ปิดบัง ตอนนี้ยังคบคนเดิมอยู่ เวลาเลือกศึกษาใคร พลอยคบเป็นคนๆ โอเคว่าที่ผ่านมาพลอยอาจผ่านอะไรมาบ้าง อายุขนาดนี้แล้ว คงไม่ใช่ผู้หญิงที่
ไม่เคยเจออะไรมาเลย แต่ก็ไม่ได้ใช้ร่างตัวเองเปลืองเหมือนแจกใบปลิว”

คำนี้ใช้เป็นโค้ดรณรงค์ได้เลยนะ

(หัวเราะ) “เอาจริงๆ ก็มีใครมาเฉี่ยวมาชนในชีวิตบ้าง แต่สุดท้ายเราคือผู้หญิง ถ้าไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วผู้ชายคนไหนจะมาเห็นคุณค่า หรือถ้ามัวแต่แบบ อ๋อ…ฉันสวย จะเลือกใครก็ได้ ก็อาจใช่ แต่คนอื่นจะมองเราอย่างไรล่ะ”

คุณแม่ห่วงลูกสาวเรื่องคู่ครองบ้างไหม

“แม่ไม่ซีเรียสเลยค่ะ แค่พูดว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแล้วกัน (หัวเราะ) แต่พลอยรู้สึกว่า ถ้าอยากอยู่กับใครสักคน เขาต้องทำให้พลอยรู้สึกว่าเออ…โลกสีชมพูว่ะ”

วันนี้สีชมพูไหม

“ยังค่ะ”(ยิ้ม)

แล้วสีอะไร

“ไม่รู้…(ลากเสียง) ยังไม่มีใครทำให้เราจี๊ดได้ขนาดนั้น ต้องมีคนที่ทำให้รู้สึกว่า เขารักเราเท่ากับที่เรารักตัวเอง ซึ่งหายาก กับคนที่มีความสม่ำเสมอ และทำให้รู้สึกดี หรือตื่นเต้นตลอดเวลา แต่เดี๋ยวก็คงมีมั้ง ส่วนเรื่องแต่งงาน พลอยไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วว่า เจอกัน พบรักแล้วแต่งงาน เพราะคนแต่งแล้วเลิกกันเยอะแยะ แม่พลอยก็เลิก ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่โลกเป็นแบบนี้ ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าใครอยู่กับเราได้ ก็อยู่ไป แต่อยู่แล้วต้องทำให้มีความสุข ถ้าไม่เป็นแบบนั้น อยู่คนเดียวดีกว่าไหม”

แล้วความสุขของพลอยยากไหม

“ไม่ยาก ง่ายมากถ้าใส่ใจ แล้วถ้าพลอยรักใครแล้วจะเป็นฝ่ายให้ด้วย ทุ่มเทให้ความรักเหมือนผู้ชาย แต่ถ้าวันหนึ่งให้แล้วรู้สึกว่า ทำไมเขาไม่แชร์หรือทำให้เรารู้สึกดีบ้าง ความรู้สึกที่เคยมากจะน้อยลง ถึงบอกว่าความรักเป็นเรื่องสำคัญมาก มันไม่ง่ายเลยสำหรับยุคนี้ที่มีทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก หรือองค์ประกอบอีกมากมายที่ทำให้มนุษย์หลายใจได้ง่ายขึ้น ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ถ้าไม่จีบใคร ก็อาจไม่ได้เรียนรู้กันเลย หรือถ้าชอบกันแล้วก็อยู่ด้วยกันตลอดไป โลกเปลี่ยนไปแล้ว พลอยเลยคิดว่า ถ้าชีวิตนี้ไม่แต่งงาน ก็ไม่เห็นเป็นไร”

แล้วแฮชแท็คไหนที่เหมาะกับผู้หญิงอายุ 33 คนนี้มากที่สุด

“แป๊บนะ ขอดูก่อนได้ไหม (พลอยอมยิ้มแล้วเปิดอินสตาแกรมของตัวเองเพื่อดูแฮชแท็คที่เคยเขียน) อืม…เอาเป็นว่า #ฆ่าไม่ตายสักทีละกัน (หัวเราะ) หรือถ้าใครจะคิดแบบอื่นก็ได้นะ แต่พูดเลยว่า ชีวิตช่วงหลังของพลอยดีมาก ฟินมาก”

คิดเล่นๆ ถ้าชีวิตของพลอย – เฌอมาลย์ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยเก็บเรื่องราวทั้งหมด ทั้งวงการบันเทิง ความรัก น้ำตาจนถึงข่าวต่าง ๆ นานา น่าจะเป็นเรื่องแนวไหน

“โอ้โฮ…คงดราม่าสุดๆ มีหลายเรื่องที่เข้ามาเยอะ เหนื่อยกับชีวิตมาตลอด ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายจริงๆ แต่เรื่องราวทั้งหมดก็ทำให้เรา
แข็งแรงขึ้น ทำให้ในวันนี้ถ้าเจอปัญหาหรือเรื่องแรงๆ พลอยสามารถวางเรื่องเครียดไว้ที่จุดอื่น แล้วหาความสุขให้ตัวเองได้

เรื่องราวทั้งหมด 33 ปีบอกว่า พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว พรุ่งนี้คือวันใหม่ ต้องเดินไปต่อ เป็นช่วงชีวิตที่ต้องแข็งแรง อาจมีอนาคตที่เราอยู่ได้รออยู่ ใครจะรู้ อย่างช่วงที่พลอยเครียดมากๆ ถ้าตัดสินใจทำอะไรโดยไม่ใช้สมองไตร่ตรองให้ดี หรือฟังแต่หัวใจอย่างเดียวก็คงพัง พลอยได้เรียนรู้ว่า ชีวิตต้องใช้เหตุผลและหัวใจเดินทางไปคู่กัน จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ถ้าใช้เหตุผลอย่างเดียวก็คงเป็นแค่หุ่นยนต์ แต่ถ้าใช้ใจมากเกินไปก็แย่ ต้องบาลานซ์จึงทำให้เดินได้ตรง หรือถ้าสะดุดล้มก็ไม่เป็นไรหรอก แค่ทำแผลแล้วลุกขึ้นมาเดินใหม่ อย่าไปคิดอะไรมาก”


บทสัมภาษณ์จาก : นิตยสารแพรว ปี 2559 ฉบับที่ 874 (25 ม.ค. 59) หน้า 114-121
ภาพ IG : chermarn

The post บทนี้ไม่ต้องกำกับ! “พลอย เฌอมาลย์” ขอชัดเจน ถูกผิดเอาที่สบายใจ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เวทีเยียวยาใจ! รวบตึงสาวงาม 14 ศิษย์เก่าจาก MUT สู่เวที MTW

$
0
0

“ป้อม-วินิจ บุญชัยศรี” เผย มิสไทยแลนด์เวิลด์ ( MTW ) เป็นเวทีที่ปลดปล่อยความทุกข์ของแฟนนางงาม สวยในแบบที่ไม่ต้องสะกดจิตหมู่ ด้านศิษย์เก่า มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ( MUT ) ยกทัพประกวดเพียบ

เรียกว่าดราม่าไม่จบเลยสำหรับการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ( MUT ) ถึงแม้การตัดสินจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่ยังคงถูกวิจารณ์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นนิยามคำว่าสวยหรือไม่? ของเจ้าของมงกุฎ “นิ้ง-โศภิดา กาญจนรินทร์” ซึ่งประเด็นนี้ถูกนำกลับมาเป็นที่พูดถึงอย่างร้อนแรงอีกครั้ง เมคอัพอาร์ติสท์ระดับเทพของเมืองไทย “ป้อม-วินิจ บุญชัยศรี” ออกมาเปิดเผยความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อการประกวดเวที มิสไทยแลนด์เวิลด์ ( MTW ) และอีกเวทีหนึ่งอย่างร้อนแรงว่า “เวทีนี้จะต้องเป็นเวทีที่ปลดปล่อยความทุกข์ของแฟนนางงามทั้งประเทศ มองปุ๊ปต้องสวย ไม่ต้องสะกดจิตว่าสวย มองร้อยคนพันคนต้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน” ทำเอาโลกออนไลน์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรง

อันที่จริงแล้วถ้าสังเกตให้ดีๆ จะพบว่าปีนี้ เวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 น่าจับตามองสุดๆ เพราะมีสาวสวยมากความสามารถตบเท้าเข้าคัดตัวอย่างคับคั่ง แถมแต่ละคนยังมีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา แต่ที่เหนือความคาดหมายเพราะ ศิษย์เก่า มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยกทัพมาประกวดเพียบ และแต่ละคนก็ไม่ใช่ผู้สมัครธรรมดา แต่เป็นสาวๆ ที่เคยผ่านการคัดเลือกมากแล้ว วันนี้ แพรวดอทคอม เลยขอนำทั้ง 14 สาวมาให้ได้รู้จักกัน ซึ่งสาวเหล่านี้คือผู้ที่ผ่านรอบสัมภาษณ์ทั้ง 59 คน มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ค่ะ


1.นิต้า-อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์ 

MTW

“นิต้า-อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์” พี่สาวของ “น้องแนท-อนิพรณ์” เจ้าของมงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 เธอลงประกวดในเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 แต่ก็พลาดหวังเมื่อเธอเข้ารอบลึกสุด 10 คนสุดท้าย ถึงจะตกรอบแต่เธอก็ขอสู้ต่อกับเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018


2.นิโคลีน-พิชาภา บุญชู 

MTW

สาวงามนักสู้ “นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” วัย 19 ปี เธอเป็นลูกครึ่งไทย-สหรัฐอเมริกา กำลังศึกษาปริญญาตรีปี 2 คณะ General Education สาขา General Citrus College โดยก่อนที่จะมาประกวดในเวทีนี้เธอเคยได้ตำแหน่งสาวงามจากเวทีสหรัฐอเมริกา Miss Teen Asia USA ปี 2014 มาครอง ในด้านภาษาเธอเติบโตที่สหรัฐอเมริกา ความสามารถเยอะขนาดนี้ “นิโคลีน” จึงเป็น 1 ในตัวเต็งของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แต่สุดท้ายเธอผ่านถึงรอบ 10 คนสุดท้าย แต่ถึงแม้จะผิดหวังเธอก็ขอทำตามฝันต่อไป


3.เทวี-ฤาชนก มีแสง 

MTW

เทวี-ฤาชนก มีแสง อีกหนึ่งผู้เข้าประกวดที่น่าจับตามองของเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ที่ล่าสุดเธอมาลงประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ โดยในประกวดครั้งที่ผ่านมา เธอโดดเด่นสุดๆ ในรอบชุดว่ายน้ำ เพราะนอกจากเดินดีแล้วก็ยังตอบคำถามได้น่าประทับใจมากกับประโยคที่ว่า “เราควบคุมคนอื่นไม่ได้ แต่เรารักษาใจตัวเองได้”


4.ครีม-อรนารี วรรณประสาท 

MTW

“ครีม-อรนารี วรรณประสาท” อายุ 25 ปี ส่วนสูง 175 เซนติเมตร จบการศึกษา คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน สาขาการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี


5.แป้ง-คุณัญญา ชมภูหลง

MTW

“แป้ง -คุณัญญา ชมภูหลง” สาวหน้าคมจากจังหวัดมหาสารคาม ที่มาพร้อมส่วนสูง174 เซนติเมตร ในวัย 25 ปี จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ปัจจุบัน เธอเป็นสถาปนิกให้กับบริษัทรับสร้างบ้านแห่งหนึ่ง มีผลงานการออกแบบสร้างคอนโดมามากมายหลายแห่ง


6.พลอย-พีรชาดา ขุนรักษ์ 

MTW

“พลอย-พีรชาดา ขุนรักษ์” อายุ 23 ปี สูง170 เซนติเมตร กำลังศึกษา ปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาการจัดการ สาขาการจัดการประชุมนิทรรศการและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา


7.ปิ่น-ลลิตกาญจน์ พรนิพัทธ์กุล 

MTW

“ปิ่น-ลลิตกาญจน์ พรนิพัทธ์กุล” อายุ 24ปี สูง 167 เซนติเมตร จบการศึกษาปริญญาตรีคณะเภสัชศาสตร์ สาขาเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันเป็นเภสัชกรหญิง


8.พั้นช์-ณัฐธิดา พึ่งนุ่ม 

MTW

“พั้นช์-ณัฐธิดา พึ่งนุ่ม” ส่วนสูง 170 เซนติเมตร น้ำหนัก 49 กิโลกรัม ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 2 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ


9.แพรว-แพรววนิต เรืองทอง

MTW

“แพรว-แพรววนิต เรืองทอง” สาวเมืองชุมพร สูง 172 เซนติเมตร บัณฑิตสาวจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ด้วยความที่เป็นคนใต้หน้าคมเข้มทำให้เธอได้รับเลือกให้ติดโผตัวเต็ง ทว่าเธอก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะในปีที่เธอลงประกวดนั้นต้องเจอกับ”มารีญา พูลเลิศลาภ”นั่นเอง


10.มิ่ง-ธิดารัตน์ อ่อนเส็ง

MTW

หลังจาก 3 ปีที่แล้ว “มิ่ง-ธิดารัตน์ อ่อนเส็ง” พลาดหวังจากการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ล่าสุดเธอกลับมาสู้อีกครั้ง แต่เส้นทางสู่ฝันครั้งนี้คงไม่ง่ายเพราะ”นิต้า-อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์” พี่สาวของ “น้องแนท-อนิพรณ์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ก็มาลงประกวดด้วย ไม่รู้ว่าจะซ้ำรอยอีกหรือไม่? เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้เธอก็แล้วกันค่ะ


11.แพรวา -ภัทรภร สนธิภักดิ์

MTW

“แพรวา -ภัทรภร สนธิภักดิ์” เคยลงประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 หลังจาก 4 ปี ที่เธอหายหน้าไปเธอกลับมาพร้อมกับความมั่นใจมากขึ้น ฉะนั้น ลองมาดูกันว่าในคราวนี้เธอจะสร้างผลงานอย่างไรบ้าง


12.แมงปอ-พราวรวี กิตติวรประสารน์

MTW

“แมงปอ- พราวรวี กิตติวรประสาธน์” ส่วนสูง 172 เซนติเมตร การศึกษาระดับปริญญาตรี ปี3 คณะนิเทศศาสตร์ สาขา New Media มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เธอเคยลงประกวดในเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 1 ปี ที่เธอห่างหายการประกวดไปเชื่อว่าเธอซุ่มพัฒนาศักยภาพตัวเองมากๆ เลยทีเดียว


13.นาต้า-นาต้าชา คลีเมนเตอร์ วิลสัน

MTW

นาต้า-นาตาชา คลีเมนเตอร์ วิลสัน การศึกษาคณะการจัดการและการท่องเที่ยว สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยบูรพา สำหรับเธอคนนี้เรียกว่ามีเลือดนักสู้อยู่เต็มเปี่ยม เพราะเธอผ่านการคัดเลือกและร่วมประกวดในหลายเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 และ  มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2016 แม้จะยังสานฝันไม่สำเร็จแต่เธอก็ขอสู้ต่อไป


14.แนน-กันยารัตน์ วัจรินทร์

MTW

สาวงามสวยประกวดของแท้  “แนน-กันยารัตน์ วัจรินทร์” เรียกว่าผ่านสมรภูมิขาอ่อนมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2010, มิสซูปร้านครปฐม, มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2013 ฯลฯ


เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับสาวงามผู้ผ่านการเข้าร่วมคัดเลือก มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 เอาเป็นว่าในวันพรุ่งนี้ (25 กรกฎาคม 251) ซึ่งเป็นรอบสัมภาษณ์ สาวคนไหนจะเข้ารอบ 30 คนบ้าง ต้องมาลุ้นกันค่ะ

The post เวทีเยียวยาใจ! รวบตึงสาวงาม 14 ศิษย์เก่าจาก MUT สู่เวที MTW appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

โอ้ยยย! อยากมอบมง น้องนุดา เมีย2018 นักแสดงเด็กจิ๋วแต่แจ๋ว

$
0
0

6 ข้อรู้จักกับ น้องนุดา นักแสดงรุ่นจิ๋วที่ฝีมือการแสดงแจ๋ว จากละคร เมีย2018  ไม่ว่าจะ น่ารักเกรี้ยวกราด หรือ ดราม่าน้ำตาท่วมจอ ก็เอาอยู่ทุกบทบาท

เมีย2018
น้องอินเตอร์-ด.ญ.รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ

กระแสแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆสำหรับละครเรื่อง เมีย2018 ซึ่งจากความฮิตนี้ส่งผลให้เหล่านักแสดงมีชื่อเสียงมากตามไปด้วย โดยเฉพาะเหล่านักแสดงเลือดใหม่แจ้งเกิดเป็นแถว ยกตัวอย่างเช่น “บอสวศิน” หรือ “ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ” แฟนคลับชื่นชอบจนได้รับฉายาสามีแห่งชาติคนใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา มีอีกหนึ่งนักแสดงที่แจ้งเกิด และได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ถึงการแสดงที่น่าสงสารบีบหัวใจคนดูเหลือเกิน จนอยากมอบมงกุฎให้นั่นก็คือ “น้องอินเตอร์-ด.ญ.รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ” ซึ่งรับบทเป็น “น้องนุดา” ลูกสาวสุดที่รักของ “อรุณา” รับบทโดย “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” และ “ธาดา” รับบทโดย “ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์”

เมีย2018

เมีย2018

เมีย2018

อันที่จริงแล้วสาวน้อยคนนี้นอกจากจะน่ารักสมวัยแล้วยังมีความสามารถไม่ธรรมดาอีกด้วย ถ้าเช่นกัน แพรวดอทคอม จึงอยากชวนทุกคนมารู้จักเธอให้มากขึ้นรับรองว่าตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน


1. “น้องอินเตอร์” มีชื่อจริงว่า “ด.ญ.รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ” เป็นบุตรสาวของ “คุณแม่ไม้-พนาพรรณ รุ่งลิขิตเจริญ” เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2012 ปัจจุบันอายุ 6 ขวบ มีความสามารถเฉพาะตัวคือ การแสดง,เดินแบบ,เต้นบัลเล่ต์ และร้องเพลง

เมีย2018


2. ความเก่งของ “น้องอินเตอร์” ไม่ได้อยู่แค่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่เธอยังเคยสร้างชื่อในต่างประเทศเมื่อครั้งประกวดเดินแบบระดับโลก WCOPA โดยสามารถคว้ารางวัล Junior Female Model WCOPA 2017 จากสหรัฐอเมริกา ชนะผู้ประกวดเยาวชนจากทั่วโลกได้

เมีย2018


3. “คุณแม่ไม้” เคยเปิดเผยว่าได้ค้นพบศักยภาพของลูกสาวที่เก่งเกินวัย จากการปลูกฝังให้ลูกเป็นเด็กรักการอ่าน เริ่มจากเวลาที่ไปเดินห้างก็จะชอบชวนเขาเข้าร้านหนังสือ นอกจากนี้ทุกคืนก่อนเข้านอนครอบครัวจะมีการเล่านิทานให้ฟัง ซึ่งคุณแม่ก็ได้ลองให้เธอใส่ความคิดเห็นดู ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร จึงเกิดการซึมซับ ทำให้ “น้องอินเตอร์” กลายเป็นนักเล่านิทานรุ่นจิ๋ว ก่อนจะหลายเป็นนักแสดงอย่างที่เก่งอย่างทุกวันนี้

เมีย2018
คุณแม่ไม้ และ น้องอินเตอร์

4. หลังจากที่ค้นพบความสามารถของลูก “คุณแม่ไม้” ก็ส่งเสริมด้วยการพาไปเรียนการแสดงทำให้ “น้องอินเตอร์” กลายเป็นนักแสดงเด็กที่คิวฮ็อตสุดๆ มีงานแสดงและงานโฆษณาเข้ามาไม่ขาดสาย และผลงานการแสดงที่ผ่านมาของเธอ อาทิ ไฮโซสะออน, เพชรร้อยรัก, ซิทคอมสุภาพบุรุษสุดซอย (บ้านสราญแลนด์) ,เมีย2018

เมีย2018


5. ศักยภาพทางการแสดงของ “น้องอินเตอร์” ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดตอนแสดงซิทคอมเรื่อง สุภาพบุรุษสุดซอย (บ้านสราญแลนด์) ซึ่งเธอรับบทเป็น “น้องเฌอ” โดยในเรื่องนี้เธอต้องร่วมงานกับนักแสดงดังและตลกรุ่นเก๋า แต่ก็สามารถรับมุกส่งมุกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่ามกลางความท้าทายที่เธอต้องพูดภาษาอีสานเกือบทั้งเรื่อง และหากใครรู้จัก app Tick Tok จะพบว่า 1 ในเสียงต้นแบบที่นิยมนำมาตัดต่อกันก็คือเสียงของเธอนี่แหละ!

เมีย2018


6. “คุณแม่ไม้” ยังได้เคยเปิดเผยอีกว่า “น้องอินเตอร์” ทำทุกอย่างด้วยความรักและความชอบและสมัครใจที่จะทำ ซึ่งโดยคุณแม่จะเป็นผู้อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมีจุดประสงค์อะไรและทำไปเพื่ออะไร ทั้งนี้ “น้องอินเตอร์” มีความสุขและภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้ชมผลงานของตนเอง

เมีย2018


สำหรับใครที่ชื่นชอบความสามารถและความความน่ารัก ของ “น้องอินเตอร์” สามารถติดตามผลงาน อัพเดทเรื่องราวต่างๆ ได้ผ่านอินสตาแกรม @inter_rungrada นะคะ

 

The post โอ้ยยย! อยากมอบมง น้องนุดา เมีย2018 นักแสดงเด็กจิ๋วแต่แจ๋ว appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สยบข่าว “กึ้ง-สงกรานต์”ตามจีบ “แมท ภีรนีย์”ขอโสดชิลๆ! ชีวิตยังไม่ได้มองหาใคร

$
0
0

ซูมความรักของนางเอกสาวโสด แมท ภีรนีย์ กับข่าวลือกระหึ่มเมือง 2 หนุ่ม คาสโนวา “สงกรานต์ เตชะณรงค์” และ “กึ้ง- เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ตามจีบ

เมื่อไม่นานมานี้นางเอกสาว แมท ภีรนีย์ คงไทย ได้ออกมาประกาศว่าได้ยุติการคบหาดูใจกับหนุ่มตระกูลดัง “แพท-ทวิรัส อมาตยกุล” แม้จะจากกันอย่าเจ็บช้ำแต่คู่ก็จบกันด้วยดี โดยไม่นานหลังจากนั้นนางเอกสาวก็ได้ทำเซอร์ไพร้ส์อนุญาตให้เพื่อนนำภาพและข้อมูลไปลงในเพจหาคู่ชื่อดัง แม่สื่อแม่ชัก จนกลายเป็นที่ฮือฮา ทว่าล่าสุด “แมท” ได้เปิดใจว่า คุณแม่ของเธอไม่สนุกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสียแล้ว เพราะแม้จะไม่ได้ลงข้อมูลติดต่อกลับ แต่บุคคลเหล่านั้นกลับโทรไปที่เบอร์ของคุณแม่ซึ่งเป็นเหมือนผู้จัดการส่วนตัวของเธอ จนทำให้ถูกดุเลยทีเดียว

แมท-ภีรนีย์

นางเอกสาวคนสวย แมท-ภีรนีย์ คงไทย

“คือเป็นความ เกรียนของแมทเองแหละ (หัวเราะ) แมทก็เกรียนในนั้นเองแหละว่าอยากลง เป็นคนพูดเองว่าอยากลงจังเลย เพื่อนเราก็เอาไปบอกกับแอดมินเพจ แต่ที่นี่มีกฎว่าเจ้าตัวต้องยินยอม เราก็แบบเอาเลยขำๆ แต่ว่าเราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นข่าวที่จริงจังขนาดนี้ อันที่จริงแล้ว แมทไม่ได้ให้ช่องทางติดต่อไป แค่ลงไอจีไว้พอเป็นสังเขปเฉยๆ แต่ว่าเขาโทรศัพท์มาเบอร์แม่ ซึ่งเป็นเบอร์รับงานในไอจีว่าขอสมัคร รับเป็นแฟนไหม ก็ปฏิเสธไป แล้วก็โดนแม่ว่าตามระเบียบว่า เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง คือเราก็ไม่ได้ลงอะไรจริงจัง คือลงมั่วซั่วมาก เรื่อยเปื่อยมาก คือเพื่อนเป็นคนเขียนให้”

แมท-ภีรนีย์

แมท-ภีรนีย์

ภาพจาก MODEVENT

แม้จะเพิ่งโสดมาหมาดๆ แต่ก็มีข่าวลือว่ามีคนมีแจกขนมจีบแมทไม่ขาดสาย ซึ่งก็มีข่าวลือว่าหนึ่งในนั้นคือ “สงกรานต์ เตชะณรงค์” โดยผู้ที่เป็นแม่สื่อในครั้งนี้คือ “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” นางเอกร่วมช่อง

“ไม่มีค่ะ ไม่ใช่ค่ะ ถามว่ามีโอกาสเจอกันไหมก็ไม่มีแต่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ยืนยันว่าไม่เคยคุยกับมิ้นต์เรื่องนี้ไม่มีใครถามเรื่องส่วนตัว เพราะทุกคนเห็นจากข่าวอยู่แล้ว เจอกันไปทานข้าวก็คุยกันสนุกสนาน ไปเล่นกิจกรรมสนุกสนาน ไม่ได้มีอะไร นอกจากเรื่องที่มันผ่านไปแล้ว”

แมท-ภีรนีย์

สงกรานต์ เตชะณรงค์ พี่ชายของ ภูผา แฟนหนุ่มของ มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง

ขณะที่เมื่อถามถึงภาพทานข้าวกับกลุ่ม “กึ้ง- เฉลิมชัย มหากิจศิริ” เธอได้อธิบายว่า “ภาพคือไปทานข้าวกัน ซึ่งมันนานแล้วนะคะ แต่เข้าใจว่ามีคำถามนี้เกิดขึ้นเพราะแมทโสด มันเป็นประเด็นได้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจค่ะ”

แมท-ภีรนีย์

นักธุรกิจหนุ่ม กึ้ง- เฉลิมชัย มหากิจศิริ

อย่างไรก็ตามนางเอกสาวคนดังได้เผยเกี่ยวกับการวางแผนความรักในอนาคตของเธอว่า “ตอนนี้โสดค่ะ ไม่ได้ปิดใจแต่อย่างที่บอกไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะต้องปิดหรือไม่ได้ปิด หรือจะต้องมองหาใครค่ะ”


 

The post สยบข่าว “กึ้ง-สงกรานต์” ตามจีบ “แมท ภีรนีย์” ขอโสดชิลๆ! ชีวิตยังไม่ได้มองหาใคร appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.


เปิดวาร์ป ชายสี่ตี๋ อินเตอร์ ทายาทสุดหล่อตระกูลสหวัฒน์ของคุณแม่นีน่า

$
0
0

เปิดวาร์ป ชายสี่ตี๋ อินเตอร์ ทายาทสุดหล่อตระกูลสหวัฒน์ของคุณแม่นีน่า…เผลอแป๊ปเดียวไม่กี่ปี ลูกชายทั้ง 4 ของคุณแม่นีน่า-ณัฐนันท์ สหวัฒน์ ก็โตเป็นหนุ่ม แถมหล่อไม่เบา เรียกว่าเบียดความหล่อกันสุดฤทธิ์ เอาเป็นว่ามีใครบ้างตามมาเปิดวาร์ปกับแพรวดอทคอมด่วนเลยจ้า

ไม่ค่อยออกสื่อที่ไหน นานๆ จะได้เห็นลูกชายสุดหล่อแบบครบสี่คนทั้งทีก็ในงานแถลงข่าวของธุรกจิคุณแม่นีน่า ผู้บริหาร HMC Medical Center (เอชเอ็มซี เมดิคอล เซ็นเตอร์) ศูนย์กลางเพื่อสุขภาพสู่ความงาม โดยงานนี้อ้าแขนรับลูกสะใภ้!…เอ้ย..รับแขกเต็มที่ แถมยังมี 4 หนุ่มมาช่วยกันขยันขันแข็งกันดีจริงๆ

 

เปิดวาร์ป ชายสี่ตี๋ อินเตอร์ ทายาทสุดหล่อตระกูลสหวัฒน์ของคุณแม่นีน่า

ไหนๆก็จะเปิดวาร์ปทั้งที อย่างที่บอกว่าต้องมาทำความรู้จักทายาทของคุณแม่นีน่ากันสักหน่อย เริ่มจากหนุ่มที่อยู่บนสุด ภควัต สหวัฒน์ (กัส) ( Pakhawat Sahawat) เรียนอยู่ที่ Saint Johnsbury Academy, VT USA   ถัดมาแถวที่สองจากซ้ายนั่นก็คือ ณัฐพนธ์ สหวัฒน์ (กาย) (Natthapon Sahawat) เรียนอยู่ที่ ABAC  มาที่ฝั่งขวาหนุ่มคนนี้ชื่อ ณัฐภัทร สหวัฒน์ (กัน) (Natthapat Sahawat ) เรียนอยู่ที่ Emmanuel College, Boston MA USA และน้องเล็กสุดหล่อที่นั่งด้านล่างก็คือ ภูรินท์ สหวัฒน์ (ไกด์) (Purin Sahawat) เรียนอยู่ที่ Saint Johnsbury Academy, VT USA

แต่ละคนดีกรีนักเรียนนอก และดูอินเตอร์กันทั้งนั้น เห็นแบบนี้รับรองว่าถ้าเรียนจบกลับมาทำงานช่วยธุรกิจคุณแม่ได้เมื่อไหร่ คงเนื้อหอมทั้ง 4 หนุ่มแน่นอน

 

 

 

The post เปิดวาร์ป ชายสี่ตี๋ อินเตอร์ ทายาทสุดหล่อตระกูลสหวัฒน์ของคุณแม่นีน่า appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

นี่สิใช่เลย! 5 แม่สามีในฝัน เอ็นดูสะใภ้เหมือนลูกอีกคน

$
0
0

นี่สิใช่เลย 5 แม่สามีในฝัน ใจดีเอ็นดูสะใภ้เหมือนลูกอีกคนหนึ่ง จบปัญหาโลกแตกกก! แม่ผัว-ลูกสะใภ้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันไม่ได้

ปัญหาแม่ผัว-ลูกสะใภ้เป็นเรื่องที่หลายครอบครัวหนีไม่พ้น บางครั้งถึงกับอยู่ร่วมบ้านกันไม่ได้ก็มีให้เห็นมากมาย ในขณะที่บางส่วนถึงจะไม่มีปัญหาหนัก แต่ก็กลายเป็นความไม่ลงรอยกันแบบถาวร เพราะเลือกที่จะไม่พูดคุยกัน ซึ่งสาวๆ หลายคนก็เปรียบเทียบว่า การมีสามีที่ดีเหมือนกันการถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 แต่การที่ได้แม่สามีที่เอ็นดูด้วยก็เหมือนถูกรางวัลที่ 2 นั่นแหละ น้อยคนนักที่จะโชคดีถูกทั้งรางวัลที่ 1 และรางวัลที่ 2

ในวงการบันเทิงเองมีข่าวในทำนองนี้ออกมาบ่อย แต่ในทางกลับกันก็มีสาวๆ บางส่วนที่โชคดีที่ได้รับความรักและเอ็นดูจนเหมือนลูกอีกคนหนึ่ง วันนี้ แพรวดอทคอม เลยจะมาขอเปิดเผยรายชื่อ 5 แม่สามีในฝัน ที่ดีกับลูกสะใภ้จนเป็นที่อิจฉาตาร้อนกันทั้งเมือง


1.คุณแม่ดร.สิริพร อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร

แม่สามีในฝัน

เรียกว่าเป็นคุณแม่ที่ได้รับเสียงชื่นชมและมีแฟนคลับมากที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับ “ดร.สิริพร อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” คุณแม่ของหนุ่ม “มิกกี้-นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” หวานใจของนางเอก “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ที่กำลังจะจูงมือเข้าประตูวิวาห์กันในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งก่อนที่จะถึงงานมงคล ทั้งสองต้องเผชิญกับมรสุมข่าวมากมาย โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2561 ก็ได้เกิดประเด็นขึ้นเมื่อ “เจนี่” มีข่าวลือออกมาว่าช่วงเวลาที่ทั้งสองคบกันนั้น ฝ่ายชายยังไม่ได้เลิกรากับแฟนเก่า งานนี้ “มิกกี้” ได้ออกมาอธิบายและปกป้อง “เจนี่” ขณะที่คุณแม่ก็ร่วมเคียงข้างคู่รักประกาศว่า “ถ้าท่านไหนมีประเด็นเรื่องนี้อีกให้มาคุยกับคุณพ่อและคุณแม่แทนนะคะ”


2. คุณแม่อุไรวรรณ หาญอุดมสุข

แม่สามีในฝัน

หากพูดถึงคุณแม่สามีที่ให้ความรักและเอ็นดูลูกสะใภ้มากๆ คงขาดตกชื่อนี้ไม่ได้ สำหรับ “คุณแม่อุไรวรรณ หาญอุดมสุข” คุณแม่ของ “น็อต-วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์” สามีนักธุรกิจของนางเอก “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” โดยในสมัยที่ยังเป็นแฟนกับ “น็อต” นางเอกสาวก็ทำหน้าที่พาคุณแม่ไปช้อปปิ้งได้แบบไม่ต้องมีลูกชายอยู่ด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อ “ชมพู่” มีผลงานอะไรออกมาคุณแม่มักจะสนับสนุนเธอด้วยการไปให้กำลังใจข้างๆ เวทีเสมอ ทั้งนี้เรายังได้เห็นถึงความรักและความห่วงใยของคุณแม่ที่มีต่อ “ชมพู่”อย่างชัดเจน ผ่านรายการสามแซ่บที่ไปเกาะติดการคลอดลูกของนางเอกซูเปอร์สตาร์ ซึ่งในรายการนี้คุณแม่ได้เปิดเผยว่ารู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก


3. คุณแม่ปุ๊ก-อาภัสรา หงสกุล

แม่สามีในฝัน

ส่วนคุณแม่คนนี้นอกจากจะเป็นขวัญใจของชาวไทยแล้ว ยังเป็นขวัญใจของลูกสะใภ้ด้วยสำหรับ “คุณแม่ปุ๊ก-อาภัสรา หงสกุล” คุณแม่คนสวยดีกรีนางงามจักรวาลของ “ป๊อก-ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” สามีสุดรักของนางเอก “มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า” ด้วยความที่คุณแม่ของ “มาร์กี้”เป็นเพื่อนกับ “แม่ปุ๊ก” มานานจึงได้เห็นนิสัยใจคอลึกซึ้งและเกิดความรักความเอ็นดู ทั้งนี้ก่อนที่จะแต่งงานคุณแม่ยังยกสปาให้ “มาร์กี้”ดูแลร่วมกับลูกชายอีกด้วย นอกจากนี้ในวันแต่งงาน “คุณแม่ปุ๊ก” ยังสวมกอดลูกสะใภ้จนน้ำตาคลอเลยทีเดียว


4.คุณแม่มัลลิการ์ หลีระพันธ์

แม่สามีในฝัน

ถึงจะเป็นครอบครัวใหญ่แต่สะใภ้อย่าง “นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์” ก็เข้ากันได้ดีกับ “คุณแม่มัลลิการ์ หลีระพันธ์” ทุกครั้งที่ออกรายการเธอมักชื่นชมคุณแม่อยู่เสมอ “นุ้ย”บอกว่าคุณแม่เป็นคนน่ารัก แม้จะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็เข้าใจเด็ก และตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวคุณแม่ก็ดูจะเอ็นดูนุ้ยเพิ่มขึ้น และยังบอกให้ลูกชายเรียนรู้และเข้าใจภรรยาคนเก่งคนนี้อีกด้วย


5.ดร.มาลีรัตน์ คุนผลิน

แม่สามีในฝัน

แม่สามีในฝัน

“ดร.มาลีรัตน์ คุนผลิน” คุณแม่ของ “อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน” ถึงจะไม่ได้มีโอกาสออกสื่อบ่อยแต่ความใจดีของคุณแม่ได้เปล่งประกายผ่านรายการ “อั๋นจ๋าเดอะเรียลลิตี้” ถึงคุณแม่จะดูเข้มกับระเบียบ แต่เวลาพูดคุยกลับเข้ากันได้ดีกับสะใภ้ “จ๋า-อลิสา พันธุศักดิ์”  เห็นแบบนี้คุณแม่ยอมรับฟังทั้งยังพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ของสะใภ้ ซึ่งเป็นคนคนต่างรุ่นได้น่าประทับใจมากๆ นับเป็นคุณแม่สามีที่ใจกว้างอย่างแท้จริง


 

The post นี่สิใช่เลย! 5 แม่สามีในฝัน เอ็นดูสะใภ้เหมือนลูกอีกคน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

โลกไม่เคยลืม! แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ กับเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้

$
0
0

แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกา ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ทั้งเรื่องชีวิต และยังเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับสาวๆ ทั่วโลก

ปฎิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา  แจ๊คเกอลีนเป็นผู้หญิงที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะนอกจากเธอจะเป็นภริยาของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกาแล้ว

เธอยังถูกจัดให้เป็นสุภาพสตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลกอีกด้วย

จากเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก เธอก้าวขึ้นเป็น The First Lady ผู้หญิงที่คอยสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลกได้อย่างไร

บอกเลยว่าชีวิตเธอ แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ ไม่ได้โรยกลีบกุหลาบไปซะทีเดียว แพรวจะพาคุณไปทำความรู้จักเธอให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบางเรื่องคุณอาจไม่เคยรู้

แจ๊คกี้ หรือ แจ๊คเกอลีน ลี โบว์เวียร์ เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2472 ที่เมืองเซาธ์แฮมป์ตัน รัฐนิวยอร์ก เป็นบุตรสาวของ นาย John Vernou Bouvier III.โบรกเกอร์ตลาดหุ้นในวอลสตรีท (ตลาดหลักทรัพย์) และมารดา นาง Janet Norton Lee มีน้องสาวชื่อ  Caroline Lee

หนูน้อยแจ๊คกี้เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียน Miss Chapin เธอเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด และมีอารมณ์ศิลปินค่อนข้างสูง แต่ขณะเดียวกันก็แอบดื้อไม่น้อย

ในวัย 10 ปีเป็นช่วงเวลาที่ แจ๊คกี้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่พ่อแม่หย่าร้างกัน มันดูเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กวัยนี้ และยิ่งเธอมาจากครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิค แถมทางโบสถ์ก็ไม่เห็นดีด้วยสำหรับการหย่าครั้งนี้ของพ่อแม่เธอสักเท่าไหร่ ยิ่งทำให้แจ๊คกี้ต้องเผชิญกับสภาวะที่ตึงเครียด

จากเด็กสาวร่าเริง กลายเป็นเด็กที่เงียบ และไม่ค่อยพูด ทว่าแม้จะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งกายและใจ  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนูน้อยย่อท้อ เธอกลับได้รับโอกาสดีๆ มากมายในชีวิต เธอได้เรียนบัลเลต์คลาสสิคในโรงละครโอเปล่า และยังเริ่มเรียนภาษาฝรั่งเศสอีกด้วย

แจ๊คกี้และ เจเน็ต แม่ของเธอในงาน East Hampton Horse Show เมื่อปี 1935

นอกจากนี้ แจ๊คกี้ ยังชื่นชอบการขี่ม้ามากๆ ด้วย เธอเคยชนะและได้เหรียญทองในการแข่งขันขี่ม้าเมื่อตอนอายุ 11 ปี พรสวรรค์ที่ได้มานี้ อาจจะเป็นเพราะแม่ของเธอนั้นชื่นชอบกีฬาขี่ม้า และเคยแข่งขัน จนได้แชมป์ถึงสามครั้งที่งานประจำปี National Horse Show

Bert Morgan Archive

เมื่อครั้งที่แจ๊คกี้ อายุ 1 ขวบ แม่ของเธอได้จับเธอขึ้นบนหลังม้าพร้อมกับเธอด้วย และยังให้เธอเริ่มขี่ม้าเอง โดยเริ่มหัดจากม้าแคระก่อน ฝึกจากการขี่ข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆ จนชำนาญ จึงมาขี่ม้าไซส์ปกติ

jfklibrary

หลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอหย่าร้างกันได้ไม่นาน สามปีถัดมา แม่ของแจ๊คกี้ก็แต่งงานใหม่กับ Hugh Auchincloss นักธุรกิจ พ่อม่ายลูกติด ซึ่งนั่นทำให้แจ๊คกี้มีพี่สาวและน้องชายเพิ่มขึ้นโดยปริยาย

ในปี 1947 หลังจากที่แจ๊คกี้จบการศึกษาจากโรงเรียน Miss Porter เธอได้เรียนต่อวิทยาลัย Vassar ในเมืองนิวยอร์ก โดยวิชาที่เลือกเรียนคือ ประวัติศาสตร์,วรรณกรรม, ศิลปะ และภาษาฝรั่งเศส

ในช่วงที่เธอเป็นนักศึกษาปี 1 แจ๊คกี้ได้เดินทางไปศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส และได้ไปอาศัยอยู่กับครอบครัว Renty หลังจากครบหนึ่งปี เธอต้องเดินทางกลับบ้าน แจ๊คกี้ได้เขียนถึงประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตช่วงสั้นๆ อยู่ที่นั่นว่า

“เป็นอีกปีที่ฉันชอบมากที่สุดในชีวิต ถึงแม้จะอยู่ห่างจากบ้าน แต่ก็มีโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นการเรียนรู้อย่างแท้จริง

“ที่สำคัญคือบางสิ่งที่ฉันพยายามซ่อนมันมาตลอด แต่มาที่นี่ฉันได้เปิดมันขึ้นมาอีกครั้ง ฉันรักยุโรป แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็กลัวว่าที่นี่จะไม่ปล่อยให้ฉันไป”

เมื่อแจ๊คกี้กลับจากประเทศฝรั่งเศส เธอได้โอนย้ายที่เรียนจากวิทยาลัย Vassar ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากอาศัยอยู่ในเมือง และอยากอยู่ใกล้ครอบครัวของเธอด้วย

แจ๊คกี้กำลังพิมพ์บทความ ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ที่บ้านในเมืองจอร์จทาวน์เมื่อปี 1960

หลังจากเรียนจบ แจ๊คกี้เริ่มทำงานครั้งแรกในปี 1951 โดยเป็นช่างภาพฝึกหัดให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ไทม์ส-เฮรัลด์ โดยหน้าที่ของเธอคือถ่ายรูป ถามคำถาม และเผยแพร่คำตอบในคอลัมน์

ในช่วงที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ แจ๊คกี้เคยสัมภาษณ์ ริชาร์ด มิลเฮาส์ นิกสัน อดีตประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา และรองประธานาธิบดีคนที่ 36 อีกทั้งยังเคยร่วมถ่ายภาพงานพิธีบรมราชาภิเษกของพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ด้วย

Keystone
Glamour

ปีเดียวกันนั้น เธอได้พบรักกับจอห์น เอฟ เคนเนดี้ สส.หนุ่ม ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ในเมืองจอร์จทาวน์ ทั้งคู่คบหาดูใจกันเรื่อยมา และหลังจากที่จอห์นได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา พวกเขาจึงได้ตัดสินใจหมั้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2496

แหวนหมั้นที่จอห์นเลือกให้กับคู่ชีวิตของเขานั้น เป็นแหวนเพชร 2.88 กะรัต ประดับด้วยมรกต 2.84 กะรัต จากแบรนด์ Van Cleef & Arpels

จากนั้นในวันที่ 12 กันยายน 2496 ทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานที่โบสถ์เซนต์แมรี่ เมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ และในปี 2500 แจ๊คกี้ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก ชื่อ แคโรลีน เคนเนดี้

ในช่วงที่จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ กำลังหาเสียงเพื่อลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา แจ๊คกี้ก็ยังคงใช้เวลาว่างในขณะอยู่บ้าน เขียนคอลัมน์ Campaign Wife ให้กับหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ซึ่งในช่วงนั้นเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 

นอกจากนี้เธอยังได้ตอบจดหมายนับร้อยฉบับ บันทึกเทปโฆษณาทางโทรทัศน์ และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้กลับไม่มีวันหยุดพัก จนกระทั่งเธอได้ให้กำเนิดลูกชาย จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์

แน่นอนว่าเป็นถึงสตรีหมายเลขหนึ่ง คงไม่มีทางอยู่เฉยแน่นอน ในปี 1961-1963 แจ๊คกี้เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของผู้หญิงทีมีหัวค่อนข้างทันสมัย เธอมีโครงการที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และฟื้นฟูห้องต่างๆ ในทำเนียบขาวให้ดูสวยขึ้น

ที่คึกโครมที่สุดคือการเปลี่ยนทำเนียบขาวให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยเธอได้ขอความช่วยเหลือจากนักสะสมงานศิลปะต่างๆ และนักออกแบบที่ได้รับการตกแต่งทำเนียบขาวให้มาช่วยบูรณะในครั้งนี้

นอกจากจะเนรมิตทำเนียบขาวให้เป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว เธอยังเปิดโรงเรียนในทำเนียบขาวอีกด้วย แจ๊คกี้เปลี่ยนระเบียงชั้นสามของทำเนียบขาวให้เป็นโรงเรียนสำหรับลูกสาวของเธอ รวมถึงเด็กคนอื่นๆ ด้วย และยังสร้างสระว่ายน้ำ ชิงช้า และบ้านต้นไม้บนสนามหญ้าให้กับลูกชายสุดที่รัก

พูดถึงทำเนียบขาวหลายคนอาจจะฟังดูแล้วคงเข้าถึงยาก แต่ในสมัยที่แจ๊คกี้เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งนั้น เธอได้เปิดทำเนียบขาว พาสื่อทัวร์ รวมถึงให้เข้ามาถ่ายทำรายการโทรทัศน์เมื่อตอนที่บูรณะทำเนียบขาว และแน่นอนว่านั่นทำให้เธอได้รับรางวัลชนะเลิศจาก เอมมี่ อวอร์ด

อีกเรื่องที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ในยุคนั้น แจ๊คกี้เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นไอคอนให้กับสาวๆ ทั่วโลก เธอเป็นผู้นำเทรนด์ในการแต่งตัว เธอมีสไตล์ที่ดูเรียบหรู ทันสมัย และมีความชิคในคราเดียวกัน

ไม่มีครั้งไหนที่แจ๊คกี้ออกงานแล้วจะไม่โดดเด่น ทุกๆ ครั้งที่ปรากฎตัวแจ๊คกี้จะมาพร้อมหมวกทรง pillbox แว่นกันแดดขนาดโอเว่อร์ไซส์ ถุงมือยาวถึงศอก

ชุดสไตล์ Jackie O

และชุดที่เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบ ได้รับคำนิยามว่าเป็นชุดสไตล์ Jackie จนไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน สาวๆ ก็ยังหยิบมาใส่กันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในปี 1962 แจ๊คกี้ได้รับการโหวตจากผู้เชี่ยวชาญการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีของโลก ให้เป็น 1 ใน 10 สตรีที่แต่งกายดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เธอได้รับรางวัลจาก เอมมี่ อวอร์ด

ในปี 1963 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ขณะที่ จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และ แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ กำลังนั่งอยู่ในรถเปิดประทุน รถได้เคลื่อนตัวช้าๆ ไปตามถนน จอห์นและแจ๊คกี้กำลังโบกมือทักทายให้กับประชาชนในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส

และแล้วเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจอห์นถูกลอบสังหารโดยมือปืน กระสุนได้พุ่งเข้าที่ศีรษะของประธานาธิบดีคนที่ 35 ของอเมริกา จอห์นเสียชีวิตคาที่ ท่ามกลางความตกใจสุดขีดของแจ๊คกี้ และประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์

ร่างของจอหน์ถูกนำขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน เพื่อกลับไปทำพิธีที่กรุงวอชิงตัน แจ๊คกี้ยังคงอยู่ในชุดที่เปรอะเปรื้อนไปด้วยเลือด และเข้าพิธีด้วยชุดนี้ ซึ่งเหตุผลที่เธอไม่เปลี่ยนชุดเพราะอยากให้โลกรับรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับจอห์น สามีของเธอ

หลังจากที่จอห์นเสียชีวิตไปแล้ว แจ๊คกี้ได้ย้ายครอบครัวกลับมาใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก และห้าปีถัดมา เธอก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้งกับ นายอริสโตเติล โอนาซิส มหาเศรษฐีชาวกรีก ชายที่มีอายุมากกว่าเธอถึง 20 ปี และเป็นอีกครั้งที่เธอได้กลับไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส

ในช่วงนั้นเธอและลูกๆ มักถูกปาปารัสซีที่ชื่อว่า Ron Galella คุกคามถ่ายภาพตลอด จนมีคำสั่งศาลออกมาว่าห้ามเขาเข้าใกล้พวกเธอในระยะ 25-30 ฟุต แต่ถึงอย่างไร ข้อห้ามนี้ก็ถูกละเมิดอยู่ดี นั่นทำให้แจ๊คกี้หมดความอดทน จนต้องฟ้องชายคนนี้ และแน่นอนว่าศาลตัดสินให้เธอชนะ

ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต สามีที่รักได้จากไปต่อหน้าตา แต่แจ๊คกี้ก็ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง และใช้ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตกับลูกๆ และงานที่เธอรัก

แจ๊คกี้ประสบความสำเร็จเรื่องงานเป็นอย่างมาก เธอได้กลับไปเป็นบรรณาธิการหนังสืออีกครั้ง ผลงานทุกๆ เรื่องต่างมีคนจดจำและยังคงกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน

ถึงวันนี้ชื่อของเธอยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของโลก เป็นสตรีที่โลกต้องจดจำไว้ตลอดไป

 

ที่มา : www.jfklibrary.org, www.thisisinsider.com

 

The post โลกไม่เคยลืม! แจ๊คเกอลีน เคนเนดี้ กับเรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เชฟปั๊วะแน่! 4 ทริคลับลวงพรางหุ่น ฉบับ “หน่อย-บุษกร” เจ้าแม่แฟชั่นแห่ง Celeb Blog

$
0
0

แพรวดอทคอมเชื่อว่า บรรดาสาวๆ เอวหนา ขาสั้น สะโพกสลาตันจะต้องเลิฟ Celeb Blog EP. 4 ของ “พี่หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์” กันอย่างแน่นอน เพราะอีพีนี้แฟชั่นนิสต้าอย่างพี่หน่อยขอเอาใจสาวๆ ที่มีรูปร่างไม่เป๊ะ แต่ก็อยากใส่เสื้อผ้าออกมาแล้วสวยปัง ด้วยการเผยเทคนิคในการพรางรูปร่าง พร้อมมิกซ์แอนด์แมตช์ไอเท็มต่างๆ ให้ดูกันอย่างสนุกสนาน ซึ่ง 4 ทริคลับลวง พรางหุ่น ฉบับพี่หน่อยจะง่ายดายขนาดไหน ตามไปดูกันเลยค่ะ

เชฟปั๊วะแน่! 4 ทริคลับลวง พรางหุ่น ฉบับ “หน่อย-บุษกร” เจ้าแม่แฟชั่นแห่ง Celeb Blog

 

เอวหนาพุงโต

เดรสทรงปล่อย สไตล์หลวมๆ ที่ไม่รัดรูปหรือดูใหญ่โคร่งจนเกินไป ช่วยอำพรางเอวหนาๆ หรือพุงโตๆ ของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นการลดจุดสนใจให้กับช่วงเอว แถมยังใส่สบาย ไม่ว่าสาวๆ จะกินจุจนแน่นพุงแค่ไหนก็ไม่มีใครจับได้แน่นอน


 

เอวไม้กระดาน

สำหรับสาวๆ ที่มีเอวหนาหรือเอวตรงทื่อเหมือนไม้กระดาน สามารถสร้างเอวเอสได้ง่ายๆ ด้วยการตกแต่งช่วงเอวด้วยเข็มขัดหรือเชือกผูกเอว นอกจากนี้เข็มขัดเส้นใหญ่ๆ สไตล์วินเทจยังเป็นไอเท็มที่ช่วยหลอกตาให้เอวดูเล็กมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย


 

สะโพกใหญ่

สะโพกหนาสลาตันเป็นอีกหนึ่งปัญหารูปร่างที่ทำให้สาวๆ ขาดความมั่นใจ แต่ก็สามารถอำพรางได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกกางเกงหรือกระโปรงให้เหมาะสม สำหรับกางเกงควรมีขนาดพอดีตัว ไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป และไม่มีกระเป๋าหรือลวดลายช่วงสะโพกเด็ดขาด ส่วนกระโปรงควรเลือกเป็นกระโปรงทรงตรง ทรงเอ หรือทรงสอบที่ไม่รัดรูปมากนัก


 

ขาสั้น

การเลือกรูปแบบรองเท้าสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ ที่มีปัญหาขาสั้นจนดูตันได้ อย่างแรกคือควรเลือกเป็นรองเท้าส้นสูง เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสูงได้โดยอัตโนมัติแล้ว ยังช่วยพรางตาให้เรียวขาดูยาวขึ้น แต่สำหรับสาวๆ ที่ไม่ถูกจริตกับรองเท้าส้นสูงเอาเสียเลย ทั้งนี้ขอแนะนำว่าอาจเลือกเป็นรองเท้าส้นเตี้ยก็ได้ แต่ต้องเป็นทรงหัวแหลม เพราะจะช่วยทำให้ขาดูเรียวยาว และที่สำคัญคือช่วงเท้าของสาวๆ ก็จะดูเรียวยาวสมส่วนกับช่วงขาอีกด้วย


 

นอกจากทริคเด็ดๆ ในการพรางหุ่นให้ปั๊วะแล้ว พี่หน่อยยังมีความสนุกในการแต่งตัวเก๋ๆ มาฝากสาวๆ กันอีกเพียบ สามารถติดตามคลิปฉบับเต็มต่อได้ที่ด้านล่างนี้เลย

 

 

The post เชฟปั๊วะแน่! 4 ทริคลับลวงพรางหุ่น ฉบับ “หน่อย-บุษกร” เจ้าแม่แฟชั่นแห่ง Celeb Blog appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

“บี-มารี”เมียหลวง เมียน้อย แห่งปี 2018 ควงแขนเปิดใจ

$
0
0

จับเข่าคุย 2 สาว เมียหลวง เมียน้อย แห่งปี 2018 “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” และ “มารี เบิร์นเนอร์” กับบทบาทสุดแซ่บที่ได้รับในละครเรื่อง เมีย2018

เมียหลวง

กำลังฮ็อตเลย สำหรับละครเรื่อง เมีย2018 ซึ่งแต่ละตอนนั้นแซ่บสุดๆ เข้าถึงอารมณ์คนดูจนทำให้ละครเรื่องนี้เรตติ้งพุ่งทะยานสูง ล่าสุดเมียหลวง อย่าง “อรุณา” หรือ “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ได้สงบศึกชั่วคราวกับ เมียน้อย “กันยา” หรือ “มารี เบิร์นเนอร์” มาพูดคุยในรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร ถึงเรื่องละครแห่งปี 2018

กระแสตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างไรบ้าง?

มารี : ค่อนข้างรุนแรงเยอะมากๆ คือเป็นกระแสตอบรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย บางคนไดเร็ค แมสเสจมาด่าเลยค่ะ แบบส่งรูปเท้ามาอะไรแบบนี้ บางทีเขาอาจจะอินเกินไปโดยที่ไม่ได้แยกแยะว่าใครคือมารีใครคือกันยาหรือเปล่า

บี : สำหรับ “บี” ดีมากเลยค่ะ ละครเรื่องนี้ถ่ายไปออนไป แล้ววันก่อนไปถ่ายที่ตลาด ก็มีแบบแม่ค้า, แม่บ้านเดินมาบอกว่าโดนมาก นี่เป็นชีวิตพี่ตอนนี้เลย แต่พอดูเรื่องเราแล้วมันเป็นแบบอย่างที่จะทำให้เขาดูสตรองขึ้น แล้วก็ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ เราก็ดีใจค่ะ

เมียหลวง

ถือว่าเป็นผลงานที่ทำให้เราประสบความสำเร็จกับการแสดงไหม?

มารี : หนูว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ก็สนุกดีและได้กระแสตอบรับกลับเยอะมาก เราก็คิดอีกมุมหนึ่งคือเราเล่นดีจนเขาอินแบบต้องมาด่า ทนไม่ได้กับอะไรแบบนี้ จริงๆ ตัวเองก็ยังไม่เคยเล่นร้ายมาก่อน อันนี้เป็นเรื่องแรกที่เล่นเป็นตัวร้ายเลยค่ะ

เคยคิดมากก่อนไหมว่าถ้ามาเล่นร้ายแล้วจะเกิดแบบนี้?

มารี : คืออาจจะมีคาดหวังไว้บ้างว่ากระแสตอบรับจากผู้ชมอาจจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่จริงๆ บทนี้ก็เป็นบทที่อยากจะเล่นมาสักพักแล้ว เราอยากจะลองเล่นร้ายดู รู้สึกว่ามันน่าจะสนุกแล้วก็เป็นตัวละครที่สามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้เต็มที่

เมื่อรู้ว่าต้องมาเล่นกับ “บี-น้ำทิพย์” รู้สึกเกร็งบ้างไหม?

มารี : ก็ตอนแรกก็ตื่นเต้นค่ะ ตอนที่ยังไม่เจอกันนะ แล้วก็แบบดูหนังของพี่บีมา เราก็กลัว แอบคิดว่าจะสู้เขาได้ไหม หมายถึงว่าในฉาก อินเนอร์เราจะมาเต็มเท่าเขาได้ไหม แต่กลับกลายเป็นว่าพอพี่บีส่งมาเต็ม มันก็มาเอง ก็กลายเป็นตอบกลับได้แบบพี่บีส่งมาดี ต้องยกเครดิตนี้ให้พี่บีด้วยค่ะ

บี : จริงๆ ตัวบีเองก็คิดว่าน้องเขาก็เล่นดี เข้าฉากกันครั้งแรกก็รู้สึกเลยว่าเขามีความตั้งใจจริงๆ จากแววตาของเขา เรารู้สึกได้เลยว่า คนนี้เขาทำการบ้านมา แล้วก็เล่นเต็มที่อะไรแบบนี้ค่ะ

เมียหลวง

คิดว่าฉากไหนที่ตัวเองแสดงเล่นยากสุด?

บี : จริงๆ ยากที่สุดเกือบทุกฉากนะสำหรับบี เพราะว่าตัว “บี” กับ “อรุณา” มันคนละแบบเลยค่ะ ตัวละครกับชีวิตจริงเราไม่ใช่สายนี้ บีเป็นสายเหวี่ยงค่ะ แต่ “อรุณา” จะรู้สึกอึดอัดค่ะ เวลาเกิดเรื่องก็ต้องสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนอะไรแบบนี้ เราก็ต้องทำการบ้านตีโจทย์ให้แตก แล้วก็มีคุยกับผู้กำกับด้วยว่าเขาอยากได้แบบไหน นิยามคิดว่าให้เป็น “อรุณา”ให้ได้ คิดว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ เจอเหตุการณ์ที่เขานอกใจเรา เราจะทำยังไง เราจะเอาเขากลับมาไหม หรือเราจะไปเหวี่ยง คือต้องคิดแบบเป็น “อรุณา” จริงๆ

มารี : ต้องบอกว่า “กันยา”กับ “มารี” มีนิสัยที่ห่างกันมาก อาจจะใกล้เคียงกันบ้างในเรื่องของการที่มีอะไรมากระแทกใจแล้วระเบิด แบบโกรธก็คือโกรธ เสียใจก็เสียใจ แต่ว่าในเรื่องของความถูกต้อง ค่อนข้างต่างกันมาก คือเราเป็นคนที่ถ้าเจอผู้หญิงแบบนี้แล้วแอนตี้ แล้วเราจะสู้กับเขาด้วยอารมณ์ที่แบบอาจจะแรงเท่าเขาก็ได้

เห็นว่า บี มีกระแสดราม่าเรื่องทรงผมในละคร ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

บี : คือจริงๆ แล้วด้วยบท เขาเขียนมาว่า เหมือน “อรุณา” อยากเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ซึ่งในเรื่องสามีเราจะไม่ชอบคนผมสั้น แล้ว “อรุณา” ก็จะคิดแบบว่าโอเคถ้าวันนี้ฉันไม่มีเธอขอตัดผมสั้นก็แล้วกัน เราก็เลยต้องไปหาทรงว่าผมสั้นทรงไหนที่จะเหมาะกับ “บี” และตรงกับคาแร็คเตอร์ “อรุณา” ซึ่งกว่าจะได้ทรงนี้ก็หากันมาหลายทรงมาก เพราะทุกอย่างอยากให้ออกมาแนบเนียนที่สุด ตอนแรกถ้าไม่ติดละครอีกเรื่อง “บี” อยากตัดให้เลย เพื่อที่จะได้ถ่ายเต็มที่ ให้มันจริงไปเลย แต่เมื่อไม่สามารถทำได้เลยมาใส่วิกอันนี้แทน

เมียหลวง

มารี เล่นเลิฟซีนกับ ป้อง ณวัฒน์ เป็นยังไงบ้าง?

มารี : ตอนแรกก็มีเขินบ้างว่าแบบจะอะไรยังไง ขนาดไหน เพราะในบทมันก็แค่บทในกระดาษ แต่พอได้คุยกันกับพี่ป้องก็เลยแบบคุยกันว่าทำยังไงให้แบบเหมือนเทคเดียวผ่านอะไรแบบนี้ พอเล่นจริงๆ ก็เทคเดียวค่ะ

คิดว่าการเป็นภรรยาในแบบ เมีย 2018 ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?

บี : คงต้องเป็นผู้หญิงที่ เข้มแข็ง อดทน มีความเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมแพ้ เมื่อเจออุปสรรคอะไรก็ตามจะต้องฝ่ามันไปให้ได้ ขอแค่เราอย่ายอมแพ้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นค่ะ

มารี : คิดว่าต้องเป็นผู้หญิงที่มีจุดยืนของเขา คือมีขอบเขตที่เขาสบายใจแค่ไหน เขารับอะไรได้แค่ไหน แล้วก็ไม่กลัวการที่จะหลบออกไป ถ้าเกิดเจออะไรที่หนักหนาหรือว่ารับไม่ได้จริงๆ การที่เราแต่งงานหรือฝากชีวิตไว้กับใครแล้ว สุดท้ายเราก็ต้องมีการเผื่อใจไว้ด้วย เพราะไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ

สำหรับละครเรื่อง เมีย2018 ก็ดำเนินเรื่องมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว บอกเลยว่ากำลังเข้มข้นมากๆ แฟนๆ สามารถติดตามชมกันได้ ทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 21.30 น. ทางช่องวัน 31


 

The post “บี-มารี” เมียหลวง เมียน้อย แห่งปี 2018 ควงแขนเปิดใจ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

Viewing all 6621 articles
Browse latest View live


<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>